ตอนที่ 30
ในระหว่างทางวีก็ได้พูดขึ้นว่า
“ทั้งสองคนหิวหรือยังครับ ?”
เบลที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“แน่นอนสิกับข้าวที่กองน่ะไม่ค่อยอร่อยเอาเสียเลย”
วีที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดกับทั้งสองสาวว่า
“เอางี้เป็นไหม ยังไงพี่แก้วก็ต้องไปส่งผมที่ร้านอยู่แล้วงั้นทั้งสองคนก็กินข้าวที่ร้านของผมแล้วกัน เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”
พี่แก้วที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะถามกลับ
“จะดีหรอวี ?”
วีพยักหน้า
“ดีสิครับ จะได้ตอบแทนทั้งสองคนด้วย พี่เบลก็ช่วยหางานให้ผมส่วนพี่แก้วก็ยังอุส่ามาส่งผมถึงที่อีกแค่ข้าวมื้อเดียวผมเลี้ยงได้สบายอยู่แล้ว”
พี่แก้วและเบลมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะตอบรับข้อเสนอของวี เมื่อมาถึงที่ร้านวีก็พาทั้งสองคนมาโซนส่วนตัว เมื่อมาถึงวีก็เห็นว่ามีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วซึ่งก็คือวาน้องสาวของเขานั่นเอง
วีเห็นว่าวากำลังนั่งเล่นโทรศัพอยู่เขาจึงเข้าไปทักน้องสาวของตน
“ว่าไงยัยวา มาทำอะไรที่ร้าน ?”
วาที่ได้ยินก็หันกลับมาก่อนจะแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นพี่ชายของตัวเองเดินมาพร้อมกับสองสาวสวย
“ถามอะไรแปลกๆ ก็มากินข้าวนะสิก็พี่เล่นไม่อยู่บ้านนี่แล้วฉันจะกินอะไรล่ะ”
วาพูดออกมาแบบประชดเล็กน้อย วีที่ได้ยินก็ได้แต่เกาแก้มแก้เขินก่อนจะเชิญให้พี่แก้วและเบลนั่งลงก่อน วาที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมาด้วยความสงสัย
“ว่าแต่พี่สาวสองคนนี้เป็นใครงั้นเหรอพี่ ?”
วีที่ได้ยินคำถามก็ร้องอ๋อทันทีก่อนจะเริ่มแนะนำตัวทั้งสองคนพร้อมกับหยิบเมนูยื่นให้เบลกับพี่แก้ว
“คนนี้คือพี่เบล คนที่คอยช่วยเหลือพี่เรื่องงานน่ะเราก็น่าจะเคยเห็นเธอมาบ้างผ่านนิตยสารแฟชั่นนะ ส่วนอีกคนชื่อพี่แก้วเป็นผู้จัดการส่วนตัวของพี่เบล”
“สั่งตามสบายเลยนะครับเดียวผมเลี้ยงเอง”
วีพูดพร้อมกับยิ้มทั้งเบลและพี่แก้วจึงพนักหน้าหงึกๆ ทางด้านวานี่ถึงกับสติหลุดไปพักนึงเพราะได้เจอกับดาราตัวเป็นๆในระยะประชิดขนาดนี้เป็นครั้งแรก
วีที่เห็นท่าทางของเบลเป็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสะกิดน้องสาวของตัวเองเพื่อเรียกสติ
เมื่อวาได้สติกลับมาก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างชัดเจนก่อนจะแนะนำตัวเอง
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อวาเป็นน้องสาวของพี่วีค่ะ !!”
เบลยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวทักทาย
“สวัสดีจ๊ะน้องวา”
“หนูน่ะปลื้มพี่เบลมากๆเลยนะคะ ทั้งสวยทั้งเก่ง แถมยังมีชื่อเสียงไปถึงต่างประเทศเชียวแหนะ !!”
