Chapter 6 : ได้รูนน้ำและเข้าสู่สุสานถัดไป!
ทั่วทั้งสุสานตกอยู่ภายใต้ความมืดมิด
ไคลน์ที่นอนอยู่บนพื้นรู้สึกหนาวไปทั้งมือและเท้า กระทั่งว่าอยู่ภายในฐานรูนตัวเขาก็ยังไม่อาจทนกับความหนาวยามค่ำคืนได้
โชคดีที่ไคลน์มีอาหารการกินพอควรดังนั้นร่างกายจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน
สำหรับผู้ที่ไม่มีอาหารจนต้องแบกท้องก็คงยากจะจินตนาการยิ่งนักว่าต้องทนทุกข์ขนาดไหน
ไคลน์ตรวจสอบเส้นทางของสุสานทิศแล้วทิศเล่าอยู่หลายครั้งโดยหวังว่าจะมีบางเส้นทางที่คำใบ้เปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกับทางขวา
ยกตัวอย่างเช่นคำใบ้ว่าสัตว์อสูรแห่งสุสานได้ออกจากสุสานไปแล้วอะไรทำนองนี้
ยังไงก็ตามสิ่งที่เขาหวังไว้ก็ไม่เกิด สัตว์อสูรแห่งสุสานทางด้านซ้ายยังคงไม่ออกจากสุสาน
ไคลน์อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาเดาเอาไว้นั้นผิด
หรือเจ้าพวกนี้จะไม่มีวันออกจากสุสานจริงๆ?
เช่นเดียวกับมอนสเตอร์ภายในเกมที่มักจะอยู่แค่ในแผนที่ๆหนึ่งและไม่ออกหากินอย่างนั้นหรือ?
ไคลน์อดไม่ได้ที่จะสบทออกมา
ทีแรกเขาต้องการลอบเข้าไปขโมยไอเทมจากสัตว์อสูรแห่งสุสานแต่ดูเหมือนคงต้องวางความคิดนี้ทิ้งซะแล้ว
‘ตอนนี้คนอื่นๆก็คงเริ่มหิวกันแล้ว’ ไคลน์คาดเดา
ไม่ต้องพูดถึงคนที่โชคไม่ดีจนขุดไม่เจออาหารเลย
เขากล่าวขึ้นเบาๆ “เอาขนมปังขึ้นไปวางล่อหน่อยดีกว่า”
มุมปากของไคลน์โค้งขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้ม
ยิ่งผู้คนหิวมากเท่าใดแม้เป็นขนมปังก็ยังยั่วยวนใจมากมายนัก
ไม่นานต่อมาภายในช่องซื้อขาย
[ผู้ขาย : ไคลน์]
[ไอเทม : ขนมปังธัญพืช400กรัม]
[ไอเทมที่ต้องการแลกเปลี่ยน : รูนน้ำ1]
[จำนวน : 1]
พอเสร็จสิ้นตรงนี้ก็เท่ากับว่าเขามีไอเทมวางเอาไว้ในช่องแลกเปลี่ยนสองชนิดแล้ว
ตลอดทั้งวันยังไม่มีใครมาแลกเปลี่ยนน้ำดื่ม400มิลลิลิตรไปเลย
ภายในช่องพูดคุยขณะนั้นเอง
ผู้คนจำนวนมากยังข่มตาหลับไม่ลงและไม่มีสิ่งของให้ความบันเทิงด้วยดังนั้นจึงทำได้เพียงคุยกันเท่านั้น
“เชี่ย พี่ไคลน์เขาเอาอาหารมาวางขายอีกแล้วว่ะ”
“เห็นแล้ว...รอบนี้เป็นขนมปังแหละ! ฉันโคตรหิวเลย ฮึกๆๆ ท่านไคลน์ช่วยมอบขนมปังให้กับสาวน้อยแบบฟรีๆไม่ได้หรอ?”
“ขอสาปแช่งมันมาวางขายอะไรตอนนี้วะ!”
“เขาอยากแลกกับรูนอีกแล้ว สรุปแล้วรูนมันคืออะไรกันแน่มีใครรู้บ้างไหม?”
