ตอนที่180 สลายเป็นฝุ่น
เมื่อเคลื่อนที่ห่างออกไป200จั้ง เมิ่งชวนก็เห็นแก่นอสูรสีดำระเบิดออก
ตูม!
แก่นอสูรที่เต็มไปด้วยการฝึกฝนของอสูรฟ้าระดับสี่ เมื่อมันระเบิดออก ทุกๆสิ่งในระยะหนึ่งร้อยจั้งสลายกลายเป็นฝุ่น โชคดีที่เขตแดนของจางหวินเฟิงสะกดแรงระเบิดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นพลังทำลายล้างคงจะมากกว่านี้มาก
ฟุบๆๆๆ
สายน้ำสีดำเจ็ดสายพุ่งหนีไปทั่วทุกทิศทาง แม้ว่าพวกมันจะโดนผลจากแรงระเบิดเล็กน้อย แต่ส่วนมากจะรุนแรงในตรงกลาง ส่วนขอบๆนั้นเบาลงมาก
‘แก่นอสูรทำให้พวกมันต้องหนีไปไกล อีกทั้งข้ายังสร้างร่างปลอมด้วยตอนที่ล่าถอย เมิ่งชวนตามหาร่างจริงข้าไม่ได้ในทันทีแน่ ข้าอาจจะหนีรอดได้’ เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยหลบในกระแสน้ำสีดำและหลบหนี
‘คิดหนีรึ?’ เพียงแค่คิด จางหวินเฟิงเรียกลำแสงกระบี่ออกมาเก้าเล่มในเขตแดนสีขาว ลำแสงกระบี่ทั้งเก้านั้นไล่ตามสายน้ำทั้งเจ็ด จางหวินเฟิงมั่นใจมาก ‘ค่ายกลกระบี่เก้าสมบัติของข้าไม่ได้ทรงพลังมาก แต่มันก็เพียงพอที่จะทำลายร่างปลอมของเจ้าได้’
แม้เขาจะเชี่ยวชาญในวิชาเขตแดน แต่เขาก็คิดค้นค่ายกลกระบี่เก้าสมบัติผ่านวิชาเขตแดน กระบี่เหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยพลังปราณ ความแข็งแกร่งของค่ายกลกระบี่เก้าสมบัตินั้นเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับเฟิงโหวเทพอสูรเลยด้วยซ้ำ
‘อะไรน่ะ?’ เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยตกใจ
ลำแสงกระบี่ไล่ตามสายน้ำทั้งเจ็ด ภายในพริบตา สายน้ำทั้งเจ็ดก็ระเหยหายไป เหลือเพียงสายน้ำที่มีร่างจริงของเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยที่ยังคงอยู่ และค่อยๆบิดเบือนก่อนเผยร่างของเขาออกมา
‘ทำยังไงดี? ทำยังไงดี?’ เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยระเบิดแก่นอสูรไปแล้ว ร่างปลอมก็ไม่ได้ผล ในตอนนี้เขาเปี่ยมไปด้วยความกังวล ความเร็วของเขาไม่มีทางเทียบเท่ากับเมิ่งชวนได้แน่
“เจ้าอสูรฟ้า อีกปีนับจากวันนี้ นั่นจะเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้า!” เมิ่งชวนรีบพุ่งเข้าไปหาพร้อมกับหยางฟาง
‘วารีหลบหนี!’ ด้วยความตื่นตกใจ เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้แม่น้ำเพื่อหลบหนี
ฟุบ
เขารีบพุ่งไปทางแม่น้ำที่อยู่ใกล้ที่สุดในทันที
เพราะเขตแดนของจางหวินเฟิง โอกาสที่จะใช้วารีหลบหนีได้นั้นจึงต่ำ แต่นั่นเป็นทางเลือกสุดท้ายของเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ย
“ระวังด้วย เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของสายวิชาวารีทมิฬ มันเก่งในการหลบหนีทางน้ำ” เมิ่งชวนเตือนผ่านกระแสจิต
“ไม่ต้องกังวล” จางหวินเฟิงมั่นใจ “ข้าไม่ทำพลาดแน่”
แม่น้ำที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นกว้างประมาณห้าสิบจั้ง ถือว่ากว้างสำหรับแม่น้ำในเมือง
ก่อนที่เมิ่งชวนและหยางฟางจะไปถึงเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ย เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยก็พุ่งออกไปแล้ว! ร่างของเขาเปลี่ยนกลายเป็นกระแสน้ำสีดำขณะกระโจนใส่แม่น้ำที่เชี่ยวกราก
ฟู่ม! แต่ทันใดนั้นแม่น้ำตรงหน้าเขาก็แยกออก เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยแตะน้ำไม่ได้เมื่อกระโจนเข้าใส่แม่น้ำ
