EP 593 ตาเฒ่าเกา แกคือรายต่อไป!
EP 593 ตาเฒ่าเกา แกคือรายต่อไป!
By loop
ในช่วงยามบ่าย.
บ่ายฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของปี ดงซูบินไปทานอาหารที่ร้าน และดงซูบินขับรถกลับไปที่สำนักงานเขตกวางหมิง
“ท่านเลขาธิการกลับมาแล้วเหรอ?” “สำนักงานย่อยพาตัวไปไม่ใช่เหรอ?”
“นี่... ไม่เป็นไรนะ?” การกลับมาของดงซูบิน ทำให้เกิดการถกเถียงกันมากมาย จากนั้นก็มีบางที่มาจากโรงพยาบาลแห่งที่สอง มีข่าวที่น่าประหลาดใจกลับมา ลูกชายของผู้อำนวยการแผนกองค์การเขตหนานฉางแกล้งป่วย ซี่โครงหักและกระดูกแขนหัก ทั้งหมดนี้เป็นผลการทดสอบนั้นเป็นของปลอม อันที่จริง ชูเซี่ยวเหลียงนั้นแหละที่เป็นคนก่อเหตุ และเขาก็เองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย ที่เขาทำก็แค่ต้องการแบล็กเมล์เลขาซูบิน
ภายใต้ "นโยบาย" ของดงซูบิน ที่หลังจากเข้ารับตำแหน่ง เขาได้จัดการปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานในเขตนี้ สำนักงานในเวลานี้เริ่มเข้มแข็งขึ้น แต่เมื่อได้ยินเรื่องที่ดงซูบินโดยแบล็กเมล์ ก็ยิ่งทำให้หลายคนในสำนักโกรธขึ้นมานิดหน่อย
นี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ? หัวหน้าฝ่ายองค์กรจะทำอะไรก็ได้ตามต้องการได้อย่างงั้น? เห็นเขตกวางหมิงเป็นอะไรกันแน่? มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลั่นแกล้งพวกเราด้วย?
ในเวลาเดียวกัน ก็เกิดคำถามขึ้นมามากมาย เกิดอะไรขึ้นกับคำให้การของเกาหมิงเฟิง?
"ฉันเองก็อยากจะรู้?เหมือนได้ยินมาว่าคำให้การที่เขาให้มันเป็นคำให้การเท็จ!"
"ใช่ชูเซียวเหลียง เองก็ด้วย คำให้การนั้นไม่เป็นความจริง!"
"นั่นหมายความว่าเรื่องที่ผู้อำนวยการเกาหมิงถูกทำร้ายนั้นก็เป็นความจริง”
“แล้วทำไม? เขาถึงให้การกับตำรวจไปในอีกทิศทางหนึ่ง”
“ฉันเองก็ไม่เข้าใจผู้อำนวยการเกาเหมือนกัน...”
“บ้าจริงเชียว มีคนแบบนี้อยู่บนโลกจริงๆหรอเนี่ย?”
“ทั้งๆที่เลขาซูบินช่วยเขาไว้แท้ๆแต่ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้กัน? คนเช่นนี้ไม่น่าเคารพเอาเสียเลย!”
“เขาเป็นคนของเราแท้ๆแต่กับหักหลังหัวหน้าของเขา ผู้อำนวยการเกา เขาต้องการอะไรกัน?”
“คงเป็นแรงกดดันของฝ่ายรัฐมนตรีชู ล่ะมั้ง”
“ถ้าอย่างงั้นเลือกที่จะเงียบจะไม่ดีกว่าหรอ ทำไมถึงจะต้องยอมมาเป็นพยานและให้การเท็จใส่ร้ายเลขาซูบินด้วยล่ะ!”
“คอยดูเถอะ เลขาซูบินเขาจะมียอมอยู่เฉยๆแน่ และเรื่องนี้คงจะจบไม่สวยเท่าไร”
“ใช่ คนที่มีปัญหากับเลขาซูบินร้อยละแปดสิบไม่เคยมีจุดจบที่ดีสักคน”
“ฉันก็คิดอย่างนั้น ต้องมารอดูว่าผู้อำนวยการเกาจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้”
ทุกคนในสำนักงานเขตกวางหมิง ได้รู้จักสไตล์การทำงานของดงซูบินว่า เขาเป็นคนลักษณะที่ว่า"ใครรักเขา เขารักกลับ" ในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
อาคารเสริม.
