465 - กำลังเสริมของศัตรู
465 - กำลังเสริมของศัตรู
โชคดีที่ความอึดอัดอยู่ได้ไม่นาน เพียงชั่วพริบตาเอี้ยนลี่เฉียงก็อยู่ครึ่งทางขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับเซเลน่า และพวกเขาอยู่ห่างจากพื้นดินร้อยเมตร
บนกำแพงของภูเขามีรอยแตกตามธรรมชาติสองสามแห่งซึ่งสูงสองเมตรและกว้างสิบเมตร ด้านในลึกประมาณยี่สิบเมตร เช่นเดียวกับกรวยแบนๆมีหินขนาดยักษ์สองสามก้อนที่กั้นลมจากรอยแยก
เอี้ยนหยุดอยู่ระหว่างรอยแยก เขาวางเซเลน่าลงและก้าวถอยหลังอย่างสุภาพบุรุษ เขาเบือนหน้าหนี รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อมองดูใบหน้าของเซเลน่า
“อะแฮ่ม เจ้าซ่อนที่นี่ก่อนได้ อย่าให้ใครหานางเจอ ข้าจะรีบกลับมา…”
“พี่หลงเจ้าจะไปไหน” เซเลน่าก้มศีรษะลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่ามาก
“ข้าจะกำจัดสุนัขชาตู ทั้งหมดที่ไล่ตามมาที่นี่…” เอี้ยนลี่เฉียงหันกลับมาและกระโดดลงจากหน้าผาทันทีที่เขาพูดจบ…
เซเลน่าเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำตอบของเอี้ยนลี่เฉียงเ นางรีบก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและจับที่กำแพงหินขณะที่นางมองลงมา
ที่นั่นนางเห็นเอี้ยนลี่เฉียงลงจากภูเขาด้วยความเร็วราวกับดาวตก ภายในเวลาไม่กี่วินาที เขาก็อยู่บนพื้นแล้ว และในชั่วพริบตา เขาก็กลับไปยังที่ที่เขาช่วยชีวิตนางเมื่อสักครู่นี้
ก่อนที่นางได้พบกับเอี้ยนลี่เฉียงเซเลน่าไม่เคยคิดเลยว่าใครจะพูดได้ว่าเขากำลังจะกวาดล้างชาวชาตูที่ดุร้ายหลายร้อยคนช่วยตัวเอง เรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
เขาพานางมาที่นี่เพราะเขากังวลว่านางจะได้รับบาดเจ็บเมื่อชาว ชาตูมาที่นี่หรือไม่? นางไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเอาใจใส่นางมากขนาดนี้
…
กลิ่นเหม็นรุนแรงของเลือดที่หลงเหลืออยู่บนเนินเขา และร่างของคนชาตูที่ไร้ชีวิตก็กระจัดกระจายไปทั่ว เอี้ยนที่เพิ่งกลับมาที่สนามรบก็ไปหานักธนูสองคนที่เขาฆ่าไปก่อนหน้านี้ทันที
เอี้ยนลี่เฉียงก้มลงหยิบคันธนูที่หนึ่งในนักธนูชาตูใช้ และทดสอบมันในมือของเขา…
เอี้ยนแค่ดึงคันธนูกลับเบาๆ มันก็หักออกเป็นสองท่อนราวกับเป็นของเล่นสำหรับเด็ก
“ธนูหนึ่งต้าน!”
