Chapter 11 : ไข่รูน
[เตาย่างทั่วไป : ไม้ 30/4 , เหล็ก 1/4 , ทองแดง 8/4 ]
[มาแชเทชั้นเยี่ยม : ไม้ 30/1 , เหล็ก 1/4]
ไคลน์ในตอนนี้มีไม้เพียงพอขาดก็แต่เพียงเหล็ก
ยังไงก็ตามตราบใดที่เขานำไม้ไปเปลี่ยนเป็นน้ำดื่มมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะเปลี่ยนน้ำที่ได้มาให้กลายเป็นเหล็กอีกทอดหนึ่ง
ในตลาดเองตอนนี้ก็มีคนขายเหล็กอยู่ไม่น้อย
ยังไงก็ตามเหล็กนั้นมีค่ามากกว่าไม้ จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะแลกเหล็กได้โดยใช้น้ำเพียงแค่สามสิบมิลลิลิตรต่อเหล็กหนึ่งชิ้น
แน่นอนว่าคงมีผู้คนจำนวนน้อยเท่านั้นที่จะกล้าแลก
ในช่วงนี้น้ำและอาหารยังคงขาดแคลนอย่างหนัก
หรือกล่าวอีกอย่างก็คือผู้คนกำลังเริ่มกักตุนอาหารกันอยู่นั่นเอง
..
นอกจากไคลน์แล้วคงไม่มีผู้ใดทราบว่าสุสานถัดไปจะต้องเจอกับอะไร
ถ้าการขุดค้นทั้งหมดถูกใช้ไปแล้วสิบครั้งแต่กลับไม่อาจหาน้ำหรืออาหารได้เลย พวกเขาก็จำเป็นต้องแบกท้องหิวๆไปตลอดทั้งวัน
เครื่องกลั่นน้ำดูเหมือนว่าใช้เวลาอีกไม่กี่นาทีก็คงเสร็จสิ้นกระบวนการกลั่นน้ำ
ไคลน์ที่ไม่มีอะไรทำจึงเปิดแชทโลกขึ้นมานั่งอ่าน
เหตุผลหลักๆเลยก็เพื่อเก็บข้อมูลเพราะในแชทโลกนี้มักจะมีข้อมูลมากมายหลุดมาให้ได้อ่านเสมอๆ
ไคลน์เลื่อนแชทอย่างรวดเร็วและก็ไปหยุดอยู่กับคำๆหนึ่งที่เขารู้สึกว่าน่าสนใจ
มีผู้เล่นบางคนที่เคยเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรแห่งสุสานมาแล้ว ยังไงก็ตามพวกเขากลับฆ่ามันไม่ได้
พวกมันทั้งหมดส่วนมากจะถูกไล่ให้ถอยล่นไปเท่านั้น
ตาม ‘คำอธิบาย’ ที่ผู้เล่นคนนั้นกล่าวไว้ก็คือไม่จำเป็นต้องกลัวสัตว์อสูรแห่งสุสาน ถ้าพวกคุณต้องเผชิญหน้ากับมันก็จงใช้พลั่วเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งให้มันได้เห็น
ตราบใดที่คุณเอาพลั่วตีมันได้ซักสองสามครั้ง สัตว์อสูรแห่งสุสานก็จะขุดดินหนีไปเอง
ไคลน์เชื่อในคำพูดของผู้รอดชีวิตคนนี้ยิ่งกว่าใคร เพราะมีเพียงคนที่รอดมาได้เท่านั้นจึงจะมีสิทธิพูด
ส่วนคนตายก็ต้องหุบปากอยู่แล้ว
ในความเป็นจริงแล้วมีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยเลยที่ต้องตายลงภายใต้คมเขี้ยวของสัตว์อสูรแห่งสุสาน
..
