WS บทที่ 205 เจอกันอีกแล้ว
สายลมหนาวที่ล้อมรอบอสูรเงาและกลายเป็นชั้นน้ำแข็งหนา จากนั้น ร่างสามร่างก็รีบวิ่งออกมาจากอีกด้านหนึ่งของประตูหินอย่างรวดเร็ว
*ปัง!*
ในบรรดาสามร่างนั้นเป็นโฮมุนครุส มันกระแทกเข้ากับอสูรเงาทำให้เกิดเสียงอึกทึกดังขึ้นมา
พ่อมดเกล็นและคนอื่น ๆ ยังคงตกอยู่ในอันตรายแต่เมื่อพวกเขาเห็นร่างสามร่างโผล่ออกมาจากประตูหิน ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายด้วยความปิติยินดี
พ่อมดเกล็นอดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า “พ่อมดเมอร์ลิน ช่วยพวกเราด้วย!”
ร่างทั้งสามที่ปรากฎเป็นพ่อมดเมอร์ลิน พ่อมดรีเซนและโฮมุนครุส ของเขา
“หือ พ่อมดเกล็น เอเลน่า?”
เมอร์ลินได้ยินเสียงของพ่อมดเกล็นและหันกลับมา เขามองเห็นอันตรายที่พ่อมดเกล็น แม่มดเอเลน่าและพ่อมดเคนเผชิญอยู่อย่างชัดเจน
ทางด้านพ่อมดเฮอร์แมนประหลาดใจกับสามคนลึกลับที่อยู่ปรากฏตัวขึ้นมา การโจมตีของพวกเขาได้ส่งผลทำให้อสูรเงาประเด็นไปไกลหลายเมตร
พ่อมดเฮอร์แมนคิดว่าสามคนลึกลับน่าจะมีพลังมาก ขนาดโฮมุนครุสของเขาที่เผชิญหน้ากับอสูรจเงา มันถูกฉีกออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม อสูรเงาไม่มีโอกาสได้สู้กับนักเวทย์ลึกลับทั้งสามคนเลย
พ่อมดเฮอร์แมนได้ยินพ่อมดเกล็นเรียกพวกเขาและตระหนักว่าพ่อมดเกล็นคุ้นเคยกับคนลึกลับทั้งสามคน ดังนั้นเขาจึงตื่นตัวทันที เขาไม่สนใจว่าจะเป็นพ่อมดเกล็นหรือเมอร์ลินและคนอื่น ๆ เป็นใคร อย่างไรเสียพวกเขาทั้งหมดต่างแข่งขันกันเพื่อชิงสมบัติในโบราณสถานและด้วยเหตุนี้พวกเขาทั้งหมดจึงเป็นศัตรูกัน
*ครึ่ก!!*
ในไม่ช้าอสูรเงาก็หลุดออกจากพันธนาการของผลึกน้ำแข็ง ผลึกน้ำแข็งตกลงบนพื้นและดวงตากลวงอันน่าสยดสยองของอสูรเงาเริ่มเรืองแสงด้วยแสงสีเขียว ดวงตาของมันกวาดมองผ่านเหล่านักเวทย์และพูดอย่างเย็นชาว่า
"ฆ่าผู้บุกรุก!"
“นี่มันแย่แล้ว ดัชนีเยือกแข็งของฉันสามารถทำร้ายหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้จะมีคาถาของพ่อมดรีเซนและโฮมุนครุส มันก็ทำให้เราได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดูเหมือนว่าวิธีเดียวที่จะทำลายหุ่นเชิดผู้พิทักษ์นี้คือทำลายหินธาตุของมันเพื่อมันสูญเสียพลังงานจากหินธาตุไปและมันจะหยุดทำงาน”
เมอร์ลินเหลือบมองดูหุ่นเชิดผู้พิทักษ์อีกครั้ง มันเป็นหุ่นเชิดที่ปกป้องพลังปีศาจแพนดอร่าในโบราณสถาน
หุ่นเชิดผู้พิทักษ์นี้ทรงพลังอย่างแท้จริง คาถาทั่วไปไม่มีประโยชน์กับมัน แม้แต่ดัชนีเยือกแข็งของเมอร์ลินยังสามารถสร้างความเสียหายได้เล็กน้อยเท่านั้น ถึงเขาจะประสานการโจมตีร่วมกับโฮมุนครุสของพ่อมดรีเซนก็ทำให้ได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ได้ในระยะเวลาอันสั้น
พวกเขาจึงจำเป้นต้องทำลายหินธาตุของมัน ด้วยวิธีนี้ พวกเขาสามารถทำลายมันได้ในที่สุด
"ตายซะ!"
