Chapter 10 : บอสไคลน์เคยสังหารอสูรแห่งสุสานมาแล้ว?
ในช่องแชทโลก
“สหายคนไหนที่ขาดน้ำแต่มีไม้รีบไปที่ช่องซื้อขายให้ไวเลย ตอนนี้บอสไคลน์เอาน้ำมาวางขายอีกแล้ว”
“จะโวยวายทำไม? นายคิดว่าคนที่รอซื้อมีน้อยรึไง?”
“เฮอะๆไม่อยากจะคิดถึงเลย บอสไคลน์เอามาวางขายแปปเดียวก็หมดภายในไม่กี่วินาทีเอง คนมากมายในตอนนี้ต่างก็กำลังมุ่งเป้าไปที่ช่องซื้อขายกันทั้งนั้น”
“ไอ้ไคลน์คนนี้มันผิดปกติเกินไปไหม? เมื่อวานหมอนี่พึ่งจะวางขายน้ำ400มิลลิลิตรไปเองแล้ววันนี้ก็เอามาวางขายอีก300มิลลิลิตรเนี่ยนะ ไม่ใช่ว่าหมอนี่มีน้ำเยอะไปหน่อยรึไง?”
“บอสไคลน์ช่วยออกมาพูดอะไรหน่อยได้ไหม? ตอนนี้คุณขุดถึงสุสานไหนแล้ว? พอจะมีวิธีการดีๆมาเล่าสู่กันฟังบ้างไหม?”
“นอกจากน้ำก็ยังมีขนมปังด้วยนะ ไคลน์วางขายมันโดยแลกเปลี่ยนกับรูนทุกชนิดหรือไม่ก็ดวงวิญญาณ! รูนนี่ฉันยังไม่เคยเห็นแต่ดวงวิญญาณก็โผล่ออกมาให้เห็นบ้างแล้ว”
“ถ้าไม่มีอะไรเกิดคาดฉันคิดว่าหมอนี่น่าจะขุดสุสานไปได้หลายแห่งแล้วแหละ เฮ้อโชคของหมอนี่ดีไม่เลวเลย”
“…”
ผู้คนจำนวนมากมายยังคงพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้
ภายในช่องแชทโลกตลอดสองวันมานี้ไคลน์ถือได้ว่าเป็นคนที่หาตัวจับยากที่สุด
คนอื่นๆที่วางขายไอเทมมักจะใช้มันแลกกับอาหารหรือเครื่องดื่มทั้งนั้นแต่ไคลน์เป็นเพียงคนเดียวที่เสนอสิ่งแลกเปลี่ยนตรงกันข้าม
นอกจากนี้ยังมีรูนกับดวงวิญญาณอีก ดูๆไปแล้วคล้ายกับว่าเขาพยายามจะรวบรวมทรัพยากรระดับสูงก็ไม่ปาน
“น้ำนี่เป็นที่นิยมดีนะ”
ปริมาณไม้ของไคลน์เพิ่มขึ้นมาอีก30ชิ้น
ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากวางขายพวกมันก็ถูกซื้อไปอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่ซื้อน้ำจำนวน15มิลลิลิตรนี้ไปจำนวนไม่น้อยเลยที่ทักข้อความส่วนตัวมาหาไคลน์เพื่อขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้
พวกเขายังบอกอีกว่าถ้าในอนาคตไคลน์มีน้ำพร้อมวางขายอีกให้ช่วยบอกกับพวกเขาก่อน
อลิซเองก็ส่งข้อความมาหาไคลน์เช่นกัน “คุณไคลน์รบกวนช่วยบอกหน่อยได้ไหมคะว่าดวงวิญญาณคืออะไร?”
