THW ตอนที่ 7+8(3/3)
THW ตอนที่ 7+8(3/3) ทัวร์พิพิธภัณฑ์เมโทรโพลิทัน + ความแตกตื่นในพิพิธภัณฑ์
มันมีเพียงคำถามเดียว ซึ่งบางทีตอนนี้เขาอาจจะหาคำตอบได้
เมื่อคิดอย่างนี้ เย่เทียนก็เดินขึ้นบันได เตรียมที่จะกลับไปยังโถงจัดแสดงยุคอียิปต์
เขาต้องการกลับไปทดสอบมัน ว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถดูดซับออร่าของมัมมี่ได้? แต่กับ “ภาพคานากาว่าเซิฟวิ่ง” กลับทำได้ มันมีเหตุผลพิเศษอะไรกัน?
สิบนาทีให้หลัง เย่เทียนก็กลับมาที่โถงจัดแสดงยุคอียิปต์
จากนั้นเขาก็เดินไปยังมัมมี่ที่เขาได้มองทะลุเมื่อก่อนหน้า เขาได้อดทนต่ออาการคลื่นเหียน พร้อมกับเริ่มมองทะลุอีกครั้ง
และผลลัพธ์ยังคงเป็นเหมือนก่อนหน้า เขาเห็นเพียงภาพที่น่าขยะแขยง และก็ไม่มีผลลัพธ์อื่น อย่าว่าแต่ดูดซับออร่าเลย
ซึ่งเหตุการณ์นี้พลันทำให้เย่เทียนตกตะลึงพร้อมกับสับสนในทันที!
“หรือว่าดวงตานี้จะจู้จี้เกี่ยวกับรัศมีต่างๆ? หรืออาจจะเป็นเพราะนี่คือมัมมี่ เป็นสิ่งของที่เกี่ยวกับความตาย ดังนั้นมันก็เลยไม่สามารถดูดซับได้?”
เมื่อคิดอย่างนี้ เย่เทียนก็ได้ไปที่วิหารเดนดัวอีกครั้ง เตรียมที่จะทดลองต่อ
นี่คือวิหารที่นักบวชอียิปต์โบราณใช้ ซึ่งรัฐบาลอียิปต์ได้มอบมันให้กับพิพิธภัณฑ์เมโทรโพลิทัน มันไม่ใช่ของเกี่ยวกับศพ และไม่เกี่ยวกับคนตาย
ซึ่งรัศมีของวิหารแห่งนี้ก็หนามาก อีกทั้งยังเต็มพื้นที่อีกด้วย ยังมากกว่า “ภาพคานากาว่าเซิฟฟิ่ง” เสียอีก จึงไม่ต้องกังวลหากต้องดูดซับมัน อีกทั้งนี่ยังสามารถยืนยันความคิดของเขาได้อีกด้วย
ขณะที่เดินไปที่วิหานดันดัว เย่เทียนไม่ลังเล พร้อมกับใช้มองทะลุกับกำแพงหินของวิหารในทันที
แน่นอนว่าตาทิพย์ของเขายังคงไม่สามารถมองทะลุกำแพงหินได้ แต่ก็ไม่มีปัญหาที่จะยืนยันความคิดของเขา
เย่เทียนจ้องไปที่รัศมีสีม่วงของวิหาร และเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของมัน
มันได้ผล!
ดวงตาของเขารู้สึกเย็นและสบายอย่างมาก พร้อมกันนั้นก็ได้ระเบิดความสุขออกมา แต่มันก็ไม่ได้ดูดซับรัศมีของวิหารนี้
ดูเหมือนว่าเขาจะคิดถูก ความสามารถของดวงตานี้ไม่สามารถดูดซับรัศมีจากคนตายได้ แต่ดูดซับได้เพียงแต่ออร่าที่สดใสเท่านั้น
เมื่อคิดอย่างนี้ เย่เทียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ถ้าอย่างงั้นก็เป็นเรื่องที่ดี แค่คิดเกี่ยวกับอวัยวะภายในของมัมมี่พวกนั้นก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว อย่าว่าแต่ให้ดูดซับออร่าของพวกมันเลย แล้วอย่างนี้เขาจะไม่รู้สึกขยะแขยงไปทั้งชีวิตหรอกเหรอ!
