Chapter 19 : อาหารและเครื่องดื่มอันแสนสดชื่น!
การแลกเปลี่ยนเครื่องปรุงของไคลน์กลายเป็นหัวข้อหลักในการสนทนา ณ ขณะนี้
“นี่มันแตกต่างกันเกินไปหน่อยไหม? พวกเรายังต้องมานั่งกังวลเรื่องอาหารกับน้ำอยู่เลยแต่บอสไคลน์กลับสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตได้ตามต้องการแล้ว”
“หรือบางทีเครื่องปรุงอาจจะเอาไปสังเคราะห์ได้?”
ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้กินเนื้อก็ผ่านมานานมากแล้ว มีโอกาสสูงมากทีเดียวที่ไคลน์จะสามารถจุดไฟและเริ่มทำอาหารได้แล้วเพราะอย่างนั้นเขาถึงกล้าเอาเบคอนมาเป็นข้อเสนอในการแลกเปลี่ยนกับเครื่องปรุง
“ใครก็ได้ขออาหารให้ฉันหน่อยเถอะ ฉันไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้วตอนนี้รู้สึกเหมือนใกล้จะตายเลย”
“หรือว่าเจ้าคนที่ชื่อไคลน์นี่จะมีเนื้อกินแบบไม่มีวันหมดจริงๆ? นอกจากที่คุยๆกันอย่าลืมนะว่าหมอนี่ยังมีเบคอนที่วางเอาไว้แลกเปลี่ยนกับรูนลมอยู่อีกรายการหนึ่งน่ะ”
ความอิจฉาของทุกคนแสดงออกมาอย่างชัดเจน พวกเขายังหาวิธีให้มีกินแบบไม่ขาดอยู่เลยแต่ไคลน์กลับข้ามขั้นไปถึงขั้นตอนยกระดับคุณภาพชีวิตเสียแล้ว
ต้องรู้ก่อนนะว่าไม่มีใครเลยที่สนใจจะแลกเปลี่ยนกับเครื่องปรุงที่วางขายเอาไว้ในหน้าแลกเปลี่ยน แม้ว่าบางคนจะหิวมากจนอาจจะถึงขั้นต้องกินเครื่องปรุงก็ตามแต่นั่นก็เป็นตัวเลือกภาคบังคับเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นการกินเครื่องปรุงยังนำมาซึ่งปัญหาอีกอย่างด้วยนั่นก็คือ...อาการคอแห้ง
ไมค์วิลสัน “สหายฉันมีพริกไทยดำ เกลือหิมาลัยและเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบเผ็ดอยู่ ของพวกนี้รวมกันแลกกับเบคอนของนายได้ไหม?”
ไคลน์เจอหนึ่งในข้อความส่วนตัวนี้ที่ถูกส่งมาท่ามกลางกล่องข้อความส่วนตัวจำนวนมหาศาล คนที่ทักมาส่วนใหญ่ก็มีเครื่องปรุงอยู่ในมือกันทั้งนั้น บางคนก็เสนอเครื่องปรุงให้เขาถึงสองอย่างซึ่งก็ดีมากแล้วแต่เจ้าหมอนี่กลับเสนอมาให้ถึง3อย่าง!