สำนักงานเลขา.
ทันทีที่ดงซูบินกลับมา เขาจุดบุหรี่และหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมาเพื่อโทรหา ฉูหยินเชียวและสำนักงานของโจวหยินหยูโดยขอให้พวกเธอมาหาเขา หลังจากสะสางปัญหากับรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลดีวู่เสร็จแล้ว ดงซูบินก็ตั้งเป้าหมายไปที่เกาหมิงเฟิงทันที เขาจะไม่มีวันปล่อยคนนี้ไป เมื่อเห็นว่าเขาถูกชูเซียวเหลียงทำร้าย ดงซูบินเห็นแกมิตรภาพและความเมตตาของเพื่อนร่วมงานของเขา เขาจึงพยายามยืนมือเข้าช่วยแต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นตรงกันข้าม?
กลับกลายเป็นว่า เกาหมิงเฟิงใช้วิธีหมารอบกัดหันมาทำร้ายเขาแทนจึงทำให้ดงซูบินเองไม่พอใจกับเหตุการนี้เอามากๆ ทั้งๆที่เขาตั้งใจจะเข้าไปช่วยเหลือ? ตาแก่นั้น! คงสูญเสียความมีคุณธรรมและลืมบุญคุณกันไปแล้ว?
บูม มีเสียงเคาะประตู
ดงซูบินเงยหน้าขึ้นและพูดว่า "เชิญเข้ามา"
โจวหยินหยูและฉูหยินเซียว เดินเข้ามา "ท่านเลขา ชูเซียวเหลียงแกล้งทำเป็นป่วยจริงๆหรือ?" เห็นได้ชัดว่าพวกเธอก็ได้ยินข่าวนี้แล้ว
“ถูกต้องแล้ว ฉันได้ให้เขาลองตรวจร่างกายใหม่อีกครั้ง” ดงซูบินพยักหน้า
“อย่างที่ฉันคิดเอาไว้ไม่มีผิด!” โจวหยินหยูพูดออกมาด้วยอารมณ์โมโห: “สิ่งที่เขาทำมันจะมากเกินไปแล้ว! เขาไม่รู้กฎหมายหรืออย่างไรกัน!” ฉูหยินเซียวเองก็ดูโมโหไม่ใช่น้อย แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังน่าแปลกใจ ด้วยเหตุว่าตำแหน่งของชูชินหลง มันน่าแปลกที่ตัวของชูชินหลงก็น่าจะรู้กฎหมายที่และการสร้างพยานเท็จนั้นก็มีโทษร้ายแรงมาก? หรือว่าเพราะว่าเขาเกลียดดงซูบินจึงกล้าที่จะกระทำเช่นนี้? แต่การกล้าที่จะแจ้งหลักฐานเท็จมันก็ดูเกินไปหรือไม่? นี่ไม่ใช่สถานการณ์ของหัวหน้าแผนกองค์กรของคณะกรรมการเขตที่ควรทำ คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ ชูเซียวเหลียงลูกชายของเขานั้นทำเองทั้งหมดและเขาไม่ได้บอกพ่อของเขาเลย มิฉะนั้นคนอย่างชูชินหลง จะกล้าท่าทายกฎหมายถึงขนาดนี้ เขาน่าจะหาวิธีการที่แยบยลและรับความเสี่ยงต่ำกว่านี้น่าจะเหมาะสมกว่า
ดงซูบินเองก็พูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง: "เกาหมิงเฟิงมาหรือยัง"
"ดูเหมือนว่าผู้อำนวยเกาจะเข้ามาที่สำนักงานช่วงเที่ยงๆ" โจวหยินหยู "ฉันเองเห็นเขาตอนลงไปทานอาหาร เห็นเขาอยู่ที่โรงอาหาร”
