Chapter 18 : แหล่งเพาะเนื้ออันแปลกประหลาด – เนื้อย่างอันหอมหวาน
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปพร้อมๆกับหมาป่าทรายเขาเดียวที่ค่อยๆได้สติขึ้นมา ผลของยาสลบยังไม่หมดฤทธิ์ดีดังนั้นมันจึงขยับได้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ยังไงก็ตามตัวมันที่ถูกขังเอาไว้ในห้องเก็บของสี่เหลี่ยมต่อให้ได้สติมาก็ทำได้เพียงมองไปรอบๆด้วยสายตาว่างเปล่าเท่านั้น
...
ไคลน์เปิดฝาของเครื่องกลั่นน้ำและพบว่าตอนนี้มีน้ำอยู่ราวๆ200มิลลิลิตรแล้ว
ได้เวลาเริ่มงานซักที
เขาหยิบมีดออกมาแล้วเดินเข้าไปหาหมาป่าทรายเขาเดียวเพื่อจัดการฝังพันธุศาสตร์ไว้ในร่างของมัน ขาทั้งสี่ข้างของมันถูกตรึงเอาไว้กับผนังกำแพงโดยหันหลังออกไปทางด้านนอก
ไคลน์ใช้แรงทั้งหมดของตัวเองกรีดมีดลงไปบนหลังของมันจนเป็นหลุมลึก ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาทำให้หมาป่าทรายเขาเดียวกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเขาก็ฝังพันธุศาสตร์ลงไปบนหลังของมันอย่างแรง
ดวงตาของหมาป่าทรายเขาเดียวในตอนนี้แสดงความหวาดกลัวออกมาจากก้นบึ้ง
ฉากอันน่าตื่นตะหนกปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าของไคลน์ เขาเห็นว่ามีหนวดบางอย่างโผล่ออกมา หลังจากที่สัมผัสกับเลือดเนื้อของหมาป่าพวกมันก็เริ่มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและหยั่งรากลงไปในเลือดเนื้อราวกับต้นไม้ใหญ่ นี่มันเหมือนกับเส้นเลือดภายในร่างกายเลย...เนื้อเยื่อหน้าตาคล้ายก้อนเนื้องอกถูกแปะติดอยู่บนหลังของหมาป่าทรายเขาเดียวแน่นหนาราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน
ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีร่างของหมาป่าทรายเขาเดียวก็เริ่มหดเล็กลงจนเหลือเพียงกระดูกจากนั้นร่างกายของมันก็ค่อยพังลงจากภายใน ร่างกายของมันตอนนี้พังทลายลงไม่ต่างอะไรไปจากแอ่งโคลนเลยแม้แต่น้อย
ระบบได้บอกเรื่องนี้กับเขาเอาไว้แล้วไคลน์จึงไม่ได้ประหลาดใจอะไรนัก เขามองลงไปและเห็นเพียงแอ่งเนื้อราวกับหมูสับกองหนึ่งที่มีพันธุศาสตร์ฝังอยู่ข้างใต้เท่านั้น
หลังจากมองดูกระบวนการทั้งหมดร่างของจิ้งจอกน้อยก็สั่นสะท้านขึ้นมา จากนั้นเธอก็กระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของไคลน์และแสดงท่าทีออดอ้อนออกมา เธอชี้ไปที่แอ่งเนื้อและชี้มาที่ตัวเองด้วยดวงตาปริ่มน้ำ
ไคลน์เข้าใจดีว่าจิ้งจอกน้อยต้องการจะสื่ออะไรจึงอดหัวเราะไม่ได้จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “ไม่ต้องห่วงฉันไม่ทำแบบนี้กับเธอหรอกน่า”
ร่างของจิ้งจอกน้อยสั่นสะท้านเห็นได้ชัดว่ากำลังสติแตกอยู่ ความสงสัยฆ่าจิ้งจอกได้ฉันใดก็ฉันนั้นจริงๆ ถ้ารู้แบบนี้เธอคงไม่มาดูด้วยเป็นแน่
จากนั้นไคลน์ก็ตักน้ำขึ้นมาราดลงไปบนแหล่งเพาะเนื้อ เมื่อน้ำปริมาณราวๆ200มิลลิลิตรสัมผัสกับแหล่งเพาะเนื้อพวกมันก็ถูกดูดซับไปแทบจะทันที นอกจากนี้ยังมีเสียงราวกับคนกำลังดื่มน้ำดังขึ้นมาอีกด้วย
ในเวลาเดียวกันแหล่งเพาะเนื้อทั้งแผงก็คล้ายกับว่าจะยกตัวขึ้นมาเล็กน้อย...ถือว่าโตเร็วมากเลยนะเนี่ย!
ไคลน์ลังเลอยู่ซักพักแต่ก็ยังไม่ได้คิดจะทำอะไร เขายังไม่ได้กินเนื้อกิ้งก่าตาเดียวหรือเนื้อของปลาหมึกทรายเหลืองเลย ดังนั้นเขาน่าจะพอใช้กินไปได้อีกหลายมื้อ...
