ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
ในขณะนี้หมูป่าตัวใหญ่เริ่มกลับมาขยับตัวอีกครั้งหลังจากที่มันนิ่งไปครู่หนึ่ง โดยมันได้ทำท่าเอนหลังแล้วพุ่งไปทางอดีตหอยทากน้อยอย่างดุดันอีกครั้ง
เมื่อหมูป่าตัวใหญ่พุ่งเข้ามาจินก็เสริมพลังไปที่การป้องกันอีกครั้ง จากนั้นก็รับการจู่โจมครั้งนี้อย่างรวดเร็วและกดนิ้วไปที่หน้าผากของหมูป่าตัวใหญ่
ทันใดนั้นหมูป่าตัวใหญ่ก็ร้องโหยหวนก่อนที่ร่างของมันจะล้มลงกับพื้นและนอนชักดิ้นชักงอเนื่องจากโดนไฟช็อต
เมื่อหมูป่าตัวอื่น ๆ เห็นหัวหน้าฝูงของพวกมันล้มลงไปดิ้นกับพื้น ฝีเท้าของพวกมันก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นศีรษะของพวกมันก็ก้มลงและพวกมันก็พุ่งเข้าหาอดีตหอยทากน้อยด้วยความเร็วที่บ้าคลั่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ในระหว่างนั้นกีบเท้าทั้งสี่ข้างของพวกมันได้กระแทกกับพื้นจนส่งเสียงดังก้องและแผ่นดินก็สั่นสะเทือน
ขณะเดียวกันจินก็ยกนิ้วกลางของเขาขึ้นมาพร้อมกับเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ฝูงหมูป่า ซึ่งในขณะที่เขาเคลื่อนที่ผ่านพวกมันไปมันก็ได้มีร่างหมูป่าล้มลงไปชักกระตุกกับพื้นทันทีเป็นผลให้หมูป่าตัวอื่น ๆ รู้สึกไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนทางฝั่งของหมูป่าตัวใหญ่ที่เป็นหมูป่าตัวแรกที่ล้มลงไปเพราะกระแสไฟฟ้าของจินก็เริ่มฟื้นฟูสภาพกลับคืนมา มันจึงพลิกตัวกลับและพุ่งไปทางอดีตหอยทากน้อยด้วยความโกรธอีกครั้ง
กลอุบายเก่า ๆ ของจินถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและหมูป่าตัวใหญ่ก็ส่งเสียงร้องโหยหวนก่อนที่ร่างของมันจะกระตุกล้มลงไปกับพื้นเหมือนเดิม
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้มันก็ได้ทำให้หมูป่าตัวอื่น ๆ วิ่งช้าลงและไม่ว่าหมูป่าตัวไหนก็ตามที่วิ่งเข้าหาจินอย่างปองร้าย พวกมันก็จะลงเอยเหมือนกันคือตัวกระตุกและร่างล้มลงกับพื้น
ในระหว่างนี้พวกหมูป่าได้ลุกขึ้นมาเป็นจำนวนครั้งนับครั้งไม่ถ้วนและร่างของพวกมันก็ล้มลงไปเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน
ในที่สุดระหว่างที่หมูป่าตัวใหญ่ลุกขึ้นอีกครั้งและจินเตรียมพร้อมจะเอานิ้วกลางไปสัมผัสกับร่างของมัน เจ้าหมูป่าตัวใหญ่ก็หันหลังกลับและวิ่งหนีไปในที่สุด
เมื่อหมูป่าตัวอื่น ๆ ได้เห็นหัวหน้าฝูงของพวกมันหนีไปแล้ว พวกมันจึงลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีตามกันไปอย่างอลม่าน ซึ่งในระหว่างนั้นหมูป่า 2-3 ตัวถึงกับสะดุดล้มลงเนื่องจากขาของพวกมันอ่อนแรง
หลังจากนั้นจินก็สบัดแขนของเขาเพื่อบรรเทาความปวดล้าเนื่องมาจากเขาได้จิ้มนิ้วติดต่อกันมาเกือบ 1 ชั่วโมงแล้วมันจึงทำให้แขนของเขารู้สึกปวดไปหมด
ขณะเดี๋ยวกันพื้นที่บริเวณนี้ก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นไหม้จนทำให้จินต้องย่นจมูกลงมาด้วยความรังเกียจและเขาก็คิดว่าเขาควรจะรีบออกจากที่นี่จะดีกว่า
“ก่อนอื่นฉันคงจะต้องล้างมือก่อนสินะ” จินอุทานออกมาเนื่องจากตอนนี้ปลายนิ้วกลางของเขามีแต่กลิ่นของหมูป่า
แต่จู่ ๆ มันก็ได้มีเสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังมาลงจากท้องฟ้าอีกครั้งและเมื่อจินเงยหน้าขึ้นไปเขาก็พบกับ ‘แมงมุมยักษ์’ ที่บินหนีไปก่อนหน้านี้
“เป็นไปได้ไหมที่มนุษย์ใน”แมงมุมยักษ์" เห็นเขาแล้วกลับมาช่วยเขา?”
