ตอนที่ 26 เข้าเมืองหลวง
“มีคนเต็มไปหมด!”
เจอร์รี่มองรอบๆและถอนหายใจ
“ฝ่าบาท...นายน้อย มีคนมากมายเพราะงานเลี้ยงเมฆเขียวคืองานี่ใหญ่สุดในฉิงโจว”
เมทิสเดินมาข้างหน้าและอธิบายแก่เจอร์รี่อย่างเคารพ นางสวมชุดคลุมขาวตัวยาว ผมยาวของนางสะบัดตามลมและใบหน้าของนางก็งดงามหาที่เปรียบมิได้
ความงามของนางดึงดูดคนนับไม่ถ้วนและพวกเขาก็ลอบมองนาง
“ว่ากันว่างานนี้ได้จัดขึ้นมาเป็นร้อยปีแล้ว นักรบของฉิงโจวต่างใฝ่ฝันว่าจะได้เป็นสิบสุดยอดนักรบ”
“ดังนั้นทุกครั้งที่งานจัด มันจึงกลายเป็นช่วงเวลาที่คึกคักสุดของเมืองอันเยวี่ย”
เมทิสพูดต่อ ในฐานะนักรบระดับหนึ่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่สังเกตเห็นสายตาเหล่านั้น
แต่ทว่า นางไม่สนใจ นางแค่บอกข้อมูลกับเจอร์รี่ ราวกับเจอร์รี่คือคนเดียวในโลกที่ดึงความสนใจนางได้
เจอร์รี่พยักหน้า ด้วยคนหลายคนที่มาและไป มันจึงเสียงดัง
มันไม่สามารถเห็นฉากแบบนี้ได้ในราชวงศ์ท้องฟ้า
ราชวงศ์ท้องฟ้ามีประชากรน้อยแม้จะมีขนาดใหญ่ แต่ทว่า ในราชวงศ์มหาสันติ ประชากรคาดว่าน่าจะมีมากกว่าห้าสิบล้าน
แต่มันไม่สำคัญ เมื่อเจอร์รี่ยึดที่นี่ ประชากรของทั้งฉิงโจวจะเป็นของเขา
พอคิดได้ รอยยิ้มก็ปรากฏบนหน้าของเจอร์รี่ อารมณ์ของเขาดีขึ้น
เจอร์รี่กับพรรคพวกมาในฐานะของราชวงศ์ท้องฟ้า
นอกจากนักรบชื่อดัง แขกที่เหลือที่ได้รับเชิญให้มางานคือขุนนางจากราชวงศ์และเมืองต่างๆ
‘ท่าน นี่คือที่ที่ท่านจะพัก’
ขุนนางของราชวงศ์มหาสันติพาพวกเขาไปบ้านหลังน้อยแสนหรูหรา นี่คือที่ที่พวกเขาจะพัก
ราชสำนักได้จัดที่พักให้ขุนนางจากประเทศต่างๆขณะที่นักรบจะพักในโรงเตี้ยม
ตกดึก เมืองอันเยวี่ยกลายเป็นมีชีวิตชีวิตกว่าเดิม ว่ากันว่าคืนนี้จะมีงานแสดงโคมไฟ
“ทำไมเราไม่ไปดูงานหน่อยละ?”
เจอร์รี่มองโคมไฟและเสนอด้วยรอยยิ้ม
เฮอร์มีสกับคนอื่นมองหน้ากันและตามเจอร์รี่ออกไปอย่างหน่ายใจ ในความเป็นจริง พวกเขายังกังวลถึงความปลอดภัยของเจอร์รี่
ตอนพวกเขาไปถึงถนน มันมีชีวิตชีวามาจริง
มีคนเดินถนนและคนขายรั่ว ท่ามกลางคนเดินถนนเหล่านี้ หลายคนคือนักรบอิสระที่พกพาอาวุธ ในเมืองหลวง ผู้คนไม่ได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธบนถนน
แต่ทว่า เหล่านักรบคือข้อยกเว้นเพราะนี่คือกฏของโลกระดับหนึ่ง ยุคแห่งการต่อสู้ระดับต่ำ
เหนือสิ่งอื่นใด พลังของนักรบระดับหนึ่งเทียบได้กับกองทัพทหารหมื่นนาย
มีนักรบซ่อนเร้นนับไม่ถ้วนและพวกเขาก็ไม่สนใจเรื่องชาติตน ดังนั้นราชสำนักจึงต้องเคารพพวกเขา ไม่งั้น ถ้านักรบอิสระโดนขับไล่ ผลที่ตามมาคงเลวร้าย
แต่ทว่า แม้พวกเขาจะพกพาอาวุธได้ แต่ถ้าพวกเขากล้าใช้กำลังในเมือง พวกเขาจะต้องเจอนักรบจากราชสำนัก เหนือสิ่งอื่นใด โลกนี้เรียกว่ายุคแห่งอาณาจักร ราชวงศ์ถือครองอำนาจสูงสุดและก็มีนักรบที่เก่งกาจสุด