อลิซที่เคยทำการแลกเปลี่ยนกับไคลน์ในครั้งที่แล้วส่งข้อความมาและไคลน์ก็บังเอิญเห็นพอดี
ในความเป็นจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่อลิซที่ถาม มีผู้คนนับพันเลยทีเดียวที่สอบถามเขาเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องของดวงวิญญาณ
ส่วนข้อความส่วนตัวที่เหลือก็คือพวกคนที่ทักมาขอร้องให้ไคลน์บริจาคน้ำและอาหารให้บ้างหรือบางคนก็มีของแปลกๆบางอย่างต้องการจะแลกเปลี่ยนกับเขา
การที่อลิซมาถามถึงดวงวิญญาณเช่นนี้ก็หมายความว่าเจ้าหล่อนไม่ได้ขาดแคลนน้ำหรืออาหารในชั่วระยะเวลาสั้นๆนี้แน่นอน
“ควรจะเปิดเผยข้อมูลนี้ออกไปดีไหมนะ?”
ไคลน์คิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจบอกข้อมูลให้ทุกคนทราบ
อย่างแรกเลยก็คือข้อมูลนี้ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่นัก
และ...ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมีคนสังหารสัตว์อสูรแห่งสุสานได้และได้รับข้อมูลเกี่ยวกับดวงวิญญาณมาอยู่ดี
บางทีในตอนนี้ก็อาจจะมีคนสังหารสัตว์อสูรแห่งสุสานไปได้บ้างแล้วก็เป็นได้
แม้ว่าสัตว์อสูรแห่งสุสานจะอันตรายแต่ในบรรดามนุษย์เองก็หาใช่ว่าจะขาดแคลนพวกมนุษย์ผู้บ้าคลั่งเหมือนกัน
ต่อให้อาวุธเป็นเพียงแค่พลั่วแต่ก็พอจะทำให้พยัคฆ์ร้ายตัวสั่นได้เหมือนกัน
“ถ้าฆ่าสัตว์อสูรแห่งสุสานได้ก็จะได้รับดวงวิญญาณ” ไคลน์ตอบคนที่ถามเข้ามาทุกคน
อลิซ “สุดยอด”
“บอสโคตรเจ๋ง”
“ไม่ใช่ว่าสัตว์อสูรแห่งสุสานมันโคตรอันตรายเลยหรอ?”
“แล้วดวงวิญญาณเอาไว้ทำอะไรอ่ะ?”
“เชี่ย ในตอนที่พวกเรายังต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดแต่บอสไคลน์ไปสู้กับมอนสเตอร์มาแล้วเนี่ยนะ? ไม่ขำเลยอ่ะ”
หลังจากทราบแล้วว่าดวงวิญญาณได้มาจากสัตว์อสูรแห่งสุสาน ผู้เล่นทุกๆคนก็แตกตื่นกันขึ้นมา
มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่สอบถามเขาเข้ามาเกี่ยวกับวิธีการใช้ดวงวิญญาณ แน่นอนว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ไคลน์เมินไปและไม่สนใจจะตอบ
อย่างแรกเลยก็คือเขาเองก็ยังรู้ไม่มากนัก
อย่างที่สองก็คือตัวเขาอยากจะแลกเปลี่ยนดวงวิญญาณ ดังนั้นถ้าคนอื่นๆรู้วิธีใช้ดวงวิญญาณพวกนั้นก็คงจะเก็บเอาไว้ก่อนจนกว่าจะถึงที่สุดจริงๆถึงจะยอมเอามาแลกเป็นแน่
เขาคงซ่อนข้อมูลตรงนี้ได้ซักระยะ
หลังจากไคลน์ตอบข้อความเสร็จ ข่าวเรื่องนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งแชทโลก
“ฉันไปถามไคลน์มาแล้ว เขาบอกว่าวิธีเดียวที่จะได้ดวงวิญญาณมาก็คือการสังหารสัตว์อสูรแห่งสุสาน!”
แน่นอนว่าคนที่มาคุยไม่ได้มีแค่คนเดียว ไม่นานนักก็มีอีกคนมาพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
“บอสไคลน์ต้องเคยสังหารสัตว์อสูรแห่งสุสานมาแล้วแน่ๆถึงได้รู้ข้อมูลนี้!”
คนจำนวนมากเองก็คาดเดาเช่นนั้น
แชทโลกแทบจะระเบิดในทันที
ขณะที่พวกเขายังต้องขุดสุสานกันอย่างระมัดระวังเพื่อเอาชีวิตรอดแต่ผู้อื่นกลับสังหารสัตว์อสูรแห่งสุสานได้แล้ว
เทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ!