ฉูหยินเซียวเหลือบมองที่โจวหยินหยูยิ้มให้ ดงซูบินและกล่าวว่า "ผู้อำนวยการโจวนั้นกล้าหาญมาก ตอนที่เกาหมิงเฟิงเข้ามาที่หน่วยตอนเที่ยง ผู้อำนวยการโจว เธอชี้หน้าของเกาหมิงเฟิงและด่าเกาหมิงเฟิงต่อหน้าทุกคน หลังจากที่เขาทานอาหาร เสร็จ แน่นอนใบหน้าของเกาหมิงเฟิงนั้นดูตกใจเอามากๆเลย”
ดูเหมือนว่าฉูหยินเซียวกับโจวหยินหยูเริ่มจะสนิทสนมกันมากขึ้นตั้งแต่ที่ดงซูบินเข้ามารับตำแหน่งที่นี้ และ ฉูหยินเซียวเองก็พยายามจะชื่นชมโจวหยินหยูทางอ้อมและรู้ว่าโจวหยินหยูเองไม่สามารถเล่าเรื่องที่เธอยืนชี้หน้าเกาหมิงเฟิงด้วยตัวเองได้ ดังนั้นฉูหยินเซียวเลยอาสาเป็นคนพูดแทน
โจวหยินหยูเองก็รู้สึกอายเล็กน้อย “ก็มันน่ารำคาญนิ ฉันทนไม่ได้หรอก ท่านเลขาซูบิน ฉันเองทำผิดกฎระเบียบฉันเองยินดีที่จะได้รับโทษที่เหมาะสมกับสิ่งที่ฉันทำลงไปแต่ถ้าจะปล่อยนิ่งเฉยไว้ฉันคงจะบ้าตาย”ดงซูบินเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดีและรู้ว่าโจวหยินหยูเธอไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแล้วไม่คิด เธอกล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เกาหมิงเฟิงต่อสาธารณะ นั้นเป็นการแสดงถึงความจงรักพักที่เธอมีให้กับผู้บังคับบัญชาของเธอ ดงซูบินรู้ทันทีว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับดงซบิน โจวหยินหยูก็จะยืนเคียงข้างเขาอย่างไม่ต้องสงสัย นี่คือความจริงใจที่เธอมีให้กับเขา พี่โจว แม้ว่าเธอจะเป็นคนพูดมาก แต่เธอเองรู้ว่าอะไรที่ควรจะพูดออกไปในภาวะเช่นนี้ เธอเองไม่กลัวที่จะมีปัญหา เนื่องจากเธอยืนอยู่ในทีมของดงซูบินเธอจะติดตามเขา นี่คือเหตุผลที่ดงซูบินให้ความสำคัญกับเธอมากที่สุด
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ดงซูบินเองก็ไม่ได้คิดจะลงโทษอะไรเธออยู่แล้ว! "ฉันคิดว่านี้มันเป็นเรื่องส่วนตัว ดังนั้นฉันคิดว่ามันเหมาะสมแล้ว"
ฉูหยินเซียวเองเธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่เกาหมิงเฟิงที่ลงไปมันมากเกินไป "เรื่องนี้ตำรวจ"
"ฉันได้ให้คนตรวจสอบแล้ว" ดงซูบินมองดูพวกเธอ "แล้วเกาหมิงเฟิงได้ก่อปัญหาอื่นๆอีกไหม?"
ฉูหยินเซียวส่ายหัวเล็กน้อย "รองผู้อำนวยการเกานั้นเป็นผู้อาวุโสของที่นี้และสไตล์การทำงานของเขาเข้มงวดมากและไม่มีรายงานจากคณะกรรมการวินัย การตรวจสอบ" เกาหมิงเฟิงเป็นคนที่เข็มงวดมาก หมายความว่าไม่มีทางที่เขาจะโดนลงโทษอะไรได้ง่ายๆ ฉูหยินเซียวรู้ว่าดงซูบินต้องการย้ายเกาหมิงเฟิงออกไป แต่ด้วยที่ว่าเกาหมิงนั้นเชียวชาญงานด้านี้และรู้ถึงขั้นตอนของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยเป็นอย่างดีจึงเป็นการยากที่จะจัดการเขาได้.