หลังจากสงบใจลงเล็กน้อย เขาก็เริ่มทดลองมองทะลุและดูดซับมรดกอื่นๆ ที่ห่างออกไปเพื่อยืนยันความคิดของเขา
เป็นอย่างที่คิด ดวงตาของเขาไม่สามารถดูดซับออร่าได้อีกหากเต็มแล้ว แต่แค่การตอบสนองของมันก็ตอบข้อสงสัยของเขาได้แล้ว และแสดงให้เห็นว่าความคิดของเขานั้นถูกต้อง
ดวงตาสามารถดูดซับได้เพียงออร่าที่สดใส ไม่ใช่ออร่าจากมรดกหลุมฝังศพ ไม่ว่าจะมัมมี่ หรือสิ่งของที่ใช้กลบฝัง
ตราบเท่าที่มาจากหลุมศพ ดวงตาก็จะไม่ตอบสนอง ส่วนมรดกอื่นๆ นั้นกลับให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
แม้แต่อาวุธที่ใช้สังหารผู้คนก็ใช้ไม่ได้ อย่างรูเกอร์เมื่อวานนี้ ปืนนั้นแน่นอนว่าฆ่าคนมาไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่สามารถดูดซับรัศมีได้
ขณะเดียวกัน เขาก็ค้นพบถึงลักษณะอื่นของความสามารถของดวงตา
เขาพบว่าระยะทางในการมองสำรวจมรดกของเขาได้เพิ่มขึ้น! มันเพิ่มจากแต่ก่อนห้าเมตรเป็นหกเมตร! ดูเหมือนว่าความสามารถของตาทิพย์จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่มากพอ มันยังคงไม่สามารถมองทะลุกำแพงได้
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นผลลัพธ์จากการกลืนกินออร่าของ “ภาพคานากาว่าเซิฟฟิ่ง”
เมื่อค้นพบสิ่งนี้ เย่เทียนก็พลันพึงพอใจสุดๆ
ความสามารถของตาทิพย์สามารถเพิ่มขึ้นได้จริงๆ! หรือจะพูดอีกอย่างคือ ตราบเท่าที่ทำการดูดกลืนออร่า พลังนี้ก็จะมีโอกาสเติบโตได้อย่างไม่มีขีดจำกัด!
ในตอนนี้ เขารู้สึกเหมือนได้เป็นซุปเปอร์แมนและแบทแมนอีกครั้ง!
แต่จากนั้นเขาก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย นั่นเพราะการกระทำเกี่ยวกับการดูดกลืนพลังงานจากมรดกทางวัฒนธรรมอย่างตอนนี้ต้องไม่เกิดขึ้นกับพิพิธภัณฑ์อีก ไม่อย่างนั้น เขาจะต้องตกเป็นเป้าหมายของหน่วยงานที่ทรงพลัง และอาจกระทั่งไม่มีที่ให้หลบหนี!
นอกเสียจากว่าคุณจะสามารถควบคุมความสามารถในการดูดกลืนพลังงานนี้ โดยการค่อยๆ ดูดกลืนทีละน้อย พร้อมกับทำให้สิ่งของพวกนั้นยังคงมีสภาพเหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอน
หรือไม่ก็เพียงแค่สะสมของโบราณพวกนั้นด้วยตัวเอง จากนั้นก็นำไปซ่อนไว้ที่บ้าน เมื่อเป็นอย่างนั้น คุณก็จะสามารถดูดกลืนออร่าจากของโบราณพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย!
ในพริบตา ครึ่งชั่วโมงก็ได้ผ่านไป
เย่เทียนยังคงมุ่งมั่นกับการทดสอบความสามารถต่างๆ ของดวงตาทั้งสองข้างอยู่
ในขณะเดียวกัน เขาก็กำลังรอคอยการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจจาก โถง RB ที่ด้านบน และจากนั้นค่อยออกไปจากพิพิธภัณฑ์ เมื่อเป็นอย่างนี้ เขาก็จะสามารถหลุดพ้นจากการต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัย และออกไปจากที่นี่ได้อย่างสมบูรณ์!
ทันใดนั้น ก็ได้มีเสียงดังลอยเข้ามาในหูของเขา พร้อมกับเสียงร้องอย่างตกใจดังผสมปนเปกันมา
จากนั้น เย่เทียนก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนวิ่งเข้ามาในโถงจัดแสดง และจากนั้นก็ขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 โดยที่ทุกคนต่างก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
เห็นได้ชัดว่าเกิดเรื่องน่าตกใจขึ้นที่ชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ และพวกเขาก็ได้รับข่าว จึงได้พากันรีบเร่งขึ้นไปเช่นนี้
ส่วนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เหลือ ต่างก็พากันจับตามองทุกคนอย่างใกล้ชิด ด้วยกลัวว่าจะเกิดปัญหาอื่นขึ้นที่โถงจัดแสดงแห่งนี้
เรื่องกะทันหันเช่นนี้สร้างความตกใจให้แก่ทุกคน แต่เย่เทียนกลับค่อนข้างสงบ
ในที่สุดก็ออกมา!