ไม่กี่นาทีต่อมาในที่สุดเครื่องกลั่นน้ำก็หยุดทำงาน
[แจ้งเตือนจากระบบ : น้ำดื่ม+350มิลลิลิตร]
ไคลน์ยังไม่ได้เทพวกมันใส่ขวดพลาสติกแต่อย่างใดแต่เลือกที่จะเปิดเมนูการสร้างขึ้นมาแทน
เขาเลือกไปที่ถังน้ำโดยใช้ไม้สี่ชิ้นในการสร้าง ซึ่งถังไม้นี้สามารถบรรจุของเหลวได้12ลิตรซึ่งก็มากพอสำหรับตอนนี้แล้ว
จากนั้นไคลน์จึงเทน้ำทั้งหมดใส่ถังน้ำ
ในตอนนี้เขามีทรัพยากรจำพวกน้ำ(น้ำธรรมดา+น้ำแร่)อยู่410มิลลิลิตรแล้ว
หลังจากจัดการทุกอย่างจนหมดเขาก็เก็บฐานรูนและเริ่มการขุดต่อ
สุสานแห่งที่เก้าเองก็ยังคงเป็นสุสานที่มีทรัพยากรเป็นหลักเช่นเดิม
เส้นทางมีทั้งหมดห้าเส้นทางและไม่มีเส้นทางใดเลยที่มีอันตราย
หนึ่งในเส้นทางเหล่านั้นว่างเปล่า
[ห้องใต้ดินทางด้านซ้ายเต็มไปด้วยทรัพยากร นอกจากนี้ยังมีพืชที่ท่านจำเป็นต้องใช้อีกด้วย]
ได้ยินดังนี้ไคลน์จึงเลือกขุดไปทางซ้ายอย่างไม่ลังเล
หลังจากขุดมาราวๆสิบเมตรหลุมๆหนึ่งก็ปรากฏ
เขาโดดลงไปทันที
...
เมื่อลงมาถึงเขาก็พบกับหิน , เหล็ก , ทองแดงและไม้กองอยู่เต็มพื้น
ตรงบริเวณมุมมีดอกไม้สีแดงหน้าตาราวกับงูขึ้นอยู่
ไคลน์ตรงเข้าไปเก็บดอกไม้พวกนั้นเป็นอย่างแรก
ถ้าเขาเดาไม่ผิดนี่น่าจะเป็นดอกสีชาดแน่นอน มันคือหนึ่งในวัตถุดิบจำเป็นสำหรับการสร้างยารักษาทั่วไป
[ดอกสีชาด : ดอกไม้ทานได้ จงระวังในตอนเก็บเกี่ยวเพราะดอกไม้ชนิดนี้มักจะมีอสรพิษคอยปกป้องเอาไว้]
[ดอกสีชาดที่ไร้ซึ่งพิษภัย เก็บมันได้อย่ากังวลเพราะรอบๆนี้ไม่มีตัวอะไรอยู่เลย]
ไคลน์ย่อตัวลงและเริ่มเก็บเกี่ยวพวกมัน
[ดอกสีชาด +6!]
ครั้งนี้เขาก็ยังคงไม่ได้เมล็ดพันธุ์ใดๆมา
จากนั้นเขาก็เริ่มเก็บวัตถุดิบที่กองอยู่เต็มพื้น [ไม้ +6 , เหล็ก +4 , ทองแดง +3 , หิน +5...]
‘ตอนนี้ขาดอีกแค่สามอย่างก็สร้างยารักษาทั่วไปได้แล้ว’
ไคลน์เปิดหน้าเมนูขึ้นมาและพบว่าไอคอนรูปบ้านบริเวณมุมซ้ายบนยังคงเป็นสีเขียวอยู่
‘ยังมีพื้นที่เก็บของมากพอจะเก็บเตาย่างบาบิคิวหรือถ้ามันแน่นไปก็เอาเตาย่างมาไว้นอกฐานได้เหมือนกัน’
ไคลน์ไม่ได้สร้างเตาย่างบาบิคิวขึ้นทันทีแต่อย่างใดเพราะเขาคิดว่ารอให้ถึงเวลาอาหารกลางวันก่อนดีกว่า
ขุดต่อ!