หลังจากคุยกันได้ซักพัก ทั้งสองก็ออกจากห้องทำงานของดงซูบิน
ดงซูบินนั่งอยู่ในห้องขมวดคิ้วและครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่พบเขาหลังจากผ่านขั้นตอนของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยแล้วจะผ่านขั้นตอนขององค์กรโดยตรงเพื่อย้ายเกาหมิงเฟิง ออกไปได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เกิงเซียงซึ่งนั่งตำแหน่งรองเลขาธิการก็เคาะประตูแล้วเข้ามา
“เลขาเกิง” ดงซูบินมองไปที่เขา “นั่งลงสิ”
เกิงเซียงเองก็ดูหน้าไม่สบอารมณ์ ดูเหมือนเขาจะดูผิดหวังบางอย่างมา แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรสำหรับดงซูบิน เพราะดูเหมือนโจวหยินหยูจะแนะนำให้ดงซูบินคุยเรื่องนี้กับเกิงเซียง เพราะถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสำนักงานและเรื่องต่างๆของบุคคลในสำนักงาน ลักษณะนิสัย เกิงเซียงจะเป็นคนที่รู้มากที่สุด
ดงซูบินหัวเราะ" เกิงเซียงคุณเองพอจะมีเรื่องอะไรที่ดูน่าสงสัยของเกาหมิงเฟิงหรือไม่"
เกิงเซียงแสร้งทำเป็นพูดว่า: "คุณพูดอะไร"
"รองเกิง ไม่รู้เกี่ยวกับการให้การเท็จของเขาอย่างงั้นหรอ"
"การเท็จ? ฉันไม่รู้เรื่องนี้"เกิงเซียงพูดอย่างสงสัย "ก็เรื่องเมื่อคืนอย่างไรล่ะดูเหมือนตำรวจจะสอบปากคำจากผู้อำนวยการเกาแล้ว”
การสนทนากับเกิงเซียงดูจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรสำหรับดงซูบิน เขายังสงสัยว่าการเลือกที่จะให้เกิงเซียงเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้จะเป็นทางออกที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะเกาหมิงเฟิงอาจ ถอนคำให้การของเขาและเกิงเซียงเองอาจอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วย ยังและอาจเกิดการคัดค้านการย้ายเกาหมิงเฟิงจากสำนักงานเขตกวางหมิงแห่งนี้ โดยพื้นฐานแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเกิงเซียง ที่จะไม่รู้เรื่องดังกล่าว เพราะเกาหมิงเฟิงลูกน้องของเกิงเซียง และ มันเลี่ยงไม่ได้ที่เกิงเซียงจะต้องปกป้องคนของเขา , แม้ว่า ดงซูบินจะเขียนรายงานไปยังแผนกองค์กรซึ่งอยู่ในความดูแลของชูชินหลง ชูชินหลงเองก็คงจะไม่ลงนามให้และนายกเทศมนตรีโยฮวาก็จะไม่แห็นด้วย เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องสร้างความขัดแย้งระหว่างผู้นำสองคน
เฮ้ สิ่งต่าง ๆ ยังยากที่จะจัดการ?
ทั้งๆที่ตาแก่นั้นทำผิดแท้ๆ ฉันก็ยังไม่สามารถย้ายเขาได้?
ใบหน้าของดงซูบินแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา มันเลยทำให้ดงซูบินกดเบอร์โทรศัพท์หาเกาหมิงเฟิงโดยตรง เขาต้องการดูว่าถ้าเกาหมิงเฟิงโดยเขากดดันขึ้นมา เกาหมิงเฟิงจะมีปฏิกิริยาใดๆออกมา
ตุ๊ดตู๊ดตู๊ดตู๊ดตู๊ดตู๊ดเสียงรอสายดังไปชั่วระยะหนึ่ง
จนกระทั่งเสียงของรอสายดับไป แน่นอนว่าดูเหมือนเกาหมิงเฟิงลังเลที่จะกดปุ่มรับแต่เขาก็กดมัน "สวัสดีครับ ท่านเลขาซูบิน”
ท่าทีของดงซูบินก็สงบลงกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อปลายสายรับโทรศัพท์ เขายิ้มก่อนแล้วพูดประชดว่า “วันนี้คุณไม่มาทำงานเหรอ?” แผลบนใบหน้าของคุณดีขึ้นหรือยัง? "
เกาหมิงเฟิงหยุดชั่วคราวกลัวว่าดงซูบินจะบันทึกเสียงของเขาเพื่อนำไปเป็นหลักฐานให้กับตำรวจ."ขอบคุณสำหรับความห่วงใยครับท่าน มันดีขึ้นมากแล้ว สำหรับแผลที่ผมเดินชนประตู ."