เขาตัดสินใจปล่อยวางเรื่องของแหล่งเพาะเนื้อไปก่อน วันนี้เขาขุดไปครบสิบครั้งแล้วและเวลาก็ดำเนินมาถึงช่วงบ่ายๆพอดี
ท้องของไคลน์กรีดร้องออกมาแน่นอนว่าจิ้งจอกน้อยเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เธอจับจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตากังวล
ไคลน์กล่าว “ฉันจะทำบาบิคิวให้เธอแล้วกัน”
เครื่องทำบาบิคิวทั่วไปจำเป็นต้องใช้ไม้30ชิ้น เหล็ก13ชิ้นและทองแดงอีก15ชิ้น ซึ่งมันมีความสูงอยู่ที่1.3เมตร ยาวราวๆ1.8เมตรและกว้างราวๆ1.6เมตร
ระบบแจ้งเตือนบอกกับเขาว่าให้ใส่ไม้ลงไปและรอประมาณ30นาที
ระบบยังแจ้งเตือนอีกว่าเขาจำเป็นต้องหาไฟมาจุดเอง
ไคลน์เอาเครื่องทำบาบิคิวออกมาวางและเติมไม้เข้าไป
ในตอนนี้เขามีไม้มากพอสำหรับทำบาบิคิวทั้ง25ชิ้น เขาจุดไฟขึ้นมาโดยใช้หินเหล็กไฟและเริ่มการย่างเนื้อของกิ้งก่าตาเดียวกับปลาหมึกทรายเหลือง ไคลน์หยิบมีดออกมาและหั่นเนื้อออกเป็นชิ้นๆเพื่อทำเป็นบาบิคิว
ภายใต้เสียง ‘ชี่ๆ’ เนื้อบาบิคิวก็ส่งกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา...หอมมาก!
ไคลน์สูดกลิ่นหอมของเนื้อเข้าไปลึกๆครั้งนึง แม้ว่าเขาจะมาอยู่ในสุสานไม่ถึงสองวันแต่ไคลน์กลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้กินเนื้อมาอย่างน้อยก็เดือนหรือสองแล้ว
ถ้ามีเครื่องเทศน่าจะดีกว่านี้ คิดได้ดังนี้เขาก็เปิดหน้าต่างแลกเปลี่ยนขึ้นมาพร้อมๆกับพลิกบาบิคิวไปด้วย
เครื่องปรุงที่วางขายมีจำนวนนับร้อยชนิดและราคาเองก็สูงจนเกินจริง
แต่เครื่องปรุงที่เขาต้องการมีไม่กี่ชนิดเท่านั้น
พริกไทย เกลือทะเลและผงชูรส
หรือจะเอาเบคอนไปแลกเครื่องปรุงดี?
ไคลน์เปิดหน้าต่างแลกเปลี่ยนทิ้งเอาไว้แล้วกลับมานั่งคิดอีกรอบ ถึวจะใช้เบคอนแค่ครึ่งชิ้นก็น่าจะได้เครื่องปรุงมาเป็นกระสอบแล้วมั้ง...คิดได้ดังนี้เขาจึงเปิดหน้าต่างแชทโลกขึ้นมา
จากนั้นเขาก็ใช้สิทธิ์การใช้โทรโข่งที่วันนี้ยังไม่ได้ใช้
[แชทโลก : ไคลน์ “เบคอนอร่อยๆแลกกับเครื่องปรุงจ้า ถ้าราคาสูงไปไม่ต้องทักมานะ”]
ข่าวจากช่องแชทโลกนี้กระจายไปทั่วทุกช่องแชทอย่างรวดเร็ว
ไคลน์ในตอนนี้ถือได้ว่าโด่งดังในหมู่คนจีนด้วยกันยิ่งนัก ในตอนที่ข่าวนี้แพร่ออกไปก็มีคนมากมายสังเกตุเห็นแทบจะทันที
“มหาเศรษฐีไคลน์เอาอีกแล้วหรอ?”
มหาเศรษฐีไคลน์คือฉายาที่คนบางกลุ่มตั้งให้กับไคลน์ ในเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่วินาทีไคลนก์ก็ได้รับข้อความส่วนตัวมานับหมื่นข้อความ บ้างก็มีเครื่องปรุงจริงขณะที่บ้างก็คิดจะใช้อย่างอื่นมาแลก
“บอสไคลน์ขอเนื้อให้ฉันเถอะ ฉันมีพิมพ์เขียวตุ๊กตาทั่วไปอยู่ใช้แลกได้ไหม?”
“บอสไคลน์ฉันมีพริกไทยอยู่ขวดหนึ่งขอแลกได้ไหม?”
ไคลน์แน่นอนว่าต้องเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เขาเลือกแลกเปลี่ยนกับใครก็ตามที่เสนอให้เขามากที่สุด
แน่นอนว่าถ้ามีไอเทมพิเศษหลุดมาเขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้เบคอนหรือเนื้อกิ้งก่ากับเนื้อปลาหมึกเพื่อปลกเหมือนกัน ตอนนี้เขามีทุนมากพอแล้ว เมื่อบวกกับฟาร์มเพาะเนื้อของเขาอีกก็เท่ากับว่าเขาสามารถแลกเปลี่ยนได้มากเท่าที่ต้องการเลยนั่นเอง