“ถ้าฉันมีรูนล่ะก็ฉันจะแลกกับมันคนแรกเลย เฮ้อสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือกองทัพต้องเดินด้วยท้องนี่แหละ”
เมื่อทุกคนเห็นว่าเป็นไคลน์อีกแล้วอารมณ์ของพวกเขาก็มีทั้งอิจฉาและโศกเศร้าปนๆกันไป
คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่รู้ว่าไคลน์โชคดีขนาดนั้นถึงได้มีน้ำและอาหารมากมายขนาดนี้
แต่พวกเขากลับไม่มีสิ่งที่ไคลน์ต้องการนี่สิ!
ไคลน์ได้รับข้อความส่วนตัวจากผู้คนจำนวนมากอีกครั้ง
ครั้งนี้เริ่มมีคนบ่นเขาแล้วว่าไร้น้ำใจและกระทั่งว่าไร้ศีลธรรม
แน่นอนว่าไคลน์ไม่สนใจคนพวกนี้อยู่แล้ว
เขาคิดว่าคืนนี้คงไม่ได้อะไรแล้วแต่ห้านาทีต่อมาพลันมีหน้าต่างข้อความอัตโนมัติเด้งขึ้นมา
ในหน้าต่างพูดคุยส่วนตัวสามารถตั้งค่าฟังก์ชั่นต่างๆได้และไคลน์ได้ตั้งค่าเอาไว้โดยใช้คำว่ารูนน้ำและรูนไฟเป็นคีย์เวิร์ด
เมื่อใดที่ตรงตามเงื่อนไขกล่องข้อความก็จะเด้งขึ้นมาโดยอัตโนมัติเช่นนี้แหละ
สาวน้อยนามอลิซพูดขึ้น “ฉันมีรูนน้ำ ถ้าคุณยินดีให้ขนมปังฉันห้าชิ้นฉันจะแลกเปลี่ยนกับคุณ”
รูปโปรไฟล์ของเธอเป็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักและมีรูปร่างเซ็กซี่ดูดีไม่เลว
ไคลน์เลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มอ่อน
ในที่สุดก็มีลูกค้ามาเคาะประตูซักที
ไคลน์ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “ขนมปังตั้งห้าชิ้น? เฮอะๆไม่คิดว่ามากไปหน่อยรึไง?”
ไคลน์ส่ายหัวและพูดกับอลิซ
ไคลน์ยังคงกล่าวต่อ “เธอน่าจะรู้นี่ว่าในตอนนี้อาหารมีค่าขนาดไหน ในตลาดมีแค่ฉันคนเดียวที่มีขาย การที่จู่ๆเธอก็มาขึ้นราคาเป็นห้าชิ้นแบบนี้ไม่คิดว่าเกินไปหน่อยหรอ?”
อลิซ “ถ้างั้นสามชิ้นได้ไหม?”
ไคลน์ “อย่าแม้แต่จะคิด! ฉันมีเหลืออยู่ชิ้นเดียวนี่แหละ ถ้าเธอไม่อยากได้พรุ่งนี้ฉันก็จะกินมันเอง”
อลิซ “ถ้างั้นรอซักครู่นะขอฉันคิดดูก่อน”
สองนาทีต่อมา
[แจ้งเตือนจากระบบ : ทำการแลกเปลี่ยนขนมปังธัญพืชเสร็จสิ้น – รูนน้ำ+1]
ไคลน์ตรวจสอบบันทึกการแลกเปลี่ยนเพื่อความมั่นใจและก็เห็นชัดเจนว่าอลิซใช้รูนน้ำในการแลกเปลี่ยน
ก้อนขนมปังที่วางอยู่ด้านหน้าของเขาจู่ๆก็พลันหายไปในอากาศ
ในเวลาเดียวกันชิ้นส่วนไม้ก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่
ของสิ่งนี้ทำมาจากวัตถุดิบใดก็ไม่ทราบและบนบริเวณพื้นผิวของมันก็ปล่อยละลอกคลื่นสีฟ้าจางๆออกมารอบๆอีกด้วย
[รูนน้ำ : รูนธาตุซีลิเนียมภายในโลกแห่งสุสาน พวกมันครอบครองพลังอันลึกลับและมีวิธีการใช้งานหลากหลาย]
ไคลน์ที่ถือมันเอาไว้ในมือพลันรู้สึกหนาวขึ้นมา เขาจึงโยนมันเข้าไปภายในที่เก็บของและไม่สนใจอีกว่ามันทำมาจากอะไร
ยิ่งไปกว่านั้นรูนพวกนี้ยังไม่สามารถย่อยได้อีกด้วย
‘ได้รูนน้ำมาแล้วก็ขาดแค่รูนไฟเท่านั้น’
ไคลน์คิดได้ดังนี้ก็เร่งรีบไปยังหน้าต่างแลกเปลี่ยนเพื่อเปลี่ยนข้อเสนอของน้ำดื่มที่เหลือเป็นรับเฉพาะรูนไฟเท่านั้นในทันที
...