เมิ่งชวนเป็นคนแรกที่ตามมาทัน ลำแสงกระบี่ฟาดลงไปแล้ว
เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยจ้องไปที่แม่น้ำที่ถูกแยกออกด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาใช้มือที่เหลืออยู่ถือเข็มวารีและปัดป้องลำแสงกระบี่ของเมิ่งชวนได้อย่างยากลำบาก โดยที่ไม่มีแก่นอสูร พละกำลังของเขาจึงลดลงอย่างมหาศาล เขารู้สึกว่ารับมือเมิ่งชวนได้ยากลำบากขึ้น ในจังหวะนั้นเอง เขาปัดป้องการโจมตีอีกสองครั้งก่อนจะพุ่งเข้าใส่แม่น้ำอีกครั้ง เขาถึงขั้นยอมปล่อยให้ลำแสงกระบี่แทงเข้าใส่น่องในขณะที่เปลี่ยนเป็นน้ำและเข้าสู่แม่น้ำได้สำเร็จ
‘ข้าเข้ามาแล้ว’ เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยพุ่งเข้าใส่แม่น้ำและรู้สึกได้ถึงเศษเสี้ยวแห่งความหวัง ‘วารีหลบหนี! หนี!’
ด้วยวิชาวารีหลบหนี ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่ในตอนนั้นเอง เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าส่วนของแม่น้ำกว่าหนึ่งลี้ลอยขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้น แม่น้ำยังถูกแบ่งออกเป็น18ส่วน! บางส่วนยาวเพียงหนึ่งจั้ง ในขณะที่ส่วนที่ยาวที่สุดยาวประมาณสามสิบจั้ง นำ้ที่ถูกแบ่งเหล่านั้นลอยอยู่กลางอากาศและถูกแบ่งออกโดยเขตแดนของจางหวินเฟิง
น้ำสีดำของเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยหลบซ่อนอยู่ในหนึ่งในส่วนเหล่านั้น เขาไม่สามารถหนีไปยังส่วนอื่นได้
“เจ้าคิดจะหนีไปจากเขตแดนของข้ารึ?” จางหวินเฟิงพุ่งเข้าใส่เขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
เขาหั่นส่วนของน้ำที่ขังเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยเอาไว้ บังคับให้เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยต้องเผยตัวเองออกมา
“ตาย” หยางฟางและเมิ่งชวนโจมตีอีกครั้ง
“ไม่...” เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยดูสิ้นหวัง พลังส่วนมากได้หายไปจากการระเบิดแก่นอสูร เขาแทบจะสู้กับเมิ่งชวนภายใต้การกดดันของเขตแดนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยางฟางในสภาพนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดเลยด้วยซ้ำ
ในสองกระบวนท่า เขาหลบการโจมตีได้สองครั้งอย่างฉิวเฉียด
ฟุบ!
เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยหลบการขวานที่ฟาดลงมาครั้งต่อไม่สำเร็จ มันตัดผ่านช่วงเอวและร่างกายของเขาไป!
ร่างส่วนบนและล่างของเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยแยกออกจากกัน
“คงสภาพ” เขาควบคุมร่างกายในทันที บังคับให้ร่างส่วนล่างและร่างส่วนบนต่อเข้าด้วยกัน ด้วยความล้ำลึกในการฝึกฝนร่างกายของเขา เขาจึงมีพลังชีวิตที่มหาศาล เว้นเสียแต่โดนเข้าที่จุดตายเช่นหัว เขาไม่มีทางที่จะตายได้ง่ายๆ “ซ่อม”
จางหวินเฟิงที่อยู่ข้างๆก็บังคับให้เขตแดนสีขาวอันกว้างใหญ่ยึดร่างส่วนบนและส่วนล่างของเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยเอาไว้ ป้องกันไม่ให้มันกลับมายึดติดกันได้
ฟุบ ลำแสงกระบี่โผล่ขึ้นมาจากด้านหลัง มันพุ่งออกไปสิบจั้งและทะลวงผ่านหัวของเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยทะลุออกมาตรงกลางหว่างคิ้ว
เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยเบิกตากว้าง ในตอนนั้น ภาพในอดีตนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมาในใจของเขา….