เมื่อคิดได้ดังนั้นจินก็ตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ
แต่ตอนนี้เขาขอล้างมือก่อนนะ
หลังจากล้างมือเสร็จแล้วจินก็ได้จ้องมองไปยังใบหน้าของเขาในน้ำ ซึ่งเขาก็ได้พบกับใบหน้าที่สาว ๆ ในปัจจุบันต่างใฝ่ฝันอยากจะได้เป็นคู่ครอง
“ฉันไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ฉันกลายเป็นมนุษย์แล้ว ฉันจะหน้าตาดีขนาดนี้”
อันที่จริงจินอยากจะมีรูปร่างที่สูงโปร่งและทรงพลังมากกว่าเพราะร่างแบบนั้นมันดูสมชายชาตรีมากกว่าร่างที่บอบบางแบบนี้
แต่ในเมื่อผลลัพธ์มันออกมาเป็นแบบนี้เขาก็ต้องยอมรับมันและหลังจากที่ได้เหลือบตามองใบหน้าของตัวเองอีก 2-3 ครั้งเขาก็รู้สึกพอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ตรงกลางระหว่างหน้าผากและคิ้วของเขายังมีลายหอยทากขนาดเท่านิ้วหัวแม่มืออยู่อีกด้วย
แต่เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะนอกจากเขาจะไม่สามารถกลับไปเป็นหอยทากได้แล้วมันยังมีลวดลายรูปเปลือกหอยทากมาติดที่หน้าผากของเขาอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน "แมงมุมยักษ์" ก็กำลังบินวนอยู่รอบ ๆ หัวของอดีตหอยทากน้อย ก่อนที่มันจะลงจอดบนที่โล่งริมแม่น้ำ
จากนั้นประตูของยานบินก็เปิดออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะมีชายร่างสูงหลายคนในชุดเครื่องแบบสีดำและหมวกทหารเดินลงมาจากยาน
โดยชายคนที่เดินลงมานี้มีลำตัวสูงกว่า 190 เซ็นติเมตรที่มีร่างกายแข็งแรงและมีผิวสีน้ำผึ้ง แต่จินไม่รู้ว่าเครื่องแบบทหารของคนพวกนี้เป็นเครื่องแบบของประเทศไหน
ขณะเดียวกันคนพวกนี้ก็ได้ถืออาวุธกันมาอย่างครบมือและอาวุธพวกนี้ก็ดูแปลกมาก ซึ่งมันต่างจากปืนที่จินเคยเห็นในทีวีอย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่จินกำลังมองอาวุธของพวกเขาอย่างสงสัย คนจำนวนหนึ่งก็มองมาที่เขาด้วยความสับสนปนตกใจ
“สัตว์สายพันธุ์ที่อ่อนแอตัวนี้นอกจากจะไม่สวมเสื้อผ้าแล้วมันยังใส่แค่กระโปรงหญ้าแปลก ๆ และมีใบไม้ขนาดใหญ่แปะอยู่บนหัวของมันอีกด้วย”
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ...