เมอร์ลินไม่ลังเลและพุ่งไปข้างหน้าทันที นิ้วขาวบนมือขวาของเขายื่นไปทางหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ ลมหนาวพัดออกมาอย่างรวดเร็วและห่อหุ้มหุ่นเชิดผู้พิทักษ์
ดัชนีเยือกแข็งของเมอร์ลินสามารถแช่แข็งหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม พลังของมันในตอนนี้ไม่สามารถแช่แข็งมันได้นานนัก
ในจังหวะนั้นเอง โฮมุนครุสของพ่อมดรีเซนก็พุ่งไปข้างหน้าและโจมตีหุ่นเชิดผู้พิทักษ์พลังทั้งหมดที่มันมี
แม้ว่าโฮมุนครุสจะทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่มันจะเจาะเกราะสีดำที่ปกป้องหุ่นเชิดเอาไว้
โฮมุนครุสได้ทำการชกไปมากกว่าสิบครั้งแต่เกราะของหุ่นเชิดผู้พิทักษ์นั้นไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว พ่อมดรีเซนสังเกตเห็นค้อนขนาดใหญ่ที่ถือครองโดยโฮมุนครุสของพ่อมดเฮอร์แมนซึ่งค้อนนั้นตกอยู่ม่ปไกลจากซากของมัน
เขาชี้ไปที่มันทันทีและโฮมุนครุสของเขารีบหยิบค้อนขนาดใหญ่ขึ้นมาจากพื้น
ค้อนขนาดใหญ่นั้นหนักมากและเมื่อโฮมุนครุสหยิบมันขึ้นมา มันส่งผลต่อความเร็วและความว่องไวทันที ค้อนขนาดใหญ่ที่ใช้งานยุ่งยากไม่ว่าจะเป็นนักเวทย์หรือโฮมุนครุส
อย่างไรก็ตาม หุ่นเชิดผู้พิทักษ์ตอนนี้ถูกควบคุมโดยดัชนีเยือกแข็งของเมอร์ลิน ดังนั้นต่อใช้ค้อนจะใช้งานยาก มันก็สามารถโจมตีหุ่นเชิดโดยที่มันไม่สามารถหลบได้
"โจมตีมันอย่างเต็มกำลัง!"
พ่อมดรีเซนพูดจบและโฮมุนครุสของเขาคว้าค้อนขนาดใหญ่ มันวิ่งอย่างรวดเร็วและยกค้อนขนาดใหญ่ขึ้น กระแทกเข้ากับหน้าอกของหุ่นเชิดผู้พิทักษ์
*ตูม!!*
โฮมุนครุสเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้วยค้อนขนาดใหญ่และโจมตีหุ่นเชิดผู้พิทักษ์สองสามครั้ง แม้ว่าหุ่นเชิดผู้พิทักษ์จะสูงกว่าสามเมตร แต่โฮมุนครุสยังคงสามารถทุบมันลงได้โดยใช้ค้อนขนาดใหญ่
ทุกการจู่โจม เสียงร้องอันน่าสยดสยองก็ดังเข้ามา บางครั้งหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ต้องการจะหนีจากดัชนีเยือกแข็ง ดังนั้นเมอร์ลินจึงร่ายดัชนีเยือกแข็งทับไปอีกชั้นหนึ่ง