เบลที่ได้ยินคำเยินยอจากวาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะชอบใจออกมา
“เราก็พูดเกินไป พี่ก็แค่เป็นดาราตัวเล็กๆเท่านั้น”
วาส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อว่า
“ไม่จริงหรอกค่ะ พี่เบลน่ะออกจะเก่งได้ร่วมมือกับแบรนด์ต่างประเทศตั้งหลายแบรนด์”
ดูท่าทางเบลเหมือนจะเขินกับคำเยินยอเหล่านั้นจนอดไม่ได้ที่จะเอามือขึ้นมาบังหน้าตัวเองเล็กน้อย
“ชมแบบนี้พี่ก็เขินแย่สิ”
หลังจากหมดคำเยินยอกันไปแล้วทั้งสองคนก็คุยกันอย่างสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องที่คลานตามกันออกมา เรียกได้ว่าแลดูสนิทกว่าวีที่เป็นพี่ชายแท้ๆเสียอีก
แต่ตัวของวีจะไปว่าอะไรก็ไม่ได้เพราะยังไงซะผู้หญิงกับผู้หญิงก็เข้ากันง่ายกว่าอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่ทั้งสองคนจะสนิทกันได้ไวขนาดนี้ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ไวเกินไปไหมนะ ?
ในขณะนั้นเองเบลก็หันมาถามกับวีด้วยความสงสัยว่า
“ว่าแต่วี พี่สงสัยมานานแล้วทำไมเธอถึงได้ขาวแบบนี้กัน เธอดูแลมันยังไงน่ะ ?”
เบลพูดพร้อมกับจ้องมองมาที่แขนอันขาวนวลของวี แม้วีจะไม่ได้ขาวผ่องเป็ยองใยขนาดนั้นแต่หากจะให้เทียบกับผู้ชายหรือผู้หญิงทั่วไปแล้ว วีจัดว่าขาวกว่าคนเหล่านั้นพอสมควรเลยทีเดียว
วีที่มองแขนตัวเองก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ผมก็ไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษนะครับ แค่ทาครีมก่อนนอนเท่านั้นเอง”
เบลที่ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่ตกใจก่อนจะมองวีอย่างจริงจัง
“แค่นั้นจริงๆเหรอ ~ ?”
วียิ้มเจื่อนๆก่อนจะตอบกลับ
“จริงสิครับ ผมใช้ครีมตัวเดียวกับที่วาใช้นั่นแหละ หรือจะเป็นเพราะผมไม่ค่อยได้ออกแดดก็ได้นะ”
วีคิดเพราะสไตล์การใช้ชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาถ้าหากไม่มีความจำเป็นหรือมีธุระอะไรเขาก็แทบจะอยู่แต่ในบ้านเล่นเกมเท่านั้นเอง นั่นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งก็ได้ แต่เหตุผลหลักก็คงเป็นเพราะสายเลือดของเขานั่นแหละนะ
เบลได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะถามกับวี
“ว่าแต่วีเป็นคนเหนืองั้นเหรอ เพราะต่อให้เป็นคนกรุงเทพก็ไม่น่าจะขาวได้ขนาดนี้ ?”
วีส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับพร้อมกับเกาแก้มเบาๆ
“ไม่ใช่หรอกครับ อันที่จริงแล้วมันค่อนข้างจะซับซ้อนนิดหน่อย”
“ซันซ้อน ?”
เบลพูดออกมาด้วยความสงสัย พี่แก้วเองก็ถึงกับหันมามองด้วยเลยทีเดียว
“อันที่จริงแล้วผมกับวาเป็นลูกครึ่งน่ะครับ”
เบลที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเหมือนกับเข้าใจอะไรบางอย่าง
“แล้วเป็นลูกครึ่งอะไรล่ะ ? จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น อเมริกัน ? ไม่ๆเธอกับวาดูไม่เหมือนเป็นคนอเมกันเท่าไหร่”
เบลพูดความคิดของตัวเองออกมา วีที่ได้ยินก็หัวเราะเล็กน้อยพร้อมกับตอบกลับ
“อันที่จริงแล้วเป็นลูกครึ่ง ไทย-จีน-เกาหลี น่ะครับ”
เบลกับพี่แก้วที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตกใจเล็กน้อยก่อนที่เบลจะถามออกมา
“ส… สามเลยงั้นเหรอ ?”
วีพยักหน้า
“ใช่ครับ พ่อของผมเป็นลูกครึ่งไทยจีน ส่วนคุณแม่เป็นคนเกาหลีน่ะครับ”
เบลที่ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกุมขมับ
“แบบนี้เองสินะ เป็นอย่างงี้นี่เอง”
วีอดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนๆให้กับคำพูดของเบลเพราะเขาพอจะเดาได้คร่าวๆแล้วว่าเบลนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
-ตอนแรกกะจะให้แม่ของลูกวีเป็นลูกครึ่งไทยเกาหลีเหมือนกันแต่ดูมันจะไปซ้ำกันเกินไป