464 - เปิดฉากสังหารครั้งใหญ่
464 - เปิดฉากสังหารครั้งใหญ่
กลุ่มคนชาตูไล่ตามหญิงสาวคนนั้นทันได้ในพริบตา หญิงสาวคนนั้นหอบอย่างหนักโดยหันหลังพิงต้นไม้ใหญ่ นางดึงกริชเป็นประกายออกมาและจ้องไปกลุ่มชายฉกรรจ์ชาตูที่ล้อมรอบนางราวกับฝูงหมาป่าที่หิวโหย
ชาวชาตูคนหนึ่เล็งธนูไปที่หญิงสาว แต่เขาถูกเพื่อนที่อยู่ข้างๆห้ามไว้เขาจึงบ่นออกมาเบาๆ จากนั้นชาวชาตูก็จ้องมองไปที่หน้าอกที่เป็นคลื่นของหญิงสาวขณะที่พวกเขาหัวเราะออกมา
หญิงสาวคนนั้นกัดฟันและกำกริชของนางแน่น
ทันใดนั้นชายชาตูคนหนึ่งก็กระโดดเข้าหาหญิงสาวคนนั้น หญิงสาวคนนั้นหมุนตัวไปอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเลี่ยงเขา จากนั้นใช้กริชของนางแทงเข้าไปที่ซี่โครงของชายชาวชาตูจนมิดด้าม
ทันทีที่ชาวชาตูเห็นว่าหญิงสาวคนนั้นได้ฆ่าสหายคนหนึ่งของพวกเขา ใบหน้าของพวกเขาก็บิดเบี้ยวไปในทันที
หนึ่งในนั้นชี้ไปที่หญิงสาวคนนั้นและตะโกนด้วยความโกรธ ในวินาทีถัดมา ชาวชาตูสี่คนก็กระโจนจากสามทิศทางที่ต่างกันไปหาหญิงสาวคนนั้น…
หญิงสาวคนนั้นหน้าซีดเมื่อเห็นชายชาตูที่น่ากลัวสี่คนเดินเข้ามาหานาง นางหมุนกริชในมือของนางและกำลังจะพุ่งเข้าใส่ศัตรู นางยอมตายดีกว่าตกไปอยู่ในมือของชาวชาตูเหล่านี้
ในขณะนั้น เอี้ยนลี่เฉียงก็บินลงมาจากท้องฟ้าและยืนอยู่ข้างหญิงสาวอย่างมั่นคง
ขณะลงจอดเท้าของเอี้ยนก็เหยียบลงบนหัวของชายชาวชาตูที่กำลังวิ่งอยู่ข้างหน้า เช่นเดียวกับไข่ที่ถูกช้างเหยียบหัวของชายชาตูถูกกดทับเข้าไปในช่องอกของเขาภายใต้เท้าของเอี้ยนลี่เฉียงก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ส่งเสียงด้วยซ้ำ
ได้ยินเสียงแตกที่เย็นเยียบของกระดูกขณะที่ร่างกายของชายผู้นี้ถูกเอี้ยนบดขยี้ลงกับพื้นทันที เขาไม่สามารถตายได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ทันทีที่เท้าของเอี้ยนแตะพื้น เขาก็ปล่อยหมัดสามครั้งชาวชาตูอีกสามคนที่กำลังวิ่งเข้าหาเขาถูกกระแทกปลิวออกไปยี่สิบเมตร
แต่ละคนมีบาดแผลที่กว้างเท่ากับชามข้าวร่างกายของพวกเขาปลิวกับหลังราวกับถูกยิงออกมาด้วยปืนใหญ่ พวกเขาหยุดหายใจก่อนจะถึงพื้นด้วยซ้ำ
ในวินาทีถัดมา เอี้ยนเอื้อมมือไปจับข้อมือของหญิงสาวคนนั้นและคว้ากริชของนางทันที ขณะที่นางกำลังจะแทงมันเข้าไปในหน้าอกของตัวเอง
ตอนนั้นเองที่ชาวชาตูรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น การแสดงออกของพวกเขาบิดเบี้ยวในขณะที่พวกเขาตะโกนด้วยภาษาที่เอี้ยนลี่เฉียงไม่เข้าใจ
เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทีตื่นตระหนกของพวกเขา จากนั้นเขาก็เขวี้ยงกริชในมือออกไปด้านนอก กริชเล่มนั้นหมุนโค้งและตัดศีรษะของมือธนูสองคนในทันที
เอี้ยนลี่เฉียงเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้า เขาพุ่งเข้าหาชาวชาตูที่ด้านหน้าราวกับหมาป่าที่ดุร้าย และเริ่มเข่นฆ่าพวกเขาราวกับผักปลา
ชาวชาตูยี่สิบถึงสามสิบคนไม่สามารถต่อสู้กับเอี้ยนลี่เฉียงได้ การโจมตีของพวกเขาไม่ได้สัมผัสแม้แต่เสื้อผ้าของเอี้ยนลี่เฉียงเอี้ยนลี่เฉียงเพียงใช้หมัดของเขาปล่อยออกไปร่างกายของคนเถื่อนเหล่านี้ก็มีรูขนาดชามข้าวทุกคน
สำหรับเอี้ยนลี่เฉียงการฆ่าชาวชาตูนั้นทำได้ง่ายราวกับเป่าฝุ่น
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที กริชที่บินเหมือนลำแสงก็กลับมาที่มือของเอี้ยนอีกครั้ง นอกจากซากศพที่ด้านหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงก็ไม่มีชาวชาตูรอดชีวิตแม้สักคนเดียว
หญิงสาวคนนั้นตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตานาง ร่างกายของนางแข็งทื่อและนางก็แทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
ชาวชาตูที่แข็งแกร่งและน่าเกรงขามเหล่านั้นไม่มีอำนาจต่อ เอี้ยนลี่เฉียง และพวกเขาก็ถูกกำจัดออกไปโดยสิ้นเชิง
เอี้ยนเดินไปหาหญิงสาวคนนั้นและส่งกริชให้นาง
“ของสิ่งนี้ไม่ควรใช้กับตัวเองแต่ควรใช้สังหารศัตรูมากกว่า!”