เอี้ยนลี่เฉียงพึมพำกับตัวเองและส่ายหัว เขาเคยถือคันธนูอันทรงพลังจนเขาหักคันธนูไม้ของชาวชาตูโดยไม่ตั้งใจด้วยแรงดึงอันแรงกล้า
สำหรับเอี้ยนลี่เฉียงธนูหนึ่งต้านเบาเกินไป มันยังไม่แข็งแรงพอที่จะเป็นของเล่นให้เขาด้วยซ้ำ แต่ธนูแบบนี้เป็นอาวุธมาตรฐานสำหรับคนชาตูส่วนใหญ่
แม้ว่าจะมีถึงสามสิบคนในกลุ่มนี้ แต่ก็มีนักธนูเพียงสองคน นี่ไม่ใช่เพราะชาวชาตูไม่มีนักธนูในหมู่พวกเขา แต่เป็นเพราะมีคนไม่มากที่สามารถซื้อธนูได้เนื่องจากมีราคาแพงมาก
ในบรรดาคนพวกนี้มันยิ่งเป็นเรื่องยากมากกว่าที่พวกเขาจะซื้อคันธนูงูเหลือมเขาได้ วัสดุหกอย่างสำหรับทำคันธนู ไม้ เขา เส้นเอ็น กาว ไหม และสี ล้วนมีข้อกำหนดเฉพาะของตนเอง
ระยะเวลาและฝีมือในการผลิตคันธนูนั้นเข้มงวดยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ป้ายราคาของคันธนูนั้นเป็นสิ่งที่ครอบครัวธรรมดาไม่มีทางซื้อได้อย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดมีคนไม่มากที่สามารถซื้อความหรูหราของการยิงธนูได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่สำหรับครอบครัวของเอี้ยนลี่เฉียง ในช่วงอายุยังน้อยเขาไม่เคยแตะคันธนูที่ดีเลย
โชคดีที่มีธนูอีกคันอยู่บนพื้น เอี้ยนหยิบคันธนูคันเดียวที่เหลืออยู่บนพื้นและตรวจสอบด้ามจับอย่างระมัดระวัง
“คันธนูหนึ่งต้าน ตราบใดที่มันสามารถฆ่าผู้คนได้ภายในหนึ่งถึงสองร้อยเมตร…” เขาถอนหายใจ
เอี้ยนหยิบคันธนูและรวบรวมลูกธนูทั้งหมดจากลูกธนูของชายชาตูทั้งสอง เขานับว่ามีลูกศรเหลืออยู่ประมาณหกสิบลูก จากนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็ค่อยๆเดินลงหุบเขาไปยังทุ่งโล่งพร้อมกับธนูและลูกธนู เขาพบต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร จากนั้นนั่งไขว่ห้างบนยอดไม้ขณะที่เขารออย่างอดทนเพื่อให้ชาวชาตูเหล่านั้นมา
สำหรับเอี้ยนลี่เฉียงยิ่งเขาสามารถกำจัดผู้คนจากชนเผ่าชาตู ได้มากเท่าไร หมายความว่าเขาจะลดความเสียหายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับแคว้นผิงซีในอนาคต
ดังนั้นเอี้ยนจึงไม่ได้รู้สึกผิดต่อชาวชาตู ตราบใดที่มีโอกาสเขาจะไล่ตามและกำจัดพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
นอกจากนี้ชาวชาตู เหล่านั้นยังเป็นวัตถุดิบสำหรับเครื่องแคปซูลของเล่นเพื่อสร้างรูปแบบชีวิตใหม่ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เอี้ยนจะปล่อยคนพวกนี้ไป
แน่นอนว่าเอี้ยนลี่เฉียงไม่ต้องรอนานเกินไป ในไม่ช้าหุบเขาก็เต็มไปด้วยเสียง ชาวชาตูก็มาที่นี่จริงๆ เมื่อใดก็ตามที่ต้องการตัวตลกหรือคนเคราะห์ร้าย ชาวชาตูจะไม่เคยทำให้เอี้ยนลี่เฉียงผิดหวัง
ไม่นานกลุ่มชาวชาตูก็มาถึงทุ่งโล่งระหว่างหุบเขาและอยู่ในสายตาของเอี้ยนลี่เฉียงเอี้ยนลี่เฉียงมองไปทั่วกลุ่มอย่างรวดเร็วและสามารถรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เขาต้องการได้
มีทั้งหมด 124 คน และเจ็ดคนเป็นพลธนูที่นำโดยชายร่างสูงสวมเกราะอ่อนที่ทำจากหนังเสือ ดูเหมือนว่าผู้นำจะค่อนข้างแข็งแกร่งในขณะที่เขาถือขวานใหญ่ที่ดูน่ากลัวและหนักหน่วง