ฉันไม่รู้ว่ามีคนโชคไม่ดีคนไหนบ้างที่กำลังอยู่ด้านหน้าภาพ “คานาคาว่าเซิฟฟิ่ง” ซึ่งเก้าจากสิบคนจะต้องเป็นคนของ RB อย่างแน่นอน
เหล่า RB ทุกคนตอนนี้ต่างก็รายล้อมอยู่รอบๆ ภาพวาดนี้ มันเหมือนกับกลุ่มสัมมนา และพวกเขาไม่มีท่าทางว่าจะจากไป
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ตราบเท่าที่อยู่ในโถง RB นี้ พวกเขาต่างก็เป็นปัญหา โชคดีที่เขาถอนตัวออกมาไว! ไม่อย่างนั้น ตัวเขาก็คงจะเป็นปัญหาเหมือนกัน
เย่เทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และจากนั้นก็รอเพื่อสังเกตโดยการฟังถึงการปิดล้อมชั่วคราว และจากนั้นเขาก็จะออกไปจากที่นี่
และก็จริง เป็นอย่างที่เขาคาด โถง RB ต่างก็ถูกปิดกั้น ทุกคนที่อยู่ด้านในต่างก็ถูกเจ้าหน้าที่เตือนให้อยู่ด้านในและห้ามขยับ
และหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็เริ่มทำการตรวจสอบทุกคนที่อยู่ที่นั่น ราวกับพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูยังไงอย่างงั้น
และตรงหน้าภาพวาด “คานาคาว่าเซิฟฟิ่ง” นั้น กลุ่มคน RB ก็กำลังนั่งลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง โหยไห้ เสียใจ และหดหู่! ราวกับคนรักตายจากไป!
เมื่อมองไปที่ภาพวาดบนกำแพง ตอนนี้มันได้กลายสภาพไปเรียบร้อยแล้ว!
รอยแตกขนาดใหญ่สี่ห้ารูปรากฏขึ้นบนภาพวาด และสองในนั้นกระทั่งว่าสามารถสอดนิ้วเข้าไปได้! โดยที่ไม่ต้องเปิดกรอบรูปกระจกกันกระสุนออก ภาพวาดก็ได้หลุดร่อนเป็นชิ้นๆ!
ผิวของภาพวาดเหมือนกับสระน้ำแห้งขอดที่ถูกทิ้งเป็นเวลานาน และมีบางส่วนของภาพที่หลุดออกมา เผยให้เห็นกระดานไม้ที่อยู่ด้านใน!
ภาพนี้จบสิ้นแล้ว! ต่อให้ได้รับการบำรุง ก็ไม่คุณสมบัติที่จะแขวนอยู่ที่นี่ต่อ!
แม้ว่าเขาจะหนีออกมาจากโถงจัดแสดง RB ได้สำเร็จ และไม่ได้ติดร่างแหอะไรจากอุบัติเหตุนี้ แต่เขาก็ยังคงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ต่อ ในใจเย่เทียนยังไม่อยากจะออกไปตอนนี้
เพราะเขาเกรงว่าวินาทีถัดมา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเข้ามาต่อยใส่เขาอย่างแรง
ข่าวดีกำลังมา!
จากนั้น เจ้าหน้าที่จากแต่ละโถงจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์และห้องกระจายเสียงก็ได้เริ่มแจ้งเตือน
“สุภาพบุรุษและสภาพสตรี สวัสดีตอนบ่าย เพราะมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในพิพิธภัณฑ์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปิดพิพิธภัณฑ์ก่อนกำหนด ขอผู้ชมทุกท่านโปรดเข้าใจ! และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของเราเพื่อออกไปจากที่นี่อย่างเป็นระเบียบ ขอบคุณ!”
เมื่อได้ยินเสียงประกาศนี้ เย่เทียนก็รีบออกไปจากโถงจัดแสดงพร้อมกับกลุ่มผู้คนอย่างรวดเร็ว
ในจังหวะที่เขาก้าวออกไปจากประตูพิพิธภัณฑ์จริงๆ นั้น หัวใจของเขาก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที
และในตอนนี้ ก็มีเสียงไซเรนดังมา พร้อมกับรถตำรวจนับสิบคันแล่นเข้ามาจอดหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์
กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจรีบลงจากรถ พร้อมกับกรูเข้าไปที่ประตูพิพิธภัณฑ์ราวกับพายุ
“หลีกทาง! หลีกทาง! เจ้าหน้าที่กำลังทำคดี!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำอยู่ร้องออกมา ด้านหลังเขามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 20 คนกำลังถือปืนเดินตามอยู่ แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อเห็นอย่างนี้ เย่เทียนก็พลันยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นก็หลีกทางไปด้านข้าง ก่อนจะเดินจากมา และเดินข้างถนนไป
ด้านหลังเขา ผู้คนที่ออกมาจากพิพิธภัณฑ์ต่างก็พากันพูดคุยกันด้วยความประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้น? หรือมีโจรในพิพิธภัณฑ์อย่างงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่มั้ง? นี่ยังกลางวันแสกๆ อยู่นะ ต่อให้จะอยากจะขโมยจริงๆ ก็ต้องรอกลางคืนก่อนสิ!”
“นายผิดแล้ว โจรขโมยของพิพิธภัณฑ์น่ะ มักจะเกิดขึ้นตอนกลางวันบ่อยๆ!”
“ว้าว! งั้นนี่ก็มีการแสดงดีๆ เกิดขึ้นแล้วน่ะสิ!”
.……..