439-440
Ep.439
“ไม่ปล่อยฉันไป งั้นก็ออกมากัดฉันซะเลยสิ!”
ซูเฉินเบ้ปาก พอยั่วโมโหเสร็จ ก็ละความสนใจจากอีกฝ่าย หันไปโบกไม้โบกมือเรียกหยางฮ่าวและคนอื่นๆ
เขาไม่รีบร้อนที่จะทำลายทางผ่านเขตแดน เพราะเมื่อทางผ่านเขตแดนพังทลายลง ผลพวงของมันจะนำมาซึ่งพลังทำลายล้างที่เกินกว่าจะจินตนาการได้
ยังมีชิ้นส่วนและหินพลังงานอีกมากในที่นี้ที่ยังไม่ได้เก็บรวบรวม ถ้าจะทำ อย่างน้อยต้องเป็นหลังจัดการธุระสองเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จ
เห็นซูเฉินกวักมือเรียก หยางฮ่าวและคนอื่นๆก็รีบวิ่งเข้ามา เริ่มขุดหินพลังงาน
ส่วนซูเฉินหันไปเก็บชิ้นส่วน
สัตว์อสูรที่ถูกสังหารในครั้งนี้มีจำนวนมากถึง 10,000 ตัว และในหมู่พวกมัน มีระดับสูงปะปนอยู่มากมาย
เป็นผลให้ชิ้นส่วนดรอปในครั้งนี้มีมากกว่า 2,000 ชิ้น
ตามนิสัยเดิม ทุกครั้งก่อนที่จะเริ่มเก็บ ซูเฉินจะกวาดตามองก่อน เมื่อไม่พบชิ้นส่วนสีม่วงทอง เขาก็เริ่มหยิบชิ้นส่วนที่ใกล้ที่สุดเป็นอันดับแรก
ชิ้นแรกเป็นชิ้นส่วนสีม่วง
“คุณได้รับ [สายฟ้าเก้าสวรรค์] *1 , ชิ้นส่วนที่ต้องการ (10/10) , จำนวนองค์ประกอบครบแล้ว คุณต้องการเลือกปลดล็อคหรือแลกเปลี่ยนเป็นแต้มพลังงาน?”
“ปลดล็อค”
สิ้นเสียง ซูเฉินรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
[สายฟ้าเก้าสวรรค์] คือวัตถุไร้รูปธาตุสายฟ้า มันได้ถูกหลอมรวมเข้ากับเวทย์สายฟ้าโดยอัตโนมัติ
นับจากนี้ไป เท่ากับเวทย์ธาตุสายฟ้าได้ถูกหลอมรวมเข้ากับวัตถุ 2 ชิ้น อำนาจของมันเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น ขยับมาอยู่ในระดับเดียวกับเวทย์น้ำแข็ง
แค่ชิ้นแรกที่หยิบขึ้นมา ก็ได้วัตถุไร้รูปสายฟ้ามาชิ้นนึงแล้ว ถือเป็นการเปิดประเดิมที่ดี ซูเฉินรู้สึกพอใจเล็กน้อย
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ เขาก็หันไปเก็บชิ้นส่วนต่อ
ชิ้นที่สองเป็นสีดำ
“คุณได้รับ [ศิลาชุบไม้แห่งขุนเขาเขียว] *1 , ชิ้นส่วนที่ต้องการ (9/10) , จำนวนองค์ประกอบยังไม่ครบ ไม่สามารถปลดล็อคได้ ต้องการแลกเปลี่ยนเป็นแต้มพลังงานหรือไม่?”