ด้วยมนต์ของเมอร์ลิน หุ่นเชิดผู้พิทักษ์สามารถพึ่งพาเกราะสีดำหนาที่ปกคลุมร่างกายเพื่อปกป้องตัวเองได้อีกต่อไป
เกราะสีดำนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ โฮมุนครุสจะทุบตีแต่ละครั้งด้วยความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวแต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำลายเกราะของหุ่นเชิดผู้พิทักษ์
พ่อมดเฮอร์มันมองดูโฮมุนครุสยกค้อนขนาดใหญ่ราวกับว่ามันเป็นตอไม้และทุบหุ่นเชิดผู้พิทักษ์อย่างบ้าคลั่ง ในการโจมตีแต่ละครั้ง พ่อมดเฮอร์แมนไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากยืนดู เขาตระหนักว่าโฮมุนครุสตนนี้เป็นของพ่อมดรีเซน พ่อมดพเนจรที่ทรงพลังที่สุดในเมืองโฟลตติ้ง
แม้ว่าพ่อมดรีเซนจะเป็นนักเวทย์ระดับสามอันทรงพลังที่มีโฮมุนครุสที่น่าสะพรึงกลัว พ่อมดเฮอร์แมนรู้ดีว่าเหตุผลหลักที่หุ่นเชิดผู้พิทักษ์นี้ไม่สามารถสู้กลับโฮมุนครุสได้ก็คือเมอร์ลินที่ปล่อย ‘ลมหนาว’ อันแปลกประหลาดออกมา
‘ลมหนาว’ อยู่ค่อนข้างไกลจากพ่อมดเฮอร์แมนแต่เขาก็ยังรู้สึกกลัวหวาดกลัวต่อพลังของมัน
อย่างไรก็ตาม เขาตระหนักได้ว่าทั้งพ่อมดรีเซนและเมอร์ลิน เขาไม่สามารถสู้พวกเขาได้เลย พ่อมดเฮอร์แมนมองดูพวกเขาทั้งสองแล้วรู้สึกว่าตัวเองที่มาโบราณสถานนั้น มันช่างเสียเวลามาก
พ่อมดรีเซนที่มีสายตาไม่แยแสในแววตาของเขา เขาเหลือบมองไปที่พ่อมดเฮอร์แมนเป็นครั้งคราวซึ่งทำให้พ่อมดเฮอร์แมนกลัวเล็กน้อยเนื่องพ่อมดรีเซนเป็นหนึ่งในสี่นักเล่นแร่แปรธาตุที่มีชื่อเสียงในเมืองโฟลตติ้ง เขาเป็นคนโหดร้ายและไร้ความปราณีซึ่งผิดกับบุคลิกภายนอกที่เขาแสดงออกมา
เมื่อหุ่นเชิดผู้พิทักษ์พ่ายแพ้ ก็ถึงตาพวกเขาแล้วที่จะต้องสู้กับพวกเมอร์ลิน
พ่อมดเฮอร์แมนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และจ้องมองไปที่ประตูหินที่พัง เขากระซิบออกมาว่า "พวกเราถอยกันเถอะ!"