“กัปตันคอรีย์! เจ้านี่มีกลิ่นเหมือนท่านจอมพล!!”
ระหว่างนั้นผู้พันคอรีย์ก็ได้กลิ่นของจอมพลจากเจ้าตัวประหลาดนี้เหมือนกันเพราะท้ายที่สุดการรับรู้กลิ่นของออร์คนั้นก็เฉียบคมมาก
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องย่นจมูกของพวกเขาลง ก่อนที่ใบหน้าของพวกเขาจะเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าแห่งความรังเกียจเพราะที่นี่มีกลิ่นหมูป่าฉุนไปหมด
แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถยกมือขึ้นมาปิดจมูกให้เสียภาพลักษณ์ได้
ก่อนหน้านี้จินตั้งตารอการมาถึงของมนุษย์พวกนี้อย่างตื่นเต้น แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยเป็นมิตรแล้วเขาก็เริ่มระมัดระวังตัวขึ้นกว่าเดิม
จินไม่ต้องการทำร้ายมนุษย์แต่ถ้ามนุษย์พวกนี้โจมตีเขาก่อน เขาก็วางแผนที่จะให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรส "ความรู้สึกเวลาถูกไฟฟ้าช็อต" เหมือนกับฝูงหมูป่าก่อนหน้านี้
เมื่อคิดได้อย่างนั้นอดีตหอยทากน้อยก็ค่อย ๆ ดูดซับพลังงานโดยรอบเข้าไปอย่างเนื่องเพราะ "สงคราม" ระหว่างเขากับหมูป่าก่อนหน้านี้ทำให้พลังวิญญานของเขาเกือบจะหมดแล้ว เขาจึงจำเป็นจะต้องดูดซับพลังโดยรอบเข้ามาเพื่อเสริมพลังให้กับตัวเอง
ในเวลานี้พลังสายฟ้าได้มารวมตัวกันที่ปลายนิ้วกลางของเขาโดยมีขนาดเล็กพอ ๆ กับเม็ดถั่วเหลืองที่แทบจะมองไม่เห็นหากไม่มีใครใส่ใจ
แต่ในขณะที่พันเอกคอรีย์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังจะเดินเข้าไปและสอบถามจินที่ทำตัวแปลก ๆ พวกเขาก็ได้เห็นสัตว์สายพันธุ์ที่อ่อนแอตรงหน้าค่อย ๆ ยกมือขึ้นและยื่นมือขึ้นมาทางพวกเขา
พันเอกคอรีย์: "..."
เมื่อเห็นเช่นนั้นพันเอกคอรีย์ก็ขอให้แจ็คก้าพาคนอื่นไปดูรอบ ๆ เพื่อค้นหาท่านจอมพลและเขาก็เดินไปหาสัตว์สายพันธุ์ที่อ่อนแอด้วยตัวของเขาเอง
พฤติกรรมที่ก้าวร้าวของสัตว์สายพันธุ์ที่อ่อนแอนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเกรงกลัวเลยเพราะท้ายที่สุดเจ้าพวกนี้ก็อ่อนแอเกินไปสำหรับพวกเขา
ถ้าคิดภาพไม่ออกก็ให้คิดถึงภาพมดที่กำลังยั่วยุเสือดูสิ เสือจะโกรธไหม?
ตอนนี้จุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดของการมาที่นี่คือการตามหาท่านจอมพลและสัตว์สายพันธุ์ที่อ่อนแอนี้ก็มีกลิ่นอายที่เหมือนกับท่านจอมพล
เมื่อเห็นว่าจินจับตาดูเขาอย่างหวาดระแวง พันเอกคอรีย์จึงหยุดยืนอยู่ห่างออกไป 5 ก้าวแล้วพยายามปรับให้สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงกว่าเดิม
“เราไม่ได้จะทำร้ายคุณ เราแค่อยากจะสอบถามว่าคุณเห็นคนหรืองูหลามที่มีร่างกายสีดำและมีหลังที่มีลวดลายสีเทาอ่อนอยู่บ้างไหม”
จิน: "..."
คนพวกนี้พูดภาษาอะไร?