“ไม่แลก”
[ศิลาชุบไม้แห่งขุนเขาเขียว] คือชิ้นส่วนของหินศักดิ์สิทธิ์ ขาดอีกแค่ชิ้นเดียวก็ครบแล้ว แน่นอนว่าซูเฉินจะไม่ยอมแลกเปลี่ยนมัน
เขาหันไปเก็บชิ้นส่วนต่อไป
หลังจากใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ชิ้นส่วนทั้งหมดก็ถูกเก็บขึ้นมา แต่ส่วนใหญ่ถูกแปลงเป็นแต้มพลังงาน
ซูเฉินเริ่มนับสินสงคราม สรุปได้ว่า แม้คราวนี้จะไม่มีชิ้นส่วนสีม่วงทองดรอป แต่แต้มพลังงานในที่สุดก็ทะลุ 10,000 อีกครั้ง ปัจจุบันอยู่ที่ 10,100
ถึงตอนนี้ เขาสามารถปลดล็อค [ทักษะต่อสู้หมื่นแสงสิบเงาสะท้อน] , [ค่ายกลอเวจีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ] , [มังกรศักดิ์สิทธิ์ขนเพลิงมายา] , [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] อย่างใดอย่างนึงได้แล้ว
ทว่า 10,000 แต้มพลังงานไม่ใช่จำนวนน้อยๆ คราวก่อนซูเฉินยังไม่ได้ตัดสินใจล่วงหน้า เพราะตั้งเป้าว่าเอาไว้สะสมได้ครบค่อยว่ากันใหม่ เรื่องนี้จึงเอาไว้คิดทีหลัง
นอกจากได้รับแต้มพลังงานมามากมายแล้ว เขายังได้ดรอป [โพชั่นกายภาพ เลเวล 5 ] และ [โพชั่นกายภาพ เลเวล 4 ] เช่นกัน ทั้งสองสิ่งนี้มีมูลค่ามหาศาล
นอกจากนี้ เขายังเก็บรวบรวม [ศิลาชุบไม้แห่งขุนเขาเขียว]ได้ครบแล้วเช่นกัน
คุณสมบัติของมัน ก็เช่นเดียวกับ [หินบดดาราเทียนกัง] และ [อุกกาบาตเพลิงปฐพี] น้ำหนักของ [ศิลาชุบไม้แห่งขุนเขาเขียว] อยู่ที่ 10,000 จิน
ที่ต่างก็คือมันมีคุณสมบัติในการรักษาเล็กน้อย ตรงจุดนี้คล้ายกับ วัตถุไร้รูปอย่าง [ไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งสระวิเศษ]
ที่กล่าวมาข้างต้น คือผลกำไรทั้งหมดของเขาในวันนี้
เนื่องจากหวู่หยางและคนอื่นๆยังขุดหินพลังงานกันไม่เสร็จ ซูเฉินจึงกลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ] และเริ่มค้นหาที่ตั้งของเกาะเซินหราน
หากพวกสัตว์อสูรไม่ส่งสมุนออกมาจากทางผ่านเขตแดนอีก เขาจะทำลายทางผ่านเขตแดนทิ้ง แล้วมุ่งหน้าไปยังเกาะเซินหรานเพื่อกำจัดยักษ์ไททันแทน
เกาะเซินหรานกับเกาะเจียวูซ อยู่ห่างกันไม่ถึงพันไมล์ พื้นที่ของมันมีขนาดเพียงหนึ่งในสิบของเกาะเจียวซูเท่านั้น
หลังจากพบที่ตั้งของเกาะเซินหราน ซูเฉินก็ลงจากรถไปช่วยคนอื่นๆขุดหินพลังงาน
ทุ่มเทแรงกายแรงใจยาวนานกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดหินพลังงานทั้งหมดก็ถูกขุดขึ้นมาจนครบ
ซูเฉินเก็บศพสัตว์อสูรที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ลงในถุงเก็บของ แล้วเรียกหวู่หยางและคนอื่นๆให้ขึ้น บอกให้ถอยไปให้ไกลจากที่นี่
จากนั้นก็ปลดปล่อยเทคนิคพายุสายฟ้าระเบิดทางผ่านเขตแดน
Ep.440
บอกลาจูถง ซูเฉินกลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ] และเดินหน้าสู่เกาะเซินหราน
ผ่านไปได้ครึ่งทาง ท้องฟ้าก็เริ่มมืด
วันนี้เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ทุกคนรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย ซูเฉินจึงสั่งให้ [รถศึกอัจฉริยะ] จอด และพักค้างคืน
เมื่อล้อรถหยุดสนิท หยางฮ่าวและคนอื่นๆช่วยกันเตรียมอาหารเย็น
ซูเฉินนอนเอนหลังอยู่บนที่นั่งคนขับ เปิด [ร้านค้าวันสิ้นโลก]
แต้มพลังงานทะลุหลักหมื่นแล้ว หากเก็บไว้เฉยๆก็เสียของเปล่า ได้เวลาเสริมกำลังรบของตนเองเสียที
อย่างไรก็ตาม มีหลายสิ่งที่สามารถใช้ 10,000 แต้มพลังงานแลกได้ แม้ใช้เวลาพักหนึ่งแล้วเขาก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะแลกอะไรดี
แต่พอคิดไปคิดมา พิจารณาจนรอบคอบแล้ว ก็ได้ข้อสรุปว่าควรเริ่มจากอาวุธ
ปัจจุบันเขามีอาวุธที่สามารถใช้ฟาดฟันศัตรูอยู่แล้วก็จริง แม้ [ดาบเสริมมนตรา] จะไม่เลว แต่การโจมตีหลักของมันยังต้องอาศัยเวทมนต์ ส่งผลให้ซูเฉินไม่สามารถสำแดงกำลังรบในส่วนของผู้วิวัฒนาการออกมาได้อย่างเต็มที่
และในบรรดาอาวุธที่เขาเก็บชิ้นส่วนได้ [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] กับ [ดาบซวนหยวน] ถือเป็นตัวเลือกที่ดี
อย่างแรกต้องใช้ 10,000 แต้มพลังงานในการแลกเปลี่ยน อย่างหลังใช้ 5,000 แต้มพลังงาน
เมื่อใช้วิธีคิดตามหลักการ ‘จ่ายหนึ่งครั้ง ต้องได้ของดีชิ้นหนึ่ง’
สุดท้ายซูเฉินตัดสินใจเลือกแลกเปลี่ยน [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล]
หลังจากทำการแลกเปลี่ยนสำเร็จ กระบี่ยาวสีดำสนิท ขนาดยาวสองเมตรก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก ไม่มีจุดเด่นอะไร ยังไงก็ตาม ซูเฉินสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงปราณกระบี่อันแหลมคมและไอสังหารรุนแรงที่ซ่อนเร้นอยู่ในกระบี่
เขาเกิดภาพจินตนาการ ว่าขอเพียงแค่ถือกระบี่ยาวเล่มนี้เอาไว้ในมือ และฟาดฟันออกไป ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอะไร ก็จักถูกทำลายด้วยอาวุธชิ้นนี้
“กระบี่ที่ดี!”