ในที่สุดยามเช้าก็มาถึง
จำนวนการขุดค้นกลับมาเป็นสิบครั้งเช่นเดิมและเขาก็ตั้งใจว่าวันนี้จะไปให้ถึงสุสานที่หก
ไคลน์พึมพำกับตัวเองและเก็บฐานรูนกลับมา
ในเวลาเดียวกันเขาก็เพ่งความสนใจไปที่ถ้ำทางด้านขวา
[ชู่ว! มันพึ่งจะหลับไป ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาดีที่จะโจมตี]
ไคลน์ไม่รีบอยู่แล้ว
เขาจัดการดื่มน้ำเป็นอย่างแรกและตามด้วยกินขนมปังไปนิดหน่อย
พอผ่านไปอีกราวๆหนึ่งชั่วโมงเขาก็ตรวจสอบอีกครั้ง
[การขุดไปทางด้านขวาก็ไม่ใช่เรื่องแย่ กิ้งก่าตาเดียวกำลังหลับอย่างมีความสุข หลังจากเข้าไปแล้วท่านจงพุ่งไปสังหารมันทันที ด้วยความชำนาญการใช้หอกสั้นของท่านในปัจจุบันเมื่อใดที่มันเปิดตาขึ้นมาท่านก็แค่แทงตามันให้บอดและสำราญไปกับการเก็บเกี่ยวทรัพยากรก็พอ]
อย่างที่คิด!
ความชำนาญหอกสั้นของเขามีมากพอแล้ว
ไคลน์สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่งแล้วยกพลั่วขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มขุดทันที!
สุสานทั้งสองแห่งถูกแยกห่างจากกันหลายเมตรโดยสิ่งใดก็ไม่ทราบ
ไคลน์ต้องการขุดอุโมงค์ขนาดใหญ่และตรวจสอบความพร้อมของตัวเองก่อนก่อนที่จะพุ่งเข้าไป
ไม่นานนักหลุมดำขนาดราวๆยี่สิบเมตรปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของไคลน์
เพื่อความปลอดภัยไคลน์จึงเลือกจะสังเกตอีกหน
คำใบ้สีทองก็ยังคงไม่เปลี่ยน
กิ้งก่าตาเดียวยังคงหลับอย่างสงบหมายความได้ว่าหลุมดำนี้สามารถกั้นเสียงการขุดของเขาได้แบบสมบูรณ์
ไคลน์ถอยกลับไปยังถ้ำก่อนหน้าและเก็บพลั่วเข้าไปในที่เก็บของก่อนจะนั่งลงเพื่อพักเอาแรง
ไม่นานนักแรงของเขาฟื้นกลับมาจนเกือบจะสมบูรณ์ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและทำการออกกำลังกายเพื่ออุ่นเครื่องซักเล็กน้อย
ทุกๆอย่างพร้อมแล้ว
เขาปรับสภาพจิตใจของเขาและหยิบหอกสั้นมาถือเอาไว้แน่น
ลุย!
สภาวะอารมณ์ของไคลน์ในตอนนี้สงบอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อเขาผ่านหลุมดำเข้ามาก็เป็นอย่างที่คิด ห่างออกไปราวสี่มเตรมีสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายกิ้งก่าแต่มีขนาดราวๆหนึ่งเมตรครึ่งนอนหลับอย่างสงบอยู่
ใบหน้าของมันน่าเกลียดน่ากลัวและมีร่างกายสีเขียวทั้งร่าง
เจ้านี่ก็คือกิ้งก่าตาเดียว