สำหรับนักรบอิสระ แม้พวกเขาจะเก่งกาจ พวกเขาก็ไม่สามารถสู้กับอาณาจักรได้
ถ้าอาณาจักรพวกเขาตกอยู่ในอันตราย นักรบอิสระเหล่านี้ก็จะยืนหยัดเพื่อช่วยเหลืออาณาจักร
นี่คือยุคแห่งอาณาจักร ไม่ว่าพลังยุทธ์ของคนเราจะเก่งกาจแค่ไหน พวกเขาก็ยังต้องก้มหัวให้ราชวงศ์พวกเขา
นอกจากนี้ พลังของราชวงศ์มักสูงสุดและถ้าพวกเขามีราชวงศ์หนุนหลัง พวกเขาก็จะบ่มเพาะได้เร็วขึ้น นี่เรียกว่าโชคลาภล่วงหน้า ถ้าราชวงศ์มีโชคลาภล่วงหน้า คนในนั้นก็จะบ่มเพาะเร็วขึ้น
ดังนั้น นักรบอิสระหลายคนจึงเต็มใจทำงานให้ราชวงศ์เพื่อแลกกับพลัง
ดังนั้น มันจึงยากมากที่สงครามจะแตกหักในหมู่สามราชวงศ์
ผู้คนจึงแข่งขันกับที่งานเลี้ยงเมฆเขียวแทน
ที่งาน นักรบจากสามราชวงศ์แข่งขันกันและราชวงศ์ที่มีจำนวนนักรบสิบอันดับแรกมากสุดจะถือว่าแข็งแกร่งสุด
และปีนี้ มีราชวงศ์ที่มาแข่งขันเพิ่มอย่างราชวงศ์ท้องฟ้า
งานแสดงโคมไฟค่อนข้างน่าสนใจ และเจอร์รี่ก็รู้สึกเหมือนตัวเองไปอยู่ในยุคโบราณ เหนือสิ่งอื่นใด เจอร์รี่ไม่ได้เห็นโลกนี้มากนักแม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วก็ตาม
ไม่กี่วันต่อมา งานเลี้ยงเมฆเขียวก็เริ่มขึ้น
งานเลี้ยงนี้จัดโดยราชวงศ์มหาสันติ และที่จัดงานก็อยู่ในวัง
ในช่วงเวลาร้อยปีที่ผ่านมา งานสงบสุข ราชวงศ์มหาสันติก็เหมือนชาติยิ่งใหญ่ พวกเขาไม่เคยเคลื่อนไหวต่อต้านคนจากประเศอื่นระหว่างงาน
ถ้าพวกเขาทำแบบนั้น ทุกคนในโลกจะรู้และศักดิ์ศรีพวกเขาจะไม่เหลือ สุดท้าย มันจะส่งผลเสียใหญ่หลวงต่อการปกครองของราชวงศ์
เหนือสิ่งอื่นใด ในยุคแห่งอาณาจักร มีกฏที่ว่าตอนสองอาณาจักรทำสงครามกัน พวกเขาไม่สามารถฆ่าผู้ส่งสารจากอาณาจักรศัตรูได้
แน่นอน ถ้าตัวตนของเจอร์รี่ในฐานะจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ท้องฟ้าหลุดไป เขาอาจโดนจับ
ยังไงซะ มันเป็นโอกาสอันดีสำหรับศัตรูเพราะราชวงศ์ท้องฟ้าถือเป็นภัยคุกคามต่อสามราชวงศ์
แม้กระทั่งราชวงศ์มหาสันติก็ยังพ่ายแพ้ต่อราชวงศ์ท้องฟ้าหลายครั้งในการปะทะชายแดน
พวกเขายังไม่เห็นพลังแท้จริงของราชวงศ์ท้องฟ้าเพราะแม่ทัพที่นำทัพคือเซอร์ซีกับไดโอมีดีส
ท่ามกลางเทพหลายองค์ของราชวงศ์ท้องฟ้า พลังพวกเขาถือว่าปานกลาง ไม่ทรงพลังเท่าเฮอร์มีสกับอาธีน่า
แน่นอน ถึงกระนั้นพลังพวกเขาก็พอจะจัดการศัตรู
อย่างน้อย การต่อสู้กับศัตรูอย่างราชวงศ์มหาสันติก็พอแล้ว
การเผชิญหน้าของกองทัพชายแดนนั้น แม้กระทั่งเทพแห่งไวน์ก็ยังไม่เคลื่อนไหว เขากลับเลือกดื่มกับเฮอร์มีสและเฮอร์คิวลิส
สำหรับอาธีน่าละ?
นางศึกษาแผนพัฒนาของราชวงศ์กับเจอร์รี่...
พอมองพระราชวังอันยิ่งใหญ่ในแผนผัง เจอร์รี่ก็พูด“พูดถึงเรื่องนี้ ข้า…”
“ไม่มีพระราชวังเลย.”
เจอร์รี่มองไปทั่วทั้งวัง ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยแสงที่อธิบายไม่ได้