ในคืนนั้น ฝนตกหนัก เขาสังหารตระกูลของศัตรูจนสิ้น เขาทิ้งให้ศพนอนเน่าอยู่บนพื้นพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางสายฝนที่ถล่มลงมา และในที่สุดเขาก็ได้กลายเป็นอสูรฟ้าจากการแย่งชิงกันระหว่างศิษย์นิกายอสูรฟ้า
อสูรฟ้าฝึกฝนวิชาที่ไม่สมบูรณ์ เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยสร้างเส้นทางแห่งการฝึกฝนนี้ผ่านการลองผิดลองถูก กระทั่งใช้ศิษย์คนอื่นเพื่อทดลองเลยเสียด้วยซ้ำ นั่นจึงทำให้ตัดวิธีที่ผิดออกไปได้และทำให้เขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดเขาก็เป็นจอมยุทธสายวิชาวารีทมิฬที่แข็งแกร่งที่สุด
‘เพียงเมื่อข้ามีชีวิตอยู่โลกใบนี้ถึงจะมีความหมาย หากข้าตาย! ข้าจะไปสนอะไรทำไมเล่า!’
เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยเป็นอสูรฟ้าระดับสี่และเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งในโลกใบนี้ ในตอนนั้น เขาคาดหวังที่จะได้ยืนอยู่ภายใต้แสงแดดและอยู่เหนือผู้คนมากมาย เขาไม่อยากจะหลบซ่อนอยู่ในความมืดตลอดไป
วันหนึ่ง จอมจักรพรรดิของเหล่าอสูรได้ส่งจารึกศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์ให้แก่นิกายอสูรฟ้า สัญญาที่ถูกจารึกไว้นั้นทำให้เขาได้เห็นถึงความหวัง
มนุษย์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์นับร้อยของอสูร โลกมนุษย์สิบส่วนจะเป็นของนิกายอสูรฟ้าและจะปกครองตลอดไป สายวิชาอสูรฟ้าจะเป็นระบบการฝึกฝนเพียงอย่างเดียวของมนุษย์ ในฐานะผู้นำของสายวิชาทั้งเจ็ด เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยจะได้เป็นหนึ่งในผู้ปกครองของเหล่ามนุษย์
เขาเห็นถึงความหวัง และมุ่งหวังให้นั่นเป็นจุดหมายในอนาคต
ฟุบ
กระบี่ทะลวงผ่านหว่างคิ้วของเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ย
เขารู้สึกได้ว่าร่างกายค่อยๆเย็นลงพร้อมกับสติสัมปชัญญะที่เลือนลางหายไป นั่นคือจุดจบของชีวิต จากนั้น เขารู้สึกได้ว่าแก่นสารแห่งจิตและเลือดเนื้อกำลังถูกกัดกินอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่สติจะจางหายไปในความว่าเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด…
…
หืม? เมื่อกระบี่อสูรสังหารทะลวงผ่านหัวของเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยไป เขาก็รับรู้ได้ว่ากระบี่อสูรสังหารนั้นเริ่มกัดกินร่างของเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งร่างกายส่วนล่างที่แยกออกก็ถูกกลืนกิน คลื่นสีเลือดพุ่งเข้าใส่กระบี่อสูรสังหารอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่เขาได้กระบี่อสูรสังหารมานั้น นอกจากราชาอสูรสิงโตแล้ว เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยนั้นเป็นคนที่สองที่กระบี่อสูรสังหารกลืนกินเข้าไป
ภายในไม่กี่วินาที เจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยก็สลายหายไปไม่เหลือซาก เขาหายไปจากโลกนี้ ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงเข็มวารีและสมบัติอีกสองชิ้น
เมิ่งชวน หยางฟางและจางหวินเฟิงยืนอยู่ด้วยกัน พวกเขาหยุดใช้วิชาต้องห้ามและมองดูร่างของเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยที่สลายหายไป
“มันตายแล้วรึ?” หยางฟางกระซิบเบาๆ เขายังรู้สึกเหลือเชื่อแม้จะสังหารเจ้าวังเฮ่ยฉุ่ยลงไปแล้วก็ตาม
“ตายสนิท กระบี่อสูรสังหารของข้ากลืนกินมันไปจนหมด” เมิ่งชวนกล่าว
“สลายหายเป็นฝุ่น” จางหวินเฟิงกล่าว