ไคลน์ไม่ได้สนใจสถานการณ์ในแชทโลกแต่อย่างใด เขาเลือกดูแต่เพียงกล่องข้อความส่วนตัวเท่านั้น
คงต้องบอกจริงๆว่าหลังจากที่เริ่มมีชื่อเสียงกล่องข้อความส่วนตัวของเขาก็มีคนทักมาแน่นจนแทบจะระเบิด
ต้องขอบคุณที่กล่องข้อความส่วนตัวนี้มีฟังก์ชั่นคัดกรองและสามารถตัดข้อความส่วนตัวขยะๆที่ส่งมาป่วนไปได้ไม่น้อย
“บอสไคลน์ต้องการพิมพ์เขียวเสื้อแจ็คแก๊ตทั่วไปหไหม? ฉันอยากแลกกับขนมปังน่ะ!”
“นายต้องการพิมพ์เขียวชามหินทั่วไปรึเปล่า?”
“ฉันเอาหญ้าเรืองแสงแลกกับขนมปังได้ไหม? ฉันมีอยู่สิบชิ้นน่ะ”
“นายอยากได้เชือกไหม?”
“ที่รัก! อยากได้แส้รึเปล่า?”
ทั้งหมดนี้คือไอเทมแปลกๆที่มีคนเสนอมาและโคตรจะไร้สาระเลย
ไคลน์สนใจเพียงพิมพ์เขียว ดวงวิญญาณและรูนเท่านั้นแต่กลับไม่มีใครเสนอดวงวิญญาณและรูนเลย
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงไคลน์ก็เห็นหนึ่งในข้อความส่วนตัวที่ส่งเข้ามาซึ่งกระตุ้นความสนใจของเขาได้ไม่น้อย
คนที่ทักมาชื่อโรเจอร์
โรเจอร์พูดขึ้น “เฮ้บอส! ฉันมีพิมพ์เขียวมีดแมเชเท(Machete)ชั้นยอดกับพิมพ์เขียวเครื่องย่างบาบิคิวทั่วไปอยู่ นอกจากนี้ยังมีรูนไฟด้วย ถ้านายสนใจหนึ่งในของพวกนี้ก็บอกได้นะ?”
ไคลน์ตอบ “ฉันอยากได้ทั้งหมดเลย เอาเป็นว่าฉันจะเพิ่มของพวกเนื้อให้แล้วกัน”
โรเจอร์ตอบ “เยี่ยมเลย ขอบคุณมาฉันกำลังหิวใจจะขาดพอดี!”
ไคลน์กล่าว “รอแปปหนึ่งนะ ฉันขอไปหยิบของก่อน”
หลังจากนั้นคนทั้งคู่ก็ทำการแลกเปลี่ยนกันแบบส่วนตัว
อาหารเขายังพอมีเหลือ
เบคอนที่เขามีอาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่าก้อนขนมปังแต่แต่ก็ทำให้หายหิวได้แน่นอน
[แจ้งเตือนจากระบบ : การแลกเปลี่ยนขนมปังธัญพืช400กรัมเสร็จสิ้น – รูนไฟ +1]
[แจ้งเตือนจากระบบ : การแลกเปลี่ยนเบคอน1ชิ้นเสร็จสิ้น – พิมพ์เขียวมีดมาเชเทชั้นยอด+1 , พิมพ์เขียวเครื่องย่างบาบิคิวทั่วไป+1]
พิมพ์เขียวทั้งสองชนิดปรากฏขึ้นมาในมือของไคลน์แต่ไม่มีชิ้นใดเลยที่เป็นอุปกรณ์รูน
“เรียนรู้ทั้งหมด”
พิมพ์เขียวทั้งสองสลายกลายเป็นแสงและพุ่งเข้าใส่หัวของไคลน์
ไคลน์เปิดหน้าต่างการสร้างและไล่รายการมองหาสูตรการสร้างที่เขาพึ่งเรียนรู้มา