ดงซูบินหัวเราขึ้นมาทันทีและพูดว่า“เดินชนประตูกอย่างงั้นหรอ?”
“ครับ” “
“ผู้อำนวยการเกาดูเหมือนคุณกำลังจะเข้าใจอะไรผิดไป?” "
เกาหมิงเฟิงพยายามพูดวกไปวนมา: "คุณพูดอะไร?" ฉันไม่เข้าใจ. "
ดงซูบินกล่าวว่า: "เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ คุณช่วยพูดอีกครั้งต่อหน้าฉันแล้วฉันจะฟังอย่างตั้งใจ"
"ใช่เรื่องของการทำร้ายร่างกายหรือเปล่า?" เกาหมิงเฟิงยังสงสัยว่าดงซูบินคงกำลังบันทึกเสียงของเขาอยู่ และไม่ต้องการที่จะพูดถึงเรื่องนั้น: "ผมกำลังผ่านไปที่นั่นและผใเห็นคุณและชูเซียวเหลียงเถียงกันแล้วคุณก็ทำร้ายเขา"
ดงซูบินยิ้มอย่างโมโห "คุณจริงจังไหม"
"อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมเห็น เป็นแบบนั้นจริงๆ"
"พอดีว่าฉันอยากจะรู้พอดีว่าแล้วคนที่ฉันช่วยเขาหายไปไหนกัน และของกลางที่เป็นท่อนเหล็กก็หายไปด้วย"
"ผมเองไม่เห็นคุณจะช่วยใครเลย ส่งสัยตอนนั้นคุณคงกำลังหมาอยู่แน่ๆ"
ฉันกำลังเม่อยู่อย่างงั้นหรอ?
ฉันเมาแล้วขับรถไปทำร้ายคนอื่นได้?
ตาแก่นี้! ถึงตอนนี้แกก็ยังไม่เลิกที่จะใส่ร้ายฉันใช่ไหม? เกาหมิงเฟิงได้เลย! เราจะได้เห็นดีกัน!
ดงซูบินพยายามให้โอกาสเขาพูดความจริง หากเป็นเพราะความกดดันของชูชินหลงจริง ๆ แล้วแกอยากจะขอโทษฉันตอนนี้ ให้ไปที่สำนักงานตำรวจเพื่อแก้ไขคำให้การและบอกข้อเท็จจริง จากนั้นเรื่องทุกอย่าจะจบ ฉันดงซูบินไม่ใช่คนป่าเถื่อน แต่ฉันก็ไม่ยอมให้แกทำเช่นนี้เหมือนกัน? ถึงตอนนี้เขาก็ยังเป็นพยานเท็จว่าใส่ร้ายฉัน? นี้มันหมายความยังไงกัน? และยังกล่าวหาว่าฉันเมาแล้วขับอีก? นี้คงไม่ใช้การถูกกดดันจากชูชินหลงแล้วจริงไหม! ?
ถ้าเช่นนั้นฉันแกต้องโดนไม้แข็งแล้ว!
เกาหมิงเฟิง! ถ้าฉันไม่สามารถจัดการแกได้! ก็อย่ามาเรียกฉันว่าดงซูบิน!
สไตล์การทำงานของดงซูบินป็นแบบนี้ ผู้คนที่เคารพฉัน ฉันก็จะเคารพเขา ผู้ใดที่คิดจะประสงค์ร้ายกับเขา ผลตอบแทนที่ผู้คนเหล่านั้นจะได้รับนั้นจะรุนแรงไปถึงสิบเท้า ! และนั้นฉายาของดงซูบินนั้นก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย จริงไหม?
การที่จะจัดการกับชายที่ได้ฉายาว่า เทพเจ้าแห่งความโชคร้ายนั้น คงไม่ใช่เรื่องง่าย! ! .