“…เจ้าเป็นใคร” หญิงสาวคนนั้นถาม นางมีน้ำเสียงที่ไพเราะและพูดภาษาฮั่นได้คล่องแคล่ว
“ข้าชื่อหลงอ๋าวเถียน…” เอี้ยนลี่เฉียงสร้างชื่อโดยไม่ต้องคิดมาก
“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า…” หญิงต่างชาติพูดขณะที่ร้องไห้เงียบๆ
"เจ้าชื่ออะไร?"
เอี้ยนลี่เฉียงถามขณะสังเกตหญิงสาวคนนั้น ในเวลานี้เองที่เขาตระหนักว่าหญิงสาวคนนี้ดูคล้ายกับฟ่านปิงปิงมาก นางมีขนตายาว ตาโต คางแหลม และดูเหมือนนางจะอายุน้อยกว่าที่เอี้ยนลี่เฉียงที่คาดไว้
นางน่าจะอายุน้อยกว่ายี่สิบปี หรืออาจจะแค่สิบเก้าปี หญิงสาวคนนั้นมีตาสีฟ้าอ่อนและดูเหมือนเป็นคนที่มีสายเลือดผสม แม้จะไม่ได้แต่งหน้าใดๆก็ตามผิวของหญิงสาวก็ยังขาวเนียนเหมือนน้ำนม
ในขณะเดียวกันนางก็มีรูปร่างที่งดงามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหน้าอกที่น่าจะมีขนาดอย่างน้อย 36 นิ้ว
ไม่น่าแปลกใจที่ชาวชาตูเหล่านั้นทำตัวเหมือนหมาป่าเมื่อพวกเขาเห็นนาง เอี้ยนแอบประทับใจในความมุ่งมั่นของหญิงสาวคนนี้มาก
มีหญิงสาวไม่มากที่จะจบชีวิตของตนเองโดยไม่ลังเลใจภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ไม่เพียงเท่านั้น แต่นางยังเป็นหญิงสาวที่งดงามอีกด้วย
เมื่อนางฆ่าชายชาตูก่อนหน้านี้ด้วยกริชของนาง การเคลื่อนไหวของนางก็คล่องตัวมาก ดูจากรูปลักษณ์แล้ว นางน่าจะเป็นผู้ฝึกวรยุทธที่ยังไม่ก้าวหน้าถึงขั้นนักรบต่อสู้
“ข้าชื่อ…เซเลน่า ข้ามาจากเผ่าจันทราใหญ่!”
“เผ่าจันทราใหญ่?”
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกตัวสั่น นี่เป็นหนึ่งในชนเผ่าที่เคยอาศัยอยู่ในที่ราบกู่หลาง เมื่อเผ่าชาตูทั้งรุกรานที่ราบกู่หลาง พวกเขาได้สังหารผู้คนจำนวนมากจากเผ่านี้และเผ่าที่เล็กกว่าอื่นๆ
หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับชนเผ่าพวกนี้อีกเลย เอี้ยนไม่เคยคิดว่าเขาจะได้พบกับใครบางคนจากเผ่าจันทราใหญ่บนภูเขามังกรหยก
หญิงสาวที่ชื่อเซเลน่าดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสงสัยของเอี้ยนลี่เฉียง
“เผ่าของเราซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของ ภูเขามังกรหยก เพื่อหนีจากผู้คนชาตู…”
ทันทีที่เซเลน่าจบประโยคของนาง นางรีบวิ่งกลับหลังโดยไม่รอคำตอบของเอี้ยนลี่เฉียง เอี้ยนมองดูขณะที่หญิงสาวคนนั้นวิ่งเข้าหานายทหารที่ดูเหมือนจะเป็นคนรักของนาง
นางคุกเข่าลงสำรวจร่างกายของเขาอย่างระมัดระวังก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบหน้า นางปาดน้ำตาของนางออก จากนั้นจึงถอดเครื่องประดับเงินบนเสื้อผ้าของนางออกแล้ววางลงที่หน้าผากของศพนั้น
หลังจากนั้นนางก็หยิบดินขึ้นมากำมือหนึ่ง ยืนขึ้น และโปรยลงบนร่างของคนรักที่ตายไปแล้ว นางสวดมนต์เบาๆด้วยคำพูดที่เอี้ยนลี่เฉียงไม่เข้าใจ ราวกับว่านางกำลังประกอบพิธีกรรมทางศาสนา...