เมื่อพิจารณาจากรูปร่างหน้าตาของเขาแล้ว อย่างน้อยเขาก็จะเป็นยอดนักรบยุทธ์
ชาวชาตูเหล่านั้นเริ่มกระวนกระวายเมื่อเห็นซากศพที่อยู่ข้างหน้าในหุบเขาไม่ไกล
ชายชาตูในชุดเกราะหนังเสือร้องตะโกนเป็นภาษาของพวกเขาทันทีและสั่งกองทหารของเขาขึ้นไปบนเนินเขาที่อยู่ไกลออกไป
ในขณะนั้น เอี้ยนลี่เฉียงยิงธนูสี่ดอกเข้าหาพวกเขา
นักธนูชาตูทั้งสี่ถูกกำจัดทันที…
นี่เป็นนิสัยของเอี้ยนเสมอมา ในฐานะนักธนูเขามักจะฆ่านักธนูของศัตรูก่อนที่จะกำจัดส่วนที่เหลืออย่างช้าๆ
ความเร็วของเอี้ยนลี่เฉียงเร็วเกินไป ทันทีที่นักธนูทั้งสี่คนล้มลงกับพื้นและก่อนที่กองทหารชาตูจะมีโอกาสตอบโต้ เขาก็ปล่อยลูกธนูอีกสี่ลูกออกไปแล้ว
เลือดไหลออกมาในขณะที่นักธนูสามคนที่เหลือตกลงบนพื้นหลังจากถูกยิงที่คอของพวกเขา ลูกศรอีกอันมุ่งตรงไปยังผู้นำชาตูในชุดเกราะหนังเสือ
ตามที่คาดไว้ ผู้นำ ชาตู มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ดี เขาเห็นลูกธนูที่พุ่งเข้ามาและเหวี่ยงขวานอันใหญ่ของเขาและกระแทกลูกธนูของเอี้ยนลี่เฉียงทันที
เขาชี้ไปที่ยอดไม้ที่เอี้ยนซ่อนตัวอยู่ จากนั้นจึงตะโกน เพียงชั่วพริบตา ชาวชาตูที่เหลือทั้งหมด 116 คนก็ขี่ม้าวิ่งเข้ามาในทิศทางของเอี้ยนลี่เฉียงราวกับฝูงผึ้ง
เอี้ยนลี่เฉียงถอนหายใจ ธนูหนึ่งต้านย่ำแย่เกินไปจริงๆ ไม่เพียงแค่ระยะการยิงเท่านั้น แต่ยังขาดความเร็วและพลังการทำลายล้างอีกด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกธนูของเอี้ยนลี่เฉียงถูกคู่ต่อสู้ตัดด้วยขวาน นี่เป็นการดูถูกเหยียดหยามนักธนู หากมีเพียงธนูขนาด 20 ต้าน เอี้ยนลี่เฉียงเชื่อว่าชายคนนี้จะถูกยิงตกจากหลังม้าด้วยศรเพียงดอกเดียวเท่านั้น
ข้อดีของนักรบชาตูคือพวกเขากล้าหาญ ดุร้าย และไม่กลัวความตาย ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังเผชิญกับสัตว์ประหลาดประเภทใด
ความเร็วในการยิงของเอี้ยนลี่เฉียง นั้นสม่ำเสมอเหมือนเครื่องจักร เขายืนอยู่บนยอดไม้ ยิงธนูสองชุดสี่ลูกทุกวินาที ลูกธนูทุกลูกเป็นผู้ล่าวิญญาณ
ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ลูกธนูทั้งหมดถูกยิงจนหมดสิ้นในเวลาเพียงเจ็ดวินาที
ชาวชาตูไม่ได้รับรู้อะไรเลยเมื่อพวกเขารีบไปหาเอี้ยนลี่เฉียง ทั้งหมดที่พวกเขาได้ยินคือเสียงธนูที่พุ่งผ่านพวกเขาไปในอากาศ
เมื่อพวกเขาไปถึงต้นไม้ที่เอี้ยนลี่เฉียงอยู่ ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักว่า ครึ่งหนึ่งของกองกำลังของพวกเขาเสียชีวิตไปในช่วงระยะทางร้อมเมตรที่พวกเขาวิ่งมา
ความรู้สึกของความกลัวที่พูดไม่ได้ผุดขึ้นในใจของชาวชาตูทั้งหมด ก่อนที่พวกเขาจะคิดได้ เอี้ยนลี่เฉียงได้แปลงร่างเป็นเทพเจ้าแห่งความตายและกระโดดลงมาจากต้นไม้
ผู้นำชาตูที่สวมชุดเกราะหนังเสือคำรามอย่างโกรธจัดเมื่อเห็นเอี้ยนลงมาจากต้นไม้ เขาเหวี่ยงขวานขนาดใหญ่เจ็ดสิบหรือแปดสิบกิโลกรัมที่เอี้ยนลี่เฉียงโดยไม่ได้คิด
“ข้าทนไม่ได้จริงๆเมื่อคนอื่นที่ไม่ใช่พี่โฮ่วสวมหนังเสือ กล้าดียังไงมาดูถูกพี่ใหญ่ของข้า? จงตายซะ…!”