ไคลน์ตอบตกลงทันที
ไมค์วิลสัน “ขอบคุณมาก”
ไคลน์เปิดหน้าต่างแลกเปลี่ยนขึ้นมาและวางเบคอนหนึ่งชิ้นลงไปจากนั้นก็เลือกเครื่องปรุงทั้งสามชนิดข้างต้นเป็นข้อแลกเปลี่ยน
ผู้ขายสามารถตั้งค่าการแลกเปลี่ยนเป็นแบบส่วนตัวได้ซึ่งจะมีเพียงผู้ที่ผู้ขายส่งลิ้งค์ข้อเสนอให้ผ่านทางช่องแชทเหมือนกับโปรแกรมแชทในคอมเท่านั้นจึงจะสามารถมองเห็นได้
ไคลน์ส่งลิ้งค์รายการแลกเปลี่ยนไปให้ไมค์วิลสัน
ไม่นานต่อมาการแลกเปลี่ยนก็เสร็จสมบูรณ์
ผงพริกไทยดำ เกลือหิมาลัยและเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบเผ็ดทั้งหมดมาอยู่ในมือของเขาแล้ว คนขายเอาบรรจุภัณฑ์ออกและให้เขามาแบบผงเปลือยๆดังนั้นไคลน์จึงไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องสร้างชามหินขึ้นมาเพิ่มอีกห้าใบ สามใบเขาจะใช้สำหรับใส่เครื่องปรุงและอีกสองใบจะใช้สำหรับกิน หนึ่งใบนั้นคือชามของไคลน์ส่วนอีกใบเป็นของจิ้งจอกน้อย
จิ้งจอกน้อยในตอนนี้เองก็นั่งน้ำลายไหลแล้วเช่นกัน ดวงตาของเธอเปล่งประกายเจิดจ้า จิ้งจอกน้อยไม่ขยับออกห่างจากเตาบาบิคิวเลยและเอาแต่เงยหน้ามองเครื่องปรุงอยู่แทบจะตลอดเวลา
ไคลน์ที่พึ่งจะล้างมือเสร็จก็กลับมาจัดการบดพริกไทยดำและโรยลงไปด้านบน
ทันใดนั้นพริกไทยดำก็ส่งกลิ่นหอมออกมาภายใต้เปลวเพลิงที่กำลังลุกโชน
ในส่วนของเกลือหิมาลัยนั้นยังไม่จำเป็นต้องใส่ตอนนี้ แค่พริกไทยดำก็คงพอจะเพิ่มรสชาติแล้ว
จิ้งจอกนอกเองก็รอไม่ไหวอีกต่อไป
“อย่าเร่งน่าเจ้าตัวตะกละ นี่ก็เกือบจะเสร็จแล้ว”
ไคลน์เอามีดทิ่มเนื้อย่างที่ถูกย่างจนหอมกรุ่นขึ้นมา จากนั้นเขาก็ตัดเนื้อย่างออกเป็นสองส่วนและใส่มันลงไปในชามทั้งสองใบ
“ระวังร้อนด้วย”
ไคลน์วางหนึ่งในสองชามลงตรงหน้าของจิ้งจอกน้อย จิ้งจอกน้อยที่แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วก็เหยียดลิ้นออกมาม้วนเอาเนื้อทั้งชิ้นเข้าไปในปาก
ลิ้นของจิ้งจอกน้อยมีสีชมพูและมีปุ่มหนามเล็กๆดูน่ารัก จิ้งจอกน้อยสูดลมหายใจเข้าลึกหนหนึ่งและเริ่มเคี้ยวราวกับรอไม่ไหว
ไคลน์ยิ้มและส่ายหัวพร้อมกับเริ่มกินด้วยเช่นเดียวกัน
รสชาติอันโอชะของเนื้อย่างแตกกระจายไปทั่วทั้งปาก นี่มันดีกว่าเนื้อย่างที่ไคลน์เคยกินเสียอีก
หลังจากเข้ามาในโลกแห่งสุสานนี้นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้กินเนื้อ สดชื่นจริงๆ!