หัวใจของซูเฉินเต้นแรง เอื้อมมือออกไปลูบไล้ใบของ [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล]
และในเวลานั้นเอง ข้อมูลของมันก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวเขา
[กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] มีคุณสมบัติอันยอดเยี่ยม มันมาพร้อมกับพลังในการฉีกมิติ
ยามฟาดฟันด้วยกระบี่เล่มนี้ วังวนมิติจะปรากฏขึ้นเบื้องหน้า หากศัตรูติดอยู่ข้างในนั้น อีกฝ่ายจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากพลังฉีกมิติ
หากคู่ต่อสู้อยู่ในเลเวลเดียวกันหรือต่ำกว่า ภายใต้การโจมตีนี้ จะหายวับกลายเป็นความว่างเปล่าทันที
หากเลเวลสูงกว่าหนึ่งขั้น เว้นเสียแต่จะมีร่างกายแข็งแกร่งทนทานเป็นพิเศษแล้ว ก็จะถูกพลังฉีกมิตินี้ กลืนกินเข้าไปไม่ต่างกัน
หลังจากได้รับข้อมูล ซูเฉินถึงกับอ้าปากค้าง ร่องรอยของความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา
ด้วยกำลังรบของเขา หากผสานเข้ากับ [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] ต่อให้ศัตรูสูงกว่าถึงสองขั้น เขาก็จะสามารถเอาชนะและสังหารมันได้อย่างแน่นอน
ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของซูเฉินเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เขาได้ก้าวไปอีกขั้นบนเส้นทางแห่งความไร้เทียมทาน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูเฉินใส่ [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] ลงในถุงเก็บของ จากนั้นเปิด [พื้นที่เพาะปลูก]
ทันทีที่ [พื้นที่เพาะปลูก] ถูกเปิดขึ้น พลังชีวิตและพลังแห่งจิตวิญญาณมหาศาลที่ท่วมท้นอยู่ข้างในก็กระพือเข้าปะทะใบหน้าเขา
“เจ้านาย ในที่สุดคุณก็มา”
ตระหนักได้ถึงการมาเยือนของซูเฉิน ต้นผลอายุวัฒนะเอ่ยทักทายด้วยความเคารพ
“เสี่ยวโซ่ว ผลไม้ของนายสุกแล้วงั้นหรอ?” ซูเฉินถาม
ครั้งก่อนๆที่เขาเข้าสู่ [พื้นที่เพาะปลูก] เขาไม่เคยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งชีวิตที่เข้มข้นขนาดนี้มาก่อน จึงเป็นที่มาของคำถามนี้
“เจ้านาย ผลอายุวัฒนะสุกงอมแล้ว พร้อมรับการเก็บเกี่ยวได้ทุกเมื่อ” ต้นผลอายุวัฒนะตอบอย่างมั่นใจ
แต่เดิม ตามวงจรการเจริญเติบโต มันต้องใช้เวลาอีกหลายปี
แต่เพราะได้ดูดซับพลังจากต้นม่านหมอกนรกทมิฬ ควบคู่ไปกับความช่วยเหลือของ [อุปกรณ์เร่งเวลา] วงจรสุกงอมจึงหดสั้นลงเป็นหลายร้อยเท่า
สำหรับเรื่องนี้ เขาเซอร์ไพรส์เป็นอย่างยิ่ง ตื่นเต้นจนอธิบายไม่ถูก
หลังจากถอนหายใจสงบสติอารมณ์ ซูเฉินก็เอ่ยถามว่า “ถ้าเด็ดมันลงมา ฉันจำเป็นต้องรับกินทันทีเลยไหม?”
ในความคิดเขา ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้ผลอายุวัฒนะ หากสามารถเก็บไว้ได้ นั่นถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ซูเฉินยังมีความกังวลว่า หากเด็ดออกมาแล้วเก็บทิ้งไว้ พลังชีวิตจะรั่วไหลออกมาด้วยหรือไม่?