นักเวทย์ทั้งสองตอบรับทันทีไม่ลังเล พวกเขาตามพ่อมดเฮอร์แมนไปอย่างรวดเร็วและออกจากชั้นแรกของหอคอยโบราณ
ท้ายที่สุด การต่อสู้อันน่าสยดสยองระหว่างหุ่นเชิดผู้พิทักษ์และความร่วมมือของเมอร์ลินและพ่อมดรีเซน โฮมุนครุสทำให้ทุกคนกังวล นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับพ่อมดรีเซนด้วยจึงทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะอยู่ต่ออีกต่อไป
"เกล็น รีบไปกันเถอะ ที่นี่มันอันตราย"
เอเลน่าเหลือบมองไปที่เมอร์ลินและพ่อมดรีเซน ด้วยสายตาที่รีเซนจ้องมาทำเธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป
พ่อมดเกล็นพยักหน้าและมองเมอร์ลินด้วยความรู้สึกซับซ้อน ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในสถานการณ์อันตรายแต่เมื่อเมอร์ลินปรากฏตัว เห็นได้ชัดว่านักเวทย์ระดับสองกลัวเมอร์ลินและไม่กล้าเผชิญหน้าเขา
ด้วยเหตุนี้ ต้องขอบคุณเมอร์ลิน เขาจึงสามารถเอาชนะสถานการณ์อันตรายที่เขากำลังประสบอยู่ได้
"ไปกันเถอะ"
พ่อมดเกล็นรู้ว่าถ้าพ่อมดรีเซนอยู่ใกล้ ๆ พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้รับสมบัติที่ชั้นหนึ่งของโบราณสถานอย่างแน่นอน
ดังนั้น พ่อมดเกลน เอเลน่า และคนอื่นๆ จึงจากไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พื้นทั้งหมดว่างเปล่าและเต็มไปด้วยเสียงสะท้อนของค้อนขนาดใหญ่ของโฮมุนครุสที่กำลังทุบหุ่นเชิดผู้พิทักษ์
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างของหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ครึ่งหนึ่งก็ถูกทุบลงกับพื้นพร้อมกับชุดเกราะสีดำที่จมลงครึ่งหนึ่ง แม้แต่หัวก็ยังถูกทุบ
อย่างไรก็ตาม หุ่นเชิดผู้พิทักษ์ดูไม่เป็นอันตราย เมอร์ลินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจ จักรวรรดิมอลตาเมื่อสามพันหกร้อยปีก่อนเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของนักเวทย์รวมไปถึงศาสตร์ด้านอักษรรูน, คาถา, การเล่นแร่แปรธาตุและปรุงยา พวกเขาเกือบจะถึงจุดสุดยอดในทุกแขนงแล้ว
หุ่นเชิดผู้พิทักษ์นั้นเป็นหุ่นเชิดที่สร้างขึ้นโดยการเล่นแร่แปรธาตุโดยนักเวทย์โบราณ เมื่อสามพันหกร้อยปีก่อนในอาณาจักรมอลตา นักเวทย์ไม่มีโฮมุนครุสแต่ด้วยความก้าวหน้าในการเล่นแร่แปรธาตุ พวกเขาจึงแข็งแกร่งตามธรรมชาติ
*หวู่ม!!*
เมอร์ลินร่ายดัชนีเยือกแข็งอีกครั้งแล้วขมวดคิ้ว เขากระซิบว่า "นี่มันน่ารำคาญมาก คาถาธาตุน้ำแข็งไม่แรงพอ ฉันสามารถร่ายดัชนีเยือกได้มากสุดแค่สองอันเท่านั้น"
เมอร์ลินและพ่อมดรีเซนเดิมทีวางแผนที่จะทำลายหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ด้วยการนำหินธาตุออกจากตัวมัน
อย่างไรก็ตาม หุ่นเชิดผู้พิทักษ์ไม่ได้สูญเสียพลังหินธาตุไปมากนัก อันที่จริงแล้ว เป็นทางเมอร์ลินเองที่หินธาตุของเขาแทบจะไม่เหลือแล้ว
*ครึ่ก!!*
เขาร่ายดัชนีเยือกแข็งอีกครั้งและแช่แข็งหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ เขาสังเกตเห็นหินธาตุที่อยู่ในมือของเขาและพูดกับพ่อมดรีเซนว่า "พ่อมดรีเซน พลังเวทย์ของฉันเกือบจะหมดพลังเวทย์แล้ว หากคุณถ่วงเวลามันไว้ ฉันจะสามารถกู้คืนพลังเวทย์ของฉันและร่ายดัชนีเยือกแข็งต่อไปได้!"
พ่อมดรีเซนพยักหน้า ด้วยสีกน้าที่นิ่งสงบ เขาเตรียมร่ายเวทย์โจมตีหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ ทันใดนั้น เขาตระหนักว่าดวงตาสีเขียวเรืองแสงของหุ่นเชิดนั้นกะพริบเล็กน้อยและมันก็เริ่มจางลง
จากนั้นหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ก็ก้มหัวลง โฮมุนครุสจับค้อนขนาดใหญ่หยุดในอากาศ เนื่องจากหุ่นเชิดหยุดเคลื่อนไหว