จินอาศัยอยู่ในโลกนี้มาหลายพันปีจึงทำให้เขาเข้าใจภาษาถึง 18 ภาษา แต่ในตอนนี้เขากลับไม่สามารถทำความเข้าใจภาษาของอีกฝ่ายได้เลยจริง ๆ
เมื่อเห็นท่าทางของจิน พันเอกคอรีย์ก็เข้าใจได้ในทันที
ในเขตอำนาจการปกครองของจักรวรรดิมีดาวเคราะห์อยู่หลายสิบดวงและดาวเคราะห์แต่ละดวงก็มีภาษาท้องถิ่นเป็นของตนเอง
อย่างไรก็ตามมันก็มีภาษาสากลที่มีคนนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ดาวเคราะห์บางดวงก็อยู่ห่างไกลเกินไปดังนั้นการได้เรียนรู้ภาษาสากลถึงถูกจำกัด
ส่วนดาวดวงนี้ก็เป็นดาวที่เต็มไปด้วยป่าที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา นอกจากนี้ที่นี่ยังไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ซึ่งมันคงจะมีแต่โจรขโมยดาวหรือทหารรับจ้างในอวกาศที่จะมาหยุดพักที่ดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นครั้งคราวเท่านั้น
เมื่อคอรีย์เห็นว่าสัตว์สายพันธุ์ที่อ่อนแอนี้มีหน้าตาที่ดีมาก เขาจึงเดาว่าพวกค้ามนุษย์ในอวกาศคงจะจับมันมาจากดาวดวงอื่นที่ห่างไกลจากที่นี่
จากนั้นเขาก็ได้หยิบเครื่องแบบทหารสำรองออกจากกระเป๋ามิติก่อนที่จะยิ้มอย่างเป็นมิตรและยื่นชุดไปทางจิน
เมื่อเห็นความเป็นมิตรของคนแปลกหน้าจินก็ลดการ์ดของเขาลง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปรับชุดสีดำเหมือนคนพวกนี้มาแล้วพูดขอบคุณ
ทันทีที่จินได้เดินเข้ามาใกล้พันเอกคอรีย์ก็ได้กลิ่นของท่านจอมพลแรงขึ้นกว่าเดิม
กลิ่นที่เข้มข้นแบบนี้จะต้องมาจากกลิ่นของตัวท่านจอมพลเองหรือจะมาจากกลิ่นของคนที่ท่านจอมพลตีตราไว้!!
แล้วทำไมเขาถึงได้กลิ่นของท่านนายพลมาจากเจ้าสายพันธุ์ที่อ่อนแอนี้?
พันเอกคอรีย์รู้สึกไม่อยากจะเชื่อความคิดของตัวเอง เพราะถึงยังไงท่านจอมพลของพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและแม้ถึงว่าท่านจอมพลจะยังมีชีวิตอยู่แต่เขาก็น่าจะเป็นอัมพาตไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นป่าดึกดำบรรพ์!
“ไม่นะ!?”
รูปสัตว์ของท่านจอมพลเป็นงูหลามที่ไม่มีแขนขา แม้ว่าร่างมนุษย์จะเป็นอัมพาตแต่ร่างของสัตว์ก็ยังสามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ
แต่…
พันเอกคอรีย์ไม่อยากจะเดาอะไรไปมากกว่านี้…
มันจะเป็นไปได้ไหมว่าท่านจอมพลของพวกเขาจะใช้ร่างของสัตว์เพื่อสืบพันธุ์กับเจ้าสายพันธุ์ที่อ่อนแอในป่าแห่งนี้...
นั่นคือท่านจอมพลที่เขาชื่นชมมาโดยตลอดนะ! !