เขากวาดตามองเส้นทางทั้งห้าสายในสุสาน
[ขุดขึ้นไปทางด้านบนจะพบกลุ่มแมงป่องสีเขียว บางทีในระหว่างที่ท่านกำลังขุดไปกิ้งก่าสีเขียวอาจจะมาโผล่ข้างๆแล้วก็ได้ เพียงแค่มันแตะท่านเบาๆท่านก็จะตายทันที]
[ขุดต่อไปทางด้านซ้ายจะมีเพียงไข่หนึ่งใบที่รออยู่และภายในนั้นซุกซ่อนเอาไว้ด้วยขุมพลังพิเศษบางอย่าง]
[ภายในสุสานทางด้านหน้ามีสัตว์อสูรแห่งสุสานที่ได้รับบาดเจ็บรออยู่ มันในตอนนี้อยู่ในสภาวะตื่นตัวถึงขีดสุด ถ้าท่านทำให้มันหวาดกลัวมันจะหนีไปทันที]
[สุสานทางด้านหลังมีวัตถุดิบอยู่เพียงน้อยนิดและอาจจะไม่เป็นที่พอใจของท่านนัก]
[ขุดลงด้านล่างมีหนังสือผู้ใหญ่ที่ใช้ฆ่าเวลาบวกกับขนมกินเล่นรออยู่ ถ้าท่านรู้สึกเปล่าเปลี่ยวก็ลองดูได้]
มีเพียงสามเส้นทางเท่านั้นที่มีทรัพยากร
อีกสองเส้นทางที่เหลือคือเส้นทางที่นำไปเจอกับสัตว์อสูรแห่งสุสาน
“ทางด้านมีไข่งั้นหรอ?”
“อาหารรึเปล่า?”
ไคลน์ขบคิด
ในเมื่อคำใบ้บอกว่าภายในไข่มีพลังพิเศษแขนงหนึ่งและไม่มีความเสี่ยงใดๆก็หมายความว่าน่าจะขุดไปได้
ทรัพยากรในอีกสองเส้นทางเองก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญนักดังนั้นสามารถมองข้ามได้
ไคลน์จึงขุดไปทางด้านซ้ายด้วยประการฉะนี้
เส้นทางที่เขาขุดมาคราวนี้ยาวกว่าสามสิบเมตรและตรงช่วงกลางของเส้นทางก็มีเส้นทางผัวผวนปรากฏทำให้เขาจำเป็นต้องใช้พลั่วลองขุดหาทิศทางที่ถูกต้องอยู่ซักพัก
“ขุดผ่านมาได้ซักที”
ไคลน์เก็บพลั่วเข้าที่เก็บของและหยิบเอาหอกสั้นขึ้นมากำเอาไว้แทนจากนั้นจึงค่อยเดินเข้าสู่สุสานแห่งที่สิบ
ไม่ว่ายังไงการระวังตัวเอาไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
สุสานแห่งนี้ค่อนข้างแคบเป็นอย่างยิ่ง ดูๆไปแล้วน่าจะยาวเพียงสามเมตรเท่านั้น
ตรงกลางของสุสานแห่งนี้มีกองทรายอยู่กองหนึ่งและกองทรายกองนั้นก็โอบอุ้มไข่สีขาวใบใหญ่ใบหนึ่งเอาไว้
ขนาดของไข่ใบนี้ใหญ่ยิ่งกว่าไข่ของนกกระจอกเทศเสียอีก
[รอบๆนี้ไม่มีอันตรายและไข่นี้เป็นของดีมาก วันเวลาอันโดดเดี่ยวของท่านกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว]
คำใบ้สีทองเด้งขึ้นมา
“วันเวลาอันโดดเดี่ยวกำลังจะสิ้นสุด? หรือฟักออกมาจะได้เป็นผู้หญิงสวยๆรึไง?”
ไคลน์ก้มลงไปสำรวจไข่สีขาวใบใหญ่ใบนั้นใกล้ๆ
พอสังเกตุดูผิวของเปลือกไข่ไม่ได้เป็นสีขาวบริสุทธิ์แต่มีลวดลายสีเงินบางอย่างวาดเอาไว้ด้วยและเขาก็พึ่งสังเกตุเห็นหลังจากที่ก้มลงมามองใกล้ๆนี่แหละ
ลวดลายที่เขียนเอาไว้ทำให้เขานึกถึงฐานรูนและเครื่องกลั่นน้ำขึ้นมาทันที
หรือจะเกี่ยวข้องกับรูนอีกแล้ว?
ไคลน์ปัดทรายรอบๆออกและยกไข่ขึ้นมาด้วยสองมือ
[แจ้งเตือนจากระบบ : ไข่รูน+1]
[ไข่รูน : ทารกสัตว์อสูรแห่งสุสานถูกผนึกเอาไว้ในไข่รูน หยดเลือดของท่านลงไปเพื่อทำลายผนึกและทำพันธสัญญา เมื่อทำเช่นนี้ท่านจะได้รับคู่หูที่ซื่อสัตว์มาและไม่จำเป็นต้องไปเอาฟักเองแต่อย่างใด]