เอี้ยนลี่เฉียงตะโกนขณะที่เขาทุบขวานยักษ์โดยตรงโดยใช้วิชาหมัดพยัคฆ์จากวิชาหมัดสรรพสัตว์ ขวานยักษ์ปะทะกับกำปั้นของเอี้ยนลี่เฉียงโดยตรง
ความแข็งแกร่งมหาศาลของเอี้ยนลี่เฉียงหักข้อมือของผู้นำชาวชาตูทันทีแขนของเขาเผยให้เห็นกระดูกสีขาว ก่อนที่เขาจะกรีดร้องออกมาขวานยักษ์ที่ถูกกระแทกกลับมาก็ฝังเข้าไปในหน้าอกของเขาโดยตรง
หัวหน้ากลุ่มชาวชาตูไม่มีโอกาสได้กรีดร้องด้วยซ้ำ ร่างกายของเขากลับหลังไปกว่า 20 เมตรและเสียชีวิตก่อนที่จะตกลงพื้น
สิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้คือการฆ่ากลุ่มขยะที่เหลืออยู่
เมื่อนักรบชาตูเหลือเพียงสิบในร้อยคน หนึ่งในนั้นก็กรีดร้องด้วยความกลัว เขาทิ้งอาวุธและหนีไปทางที่พวกเขามา เมื่อนักรบคนอื่นๆเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็เริ่มหลบหนีเช่นกัน
แต่มันจะเป็นไปได้ด้วยหรือที่จะมีคนหนีจากการไล่ล่าของเอี้ยนลี่เฉียงได้ ทุกย่างก้าวของเขา นักรบชาตูคนหนึ่งจะถูกทุบเหมือนหม้อที่ทุบด้วยค้อนโลหะ
ในบรรดานักรบที่หลบหนี หนึ่งในนั้น 'ฉลาด' กว่าคนอื่นเล็กน้อย และเลือกเส้นทางหลบหนีที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงฆ่านักรบที่หลบหนีคนอื่นๆเสร็จ คนๆนั้นก็หนีออกไปได้ไกลถึงเจ็ดสิบหรือแปดสิบเมตรแล้ว
เอี้ยนเห็นดาบยาวอยู่ในมือของชายชาตูที่เขาเพิ่งฆ่าไป เขาเตะด้ามดาบและส่งดาบให้บินออกไปด้วยความเร็ว มันบินไปไกลกว่าเจ็ดสิบหรือแปดสิบเมตรก่อนจะแทงนักรบที่กำลังหลบหนีในบริเวณหัวใจของเขา
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสนิท!
การต่อสู้จบลงเพียงสองนาที...
เซเลน่าเห็นการต่อสู้ทั้งหมดจากระยะไกลในรอยแยกหินครึ่งบนภูเขา นางตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก
ทันทีที่เอี้ยนจบการต่อสู้ เซเลน่าก็รู้สึกเจ็บที่ขาของนาง นางก้มศีรษะลงและพบงูสีน้ำตาลอมเทาอยู่ข้างๆ มันแลบลิ้นออกมาขณะจ้องมองนางด้วยดวงตาที่เย็นชา…
เมื่องูกำลังจะกัดครั้งที่สอง เซเลน่า ก็เฉือนคอของมันด้วยกริชของนาง นางสัมผัสได้ถึงโลกที่อยู่ตรงหน้านางที่กำลังหมุน และนางก็ทรุดตัวลงกับพื้น...
เมื่อเอี้ยนกลับมาที่หน้าผาหิน เขาก็ตกตะลึงเมื่อพบว่าเซเลน่าอยู่บนพื้นและงูพิษที่ถูกผ่าเป็นสองซีก
“แ***เอ้ย!” เขาสาปแช่ง