ในขณะที่พันเอกคอรีย์กำลังเพ้อฝันไปไกล จินก็เปลี่ยนไปใส่ชุดทหารและเดินออกมาจากด้านหลังหินก้อนใหญ่ริมแม่น้ำ
เครื่องแบบทหารนี้ค่อนข้างใหญ่สำหรับจินพอสมควร เขาจึงต้องพับขากางเกงและแขนเสื้อไว้ถึงสองทบถึงจะพอดีและแม้แต่รองเท้าบูททหารก็ยาวเลยปลายเท้าของเขาไปเล็กน้อย มันจึงทำให้เขาดูเหมือนเด็กที่ขโมยเสื้อผ้าของผู้ใหญ่มาใส่เลย
นี่เป็นครั้งแรกที่จินสวมเสื้อผ้าของมนุษย์และรู้สึกแปลก ๆ นอกจากนี้เสื้อผ้าที่เขาใส่ในปัจจุบันก็ยังไม่พอดีตัวอีกด้วย
เมื่อจินได้เดินออกมาจากหินที่ปิดบังร่างแล้ว เขาก็เผยรอยยิ้มอันเอียงอายไปให้คอรีย์
ขณะเดียวกันพันเอกคอรีย์ที่ยังไม่ฟื้นจากอาการช็อคในเรื่องที่เขาจินตนาการไปไกลก็ได้ถูกรอยยิ้มของจินทำให้รู้สึกหวั่นไหวอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้พันเอกคอรีย์จึงรีบขจัดความคิดที่ยุ่งเหยิงในหัวของเขาออกไป
บางทีมันอาจจะไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาคิด
ท่านจอมพลเป็นไอดอลของเขานะ!!
ท่านจอมพลจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง!!!
ตั้งแต่ท่านจอมพลได้กลายเป็นผู้ใหญ่เขาก็อยู่ในกองทัพมาโดยตลอดและ 20 ปีผ่านที่ผ่านมาท่านจอมพลก็ไม่เคยมีความรักกับใครภายในเผ่าพันธุ์ด้วยซ้ำ แล้วเขาจะมาทำอะไรกับเจ้าสายพันธุ์ที่อ่อนแอภายในป่าแห่งนี้ได้ยังไง
เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! !
ในที่สุดพันเอกคอรีย์ก็สลัดความคิดแปลก ๆ ของตัวเองออกไปได้สำเร็จ เขาจึงปรับสีหน้าและกำลังจะพูดบางอย่างออกมา
แต่ทันใดนั้นมันก็มีลมพัดเข้ามาอย่างรุนแรงทำให้ผมที่ปิดหน้าผากของจินเปิดออก
จากนั้นเขาก็เห็นว่ามันได้มีลวดลายรูปงูขนาดเท่านิ้วหัวแม่มืออยู่ระหว่างหน้าผากกับคิ้วของเจ้าสายพันธุ์ที่อ่อนแอนี้
เหตุการนี้ได้ทำให้พันเอกคอรีย์อ้าปากค้าง
คราวนี้เขาต้องตกตะลึงแล้วจริง ๆ!
เมื่อพวกแจ็คก้าที่ได้กระจายกันออกไปตามหาท่านจอมพลได้กลับมา พวกเขาก็ยืนอ้าปากค้างด้วยเหมือนกัน!
“ผู้พัน เขาเป็น..ท่านจอมพล... เขาเป็นคู่ของท่านจอมพล!?”
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ไหนจะเป็นหญิงหรือชาย ตราบใดที่พวกเขาถูกทำเครื่องหมายโดยออร์ครูปแบบสัตว์ของออร์คคนนั้นจะปรากฏระหว่างหน้าผากและคิ้วของคู่ครองของออร์คทันที และพวกเขาก็ได้เห็นลวดลายที่คดเคี้ยวอยู่ระหว่างหน้าผากและคิ้วของสายพันธุ์ที่อ่อนแอนี้
เมื่อมันได้รวมกับกลิ่นที่รุนแรงของท่านจอมพลที่มาจากตัวของเขา...
เรื่องนี้มันหมายความว่ายังไงน่ะหรอ?
มันก็หมายความว่าเจ้าสายพันธุ์ที่อ่อนแอนี้เป็นคู่ครองของท่านจอมพลน่ะสิ!!!
++++++++++++++++
เอาแล้ววว ความโกลาหลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว และพันเอกคอรีย์ของเราก็น่าจะเป็นตัวโจ๊กแน่ๆ 5555