ขณะที่เซเลน่ากำลังทำพิธีกรรมแปลกๆ เอี้ยนสัมผัสได้ถึงบางสิ่งและเงยหน้าขึ้น เหยี่ยวตาทองคะนองกำลังส่งข้อมูลบางอย่างให้เขาผ่านเส้นทางการบิน
ผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังใกล้เข้ามาและห่างออกไปประมาณยี่สิบลี้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของหุบเขา ในกลุ่มมีประมาณร้อยคน แต่งกายคล้ายคนชาตู
เอี้ยนไม่ตื่นตระหนกเมื่อได้รับข่าวจากเหยี่ยวของเขา เขาเฝ้าดูเซเลน่าทำพิธีกรรมอย่างเงียบๆ ก่อนจะเดินไปยืนอยู่ด้านข้างของนางแล้วกล่าวว่า
“มีชาวชาตูอีกกลุ่มหนึ่งมาทางนี้ มีประมาณร้อยคนและอยู่ห่างจากที่นี่เพียงไม่กี่ลี้ ถ้าเจ้าไม่อยากตกไปอยู่ในมือของพวกมัน ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่…”
เซเลน่าเหลือบมองเอี้ยนลี่เฉียง ด้วยดวงตาบวมแดงของนางทำให้นางดูน่าสมเพชมากขึ้นไปอีก นางพยักหน้าแล้วกล่าวว่า
“ขอบคุณพี่หลง ไปกันเถอะ พวกเราจะไปไหน?”
“ไปถึงแล้วเจ้าจะรู้เอง!”
เอี้ยนยิ้มและดึงเอวเรียวของเซเลน่าเข้ามาใกล้ เซเลน่าตะโกนด้วยความประหลาดใจขณะที่นางถูกยกขึ้นจากพื้นและถูกดึงออกไปด้วยความเร็วราวสายฟ้า
ในชั่วพริบตาเซเลน่าก็พบว่าตัวเองอยู่บนยอดไม้สูงยี่สิบเมตร จากนั้นนางก็รู้สึกว่าลมแรงปะทะใบหน้าของนางและนางแทบจะไม่สามารถลืมตาได้
ทุกสิ่งรอบตัวนางกลายเป็นไม่ชัดเจน พวกมันเคลื่อนไหวเร็วกว่าม้าวิ่งสองสามเท่า เซเลน่าอยู่ในอ้อมแขนของเอี้ยนลี่เฉียง ขณะที่พวกเขาพุ่งไปที่กำแพงภูเขาในระยะไกล
เซเลน่าคิดว่าพวกเขากำลังจะชนเข้ากับกำแพง และนางก็กำลังจะร้องออกมาด้วยความกลัว ทันใดนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็วิ่งขึ้นไปบนกำแพงภูเขาในแนวตั้ง และไต่ภูเขาราวกับว่ามันเป็นพื้นราบ
เซเลน่ารู้สึกเหมือนหัวใจของนางกำลังจะกระโดดออกมา และอดไม่ได้ที่จะจับเอี้ยนลี่เฉียงให้แน่นขึ้น
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้พยายามที่จะอวด เขาสามารถข้ามภูเขาได้อย่างง่ายดายในขณะที่ถือทวนเหล็กกระดูกสันหลังมังกรที่มีน้ำหนักสี่ร้อยจิน ดังนั้นหญิงสาวคนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้
เอวของเซเลน่านุ่มและเรียว เอี้ยนสัมผัสได้ถึงลูกโลกที่เด้งดึ๋งๆ ของนางกดแน่นกับหน้าอกของเขาเมื่อนางกอดเขาแน่น และร่างกายของเขาก็อดไม่ได้ที่จะตอบสนองต่อมัน
เอี้ยนรู้ว่าเซเลน่าก็รู้สึกเช่นกันเมื่อหูของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงและสิ่งต่างๆก็เริ่มกระอักกระอ่วนเล็กน้อย อย่างไรก็ตามนี่เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติที่แม้แต่เอี้ยนก็ไม่สามารถควบคุมได้
ในฐานะผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ เอี้ยนมีสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป แต่เขามักจะรั้งตัวเองไว้เสมอ ครั้งเดียวที่เขาทำนั่นคือกับฮั่วหรูเสวี่ย