บทที่ 11 ได้เวลาทำอะไรแล้ว
บทที่ 11
ได้เวลาทำอะไรแล้ว
เมื่อค่ำคืนมาถึงพ่อค้าในเมืองตงซานเริ่มที่จะปิดร้านของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าต่างเผ่าที่มาที่นี่เพื่อทำธุรกิจหรือชาวเมืองต่างทยอยกันกลับไปที่พักของพวกเขา
บนถนนสายหลักมีมนุษย์หัววัวร่างสูง 20-30 คนกำลังเข็นรถที่เต็มไปด้วยสินค้าไปยังที่พักชั่วคราวของพวกเขา
มนุษย์หัววัวเหล่านี้สวมหนังสัตว์อสูรที่หยาบกระด้างในมือของพวกเขาถือกระบองเขี้ยวหมาป่าและค้อนยักษ์ และอาวุธประเภทใช้พละกำลังอื่นๆ พวกมันดูน่าเกลียดและดุร้ายมาก
เผ่ากระทิงเถื่อนเป็นเผ่าพันธุ์ระดับเหลืองที่ต่ำสุดใน ทวีปเทียนเหิง พวกเขามีพลังป่าเถื่อนและสติปัญญาไม่สูงมากนัก
ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างจักรวรรดิและชนเผ่ากระทิงเถื่อนนั้นเริ่มตึงเครียดมากขึ้น เกิดการปะทะกันบ่อยครั้งที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างทั้งสองเผ่า
เผ่ากระทิงเถื่อนใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งของตัวเองเพื่อล่าสัตว์อสูรและแลกเปลี่ยนวัตถุดิบจากสัตว์อสูรมาแลกสิ่งที่จำเป็นบางอย่างในการดำรงชีวิต แน่นอนว่าพ่อค้าเผ่ามนุษย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการหลอกลวงย่อมกดราคาพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม แต่พวกเขาก็ไม่มีทางอื่น หากไม่ค้าขายก็คงอดอยาก แม้ว่าเขาจะมีความแค้นแต่การถูกกดขี่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขายกเลิกการค้าขาย
เผ่ากระทิงเถื่อนกลุ่มนี้ใช้ผลึกอสูร 10 เม็ดเพื่อแลกเปลี่ยนกับของใช้ในรถเหล่านี้ ตอนนี้พวกเขากำลัง อ้าปากค้างและโกรธจัดเมื่อพวกเขาถูกกดขี่ราคาสินค้า
คนที่เป็นผู้นำเป็นชายหัววัว วัยกลางคน ด้านหลังของเขามีขวานขนาดใหญ่อยู่บนหลัง เขามองไปที่กลุ่มคนด้านหน้าอย่างไม่พอใจและหันไปมองรถหลายคันของเขา
ผลึกอสูร 10 เม็ด นั้นเป็นสิ่งที่คนในเผ่าใช้ชีวิตแลกมา แต่สุดท้ายก็ถูกพ่อค้าหลอกลวง ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห หากไม่ใช่ว่าที่นี่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ และหัวหน้าเผ่าได้กำชับก่อนออกเดินทางแล้วว่าให้เขานั้นควบคุมอารมณ์ให้ดี ไม่อย่างนั้นเขาคงใช้ขวานตัดหน้าพ่อค้าหน้าเลือดเหล่านั้นเป็น 2 ท่อนแล้ว
ทันใดนั้น ทหารเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่สวมเกราะถือดาบยาวและสะพายคันธนูไว้ด้านหลัง ก็โผล่ออกมา ผู้นำกลุ่มทหารหยุดพวกเขาเอาไว้และตะโกนถามด้วยความโกรธเคืองว่า “พวกเจ้าทำอะไรกัน”
ชายหัววัวที่เป็นผู้นำของกองคาราวานนี้พยายามข่มความโกรธและกล่าวว่า
“พวกเราเป็นเผ่ากระทิงเถื่อนเข้ามาทำธุรกิจในเมืองแห่งนี้ ข้าสงสัยว่าเหตุใดท่านจึงหยุดพวกเราโดยไม่มีเหตุผล?”
“ไร้สาระ! แค่มองก็รู้ว่าเจ้าเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน!เจ้าไม่รู้หรือว่าอาณาจักรของเผ่ามนุษย์กับอาณาจักรเผ่ากระทิงเถื่อนของเจ้านั้นมีสถานการณ์เป็นอย่างไร? เจ้าบอกว่ามาทำธุรกิจแล้วไหนล่ะใบผ่านทาง?”
แม่ทัพหนุ่มมีท่าทางดุร้ายและแสดงออกถึงความไม่ลงรอย คนหัววัวจ้องเขม็งไปที่แม่ทัพหนุ่มแล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ใบสำคัญอะไร?วัวแก่เช่นข้าไม่เคยต้องใช้ใบผ่านทางมาก่อน!”
แม่ทัพหนุ่มโกรธจัดเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ถ้าไม่มีก็แสดงว่าพวกเจ้าเป็นสายลับ พี่น้องทั้งหลายค้น!”
เมื่อได้ยินเสียงชักดาบดังขึ้น ทหารเผ่ามนุษย์ก็ล้อมรอบฝูงเผ่ากระทิงเถื่อนเอาไว้ทันที และเผ่ากระทิงเถื่อนเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกันพวกเขาต่างหยิบอาวุธขนาดใหญ่ออกมาและเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์มนุษย์
สถานการณ์ในตอนนี้เริ่มตึงเครียดขึ้นทันที ชาวบ้านที่เดิมคิดว่าจะดูการแสดงของพวกเขาต่างพากันหลบหนีแยกย้ายกันไปทีละคน
ในเวลาเดียวกันในใจของพวกเขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมา “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ทหารเผ่ามนุษย์อย่างเรากล้าต่อกรกับเผ่าพันธุ์กระทิงเถื่อนอย่างโจ่งแจ้ง?”
ทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากันเพียงครู่หนึ่ง ทหารเผ่ามนุษย์ที่สวมชุดเกราะหนังสีเข้มเข้ามา มีทหารประมาณ 100 คน และแม่ทัพวัยกลางคนขี่ม้าและถือดาบใหญ่ที่น่าเกรงขาม
“เกิดอะไรขึ้น!ใครกล้าสร้างปัญหาในเมืองตงซานของเรา?”
ทันทีที่คนคนนี้มาถึงก็มีเสียงตะโกนดังกังวานขึ้น
“ท่านแม่ทัพจ้าว!”
ฝูงชนที่มองดูอดอุทานไม่ได้ คนที่มาคือแม่ทัพหมายเลข 1 ของเมืองตงซาน จ้าวอัน ซึ่งมีพลังระดับ 3 แล้ว!”
“จ้าวอัน ทำไมเขาถึงมาที่นี่?”
แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้วและตะโกนว่า “แม่ทัพจ้าว!สายลับของเผ่ากระทิงเถื่อนเหล่านี้รวมตัวกันเพื่อทำลายเมืองตงซานของเรา!”
หลังจากพูดจบเขาก็คำรามออกมาและฟันไปที่มนุษย์วัวซึ่งอยู่ตรงหน้าของเขา
แน่นอนว่ามนุษย์วัวย่อมไม่ให้ใครมาหยามเกียรติ เขายกกระบองเขี้ยวหมาป่าซึ่งมีขนาดเท่าต้นขาของเขา ยกขึ้นปัดป้องกันโจมตี มนุษย์ตัวเตี้ยที่อยู่ตรงหน้าเขาจะทำร้ายเขาได้อย่างไร?
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงก็เกิดขึ้น
กระบองเขี้ยวหมาป่าของมนุษย์วัวถูกดาบยาวฟันออกเป็นชิ้นราวกับฟันกระดาษ ดาบเหล็กชั้นดียังคงฟาดฟันเป็นที่แขนของมนุษย์วัวอย่างรุนแรงและได้ยินเสียง “ฟุบ”แขนที่ใหญ่ของมนุษย์วัวขาดกระเด็น
ความเงียบเข้าครอบคลุมสถานการณ์ วินาทีต่อมาก็มีเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูถูกเชือด ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็เริ่มปะทะกันอย่างรุนแรง จ้าวอัน เห็นทีว่าสถานการณ์นี้คงต้องลงมือเสียแล้ว เขาตะโกนเสียงดังยังไม่ต้องคิด “ฆ่ามนุษย์วัวพวกนั้นซะ!”
กองกำลังได้ขยายวงกว้างขึ้นอีกครั้งทันใดนั้นเลือดก็สาดกระเซ็นไปทั่ว เสียงคำรามและเสียงร้องโหยหวนและเสียงประสานกันของอาวุธกลายเป็นบทเพลงที่บรรเลงบนลำธารเลือด
แม้ว่าจำนวนทหารเผ่าพันธุ์มนุษย์เหนือกว่าแต่เผากระทิงเถื่อนเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ก็ไม่อาจเอาชนะกลุ่มมนุษย์วัวกลุ่มนี้ได้
ทันใดนั้นควันหนาก็ลอยออกมาจากทางใต้ของเมืองตงซาน
“เกิดอะไรขึ้น นั่นคือทิศทางของคลัง!”
แม่ทัพหนุ่มเห็นดังนั้นก็ตะโกนใส่ จ้าวอัน ที่กำลังต่อสู้กับมนุษย์วัว “ท่านแม่ทัพ! คลัง กำลังถูกไฟเผา เกรงว่าจะมีโจรใช้ไฟในการปล้นสะดม ข้าจะพาคนไปจัดการเรื่องนี้เอง!”
พูดยังไม่ทันจบดีและไม่รอให้ จ้าวอัน ตอบโต้ใดๆ เขาก็เห็นทหารที่สวมชุดเกราะถือดาบเหล็กล้วนถอยออกไปแล้ววิ่งออกไปพร้อมกัน
จ้าวอัน เห็นดังนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาไม่ทันได้จะคิดหรือพูดออกมาเพราะตอนนี้เขากำลังถูกมนุษย์วัวต่อสู้กันเป็นพัลวัน จึงไม่มีเวลามาพิจารณารายละเอียดเหล่านี้
ในเวลาเพียงครู่เดียว เมืองก็เกิดเพลิงไหม้หลายจุด ทั่วเมืองเกิดความโกลาหล ผู้คนตะโกนว่า “เผ่ากระทิงเถื่อนบุก พวกมันทำลายเมืองแล้ว!”
ทหารกลุ่มหนึ่งวิ่งอยู่บนถนน สร้างความโกลาหลจนไก่และสุนัขกระโดดหนี มีทหารกลุ่มหนึ่งเมื่อเห็นพ่อค้าต่างเผ่าพันธุ์ก็จัดการฆ่าพวกเขาทันที
พ่อค้าต่างเผ่าพันธุ์ต่างล้มตายภายใต้ดาบยาวของพวกเขามากกว่า 20 ถึง 30 คน นี่เป็นการกระตุ้นอย่างรุนแรงเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ต่างแดน
ในเมื่อพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่ในระดับล่างเช่นกัน ใครจะกลัวใครกัน?
ตอนนี้ในเมืองต่างวุ่นวาย สถานการณ์ไม่สามารถจัดการได้