วันนี้นอกจากเนื้อพวกนี้เขายังขุดได้เบคอนมาอีกด้วยและเขายังไม่ได้กินมันเลย
เทียบกับเนื้อของปลาหมึกทรายเหลืองแล้วรสชาติของเนื้อของกิ้งก่าตาเดียวแย่กว่ามาก
เนื้อของมันเหนียวมากดังนั้นเขาจึงต้องเคี้ยวอยู่หลายหน
ส่วนเนื้อของปลาหมึกทรายเหลืองทั้งนุ่มและอร่อยต่างจากปลาหมึกที่เขาเคยกินมาก่อนอย่างสิ้นเชิง
หนึ่งบุรุษหนึ่งจิ้งจอกกินอาหารกันจนอิ่มท้องและหลังจากกินไปมหาศาลพวกเขาก็เริ่มกระหายน้ำขึ้นมาบ้างแล้ว
ไคลน์หยิบขวดนมออกมาและเทครึ่งนึงให้กับจิ้งจอกน้อยจากนั้นเขาก็ดื่มอีกครึ่งที่เหลือ
เวลากลางวันผ่านไปอย่างสบายๆ ไคลน์ใช้โควต้าการขุดของวันนี้ไปครบแล้วดังนั้นเมื่ออาหารที่กินเข้าไปเริ่มย่อยเขาจึงหันมาฝึกการใช้มีดและหอกสั้นต่อ
พอมาได้ครึ่งทางเขาก็เริ่มอยากถ่ายท้องขึ้นมาไคลน์จึงขุดหลุมๆหนึ่งขึ้นมาเพื่อใช้เป็นห้องน้ำ เมื่อจิ้งจอกน้อยเห็นห้องส้วมแบบนั่งยองเธอก็วิ่งมานั่งถ่ายอยู่ข้างๆเขา
ไคลน์ตัดแผนที่หนังแกะออกเป็นสองส่วนและใช้หนึ่งในสองส่วนนั้นแทนกระดาษชำระ
ไม่นานนักพวกเขาก็เสร็จภารกิจ
ยังไงก็ตามกลิ่นที่เหลือในอากาศนี่ไม่ค่อยจะพึงประสงค์นักดังนั้นไคลน์จึงต้องจำใจหยุดการทำงานของเครื่องกลั่นน้ำลงชั่วคราว
ระบบการทำงานของเครื่องกลั่นน้ำคือการกลั่นน้ำจากอากาศดังนั้นถ้ากลิ่นเหม็นมันถูกดูดเข้าไปในเครื่องด้วยคงจะไม่ดีนักดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะเปิดการทำงานของมันอีกครั้งในช่วงบ่าย
ไคลน์จัดการนำไม้24ชิ้นยัดเข้าไปทีเดียว ด้วยไม้พวกนี้เครื่องกลั่นน้ำน่าจะทำงานได้อย่างน้อยก็หกชั่วโมงและผลิตน้ำได้ชั่วโมงละ350มิลลิลิตร
หลังจากผ่านไปหกชั่วโมงไคลน์ก็จะได้น้ำมา2,100มิลลิลิตรเลยทีเดียว
เมื่อรวมกับน้ำที่เหลืออยู่แล้วถ้าเขาไม่ใช้พวกมันเลยเขาก็จะมีน้ำเหลือราวๆ2,300มิลลิลิตร
ถังน้ำที่เขาทำเอาไว้สามารถจุน้ำได้12ลิตรดังนั้นจึงสามารถเก็บน้ำได้อย่างไม่มีปัญหา
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง
[แจ้งเตือนจากระบบ : หิน -3]
[แจ้งเตือนจากระบบ : การสร้างหม้อหินเสร็จสิ้น]
ตอนนี้เขาเหลือหินอยู่ในช่องเก็บของแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น
ไคลน์ยกหม้อหินขึ้นมาและวางแผนว่าจะทำซุปเนื้อเป็นอาหารเย็น จากนั้นเขาก็นำหม้อหินไปวางลงบนเตาย่างบาบิคิวและใส่ไม้เข้าไป
ในตอนที่ไคลน์กำลังจะจุดไฟอยู่นั่นเองจู่ๆข้อความส่วนตัวก็เด้งขึ้นมา
“นายอยากได้รูนดินไหม?”
คนที่ทักมาก็คืออลิชที่เคยแลกรูนน้ำกับไคลน์นั่นเอง