WS บทที่ 203 หุ่นเชิดผู้พิทักษ์
ลึกเข้าไปในทางเดินลับนั้นมืดมากจนมองไม่เห็นมือของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินกำลังตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวด้วยพลังจิตตลอดเวลา ดังนั้นถึงแม้จะมืดสนิทรอบด้านแต่เขายังสามารถ ‘มองเห็น’ ทุกสิ่งทุกอย่างได้
เบื้องหน้าเมอร์ลินมีพ่อมดรีเซนเดินนำหน้าอย่างระมัดระวังโดยมีโฮมุนครุสของเขากำลังติดตามเขาอยู่
เมอร์ลินรู้ดีว่าพ่อมดรีเซนกำลังปกป้องเขาอยู่เช่นกัน มิฉะนั้น ถ้าเมอร์ลินต้องการจะฆ่าพ่อมดรีเซนในทางที่มืดและแคบ พ่อมดรีเซนจะไม่มีทางป้องกันตัวเองได้หากปราศจากการปกป้องของโฮมุนครุสของเขา
"ตรงนี้!"
พ่อมดรีเซนค่อยๆ ชะลอฝีเท้าของเขา เขาหันกลับมาและพูดกับเมอร์ลินด้วยเสียงต่ำว่า "พ่อมดเมอร์ลิน อย่าใช้พลังจิตของคุณสำรวจไปข้างหน้า มิฉะนั้น คุณอาจจะทำให้ผู้พิทักษ์รู้ตัว"
เมอร์ลินพยักหน้า เขาเดินตามพ่อมดรีเซนโดยใช้แสงริบหรี่อยู่ด้านนอกทางเดินสีดำสนิท แสงมาจากไข่มุกขนาดยักษ์ที่ฝังอยู่ในผนังสีขาวสะอาดตาซึ่งส่องสว่างไปทั่วผนัง
ยิ่งกว่านั้น ที่ประตูใหญ่ของกำแพง มี ‘ผู้พิทักษ์’ ลึกลับสูงสามเมตรซึ่งสวมชุดเกราะสีดำสนิทยืนเฝ้าอยู่ ‘ผู้พิทักษ์’ นี้ทำให้พ่อมดรีเซนถูกจับได้อย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้เขาถูก ‘ผู้พิทักษ์’ หยุดไว้ และหากเขาไม่รอดจากพวกมัน เขาคงตายไปนานแล้ว
เมอร์ลินขมวดคิ้ว เขาไม่สามารถรับรู้ถึงพลังชีวิตใด ๆ ใน ‘ผู้พิทักษ์’ แม้ว่าเขาจะสนใจในพลังปีศาจแพนดอร่าที่พ่อมดรีเซนกล่าวถึง ต่เขาจะไม่เคลื่อนไหวโดยไม่เข้าใจสถานการณ์ก่อน
“พ่อมดรีเซ่น คุณบอกฉันเกี่ยวกับ 'ผู้พิทักษ์' หน่อยได้มั้ย คุณพอจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับมันบ้างรึเปล่า?” เมอร์ลินมองพ่อมดรีเซ่นอย่างสงสัยขณะที่เขาถามอย่างแผ่วเบา
พ่อมดรีเซนยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน ข้ารู้บางอย่างเกี่ยวกับ ‘ผู้พิทักษ์’ ท้ายที่สุด ข้าเกือบถูกมันฆ่าตาย ข้าเลยจำเป็นต้องสละโฮมุนครุสรวมถึงอุปกรณ์เวทมนต์หามาอย่างยากลำบากเพื่อหลบหนีมัน สำหรับ 'ผู้พิทักษ์' มันต้องเป็นหุ่นเชิดที่สร้างขึ้นโดยนักเล่นแร่แปรธาตุเมื่อสามพันหกร้อยปีก่อนในช่วงยุคทองของการเล่นแร่แปรธาตุ”
“หุ่นเชิด? เมื่อสามพันหกร้อยปีก่อนและหุ่นตัวนี้ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ?”
เมอร์ลินเคยอยู่ในดินแดนมนต์ดำและรู้ว่าเมื่อนานมาแล้ว นักเวทย์โบราณสามารถดัดแปลงร่างหุ่นเชิดที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม หุ่นเชิดส่วนใหญ่มักจะอยู่ได้ไม่นานและพวกมันต้องการหินคริสตัลธาตุจำนวนมากเพื่อทำงาน ทำให้เกิดความไม่สะดวกอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หาก ‘ผู้พิทักษ์’ ก่อนหน้าพวกเขาเป็นหุ่นเชิดจริง ๆ มันก็เป็นหุ่นเชิดที่ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมากในอีกสามพันหกร้อยปีต่อมา นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้านายคนก่อนของหอคอยโบราณนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง
พ่อมดรีเซนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ถูกต้อง ข้ากล้าพูดได้เลยว่า 'ผู้พิทักษ์' คนนี้ต้องเป็นหุ่นเชิด มันไม่มีพลังชีวิตเลย นอกจากตัวหุ่นเชิดแล้วพวกมันยังสวมชุดเกราะสีดำซึ่งต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมของการเล่นแร่แปรธาตุเช่นกัน มันมีความสามารถในการป้องกันที่น่าเหลือเชื่อ คาถาโจมตีระดับสามของข้าสามารถทิ้งรอยขีดข่วนไว้บนชุดเกราะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
เมอร์ลินตกใจมาก คาถาระดับสามของพ่อมดรีเซนทำได้เพียงทิ้งรอยขีดข่วนไว้บนหุ่นเชิด ‘ผู้พิทักษ์’ เท่านั้น แล้วดัชนีเยือกแข็งของเขาจะไปมีประโยชน์อะไร?
ขณะที่เขาคิดเรื่องนี้ ใบหน้าของเมอร์ลินก็เผยให้เห็นเงาแห่งความสงสัย แม้ว่าพลังปีศาจแพนดอร่าจะน่าดึงดูดใจ แต่ถ้าเขายืนกรานที่จะวิ่งไปข้างหน้าทั้ง ๆ ที่รู้ถึงความไร้ประโยชน์ของตัวเอง เขาก็ก้าวเดินไปสู่ความตาย
ราวกับว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของเมอร์ลิน พ่อมดรีเซนให้ความมั่นใจด้วยเสียงต่ำ "พ่อมดเมอร์ลินไม่ต้องกังวล แม้ว่าหุ่นเชิดจะมีการป้องกันที่ดีแต่ก็อยู่ในหอคอยนี้มาถึงสามพันหกร้อยปีแล้ว ถึงพวกมันจะมีหินธาตุจำนวนมาก มันจะอยู่ได้นานแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารู้จุดอ่อนของหุ่นเชิดนี้ เกราะที่สวมนั้นอ่อนไหวต่อเวทมนตร์ธาตุน้ำแข็งมากที่สุด บางทีมันอาจจะค่อนข้างทนต่อคาถาระดับสามส่วนใหญ่ได้แต่มันไม่อาจทนต่อพลังปีศาจอันหนาวเหน็ของท่านได้ ข้าเชื่อว่าพลังของมันจะส่งผลต่อหุ่นเชิดพวกนี้อย่างร้ายแรง”
หลังจากหยุดชั่วคราว พ่อมดรีเซนดูเหมือนจะมีจิตวิญญาณที่สดใสขึ้นในขณะที่เขาพูด "พ่อมดเมอร์ลินเมื่อเราผ่านหุ่นเชิดพวกนี้แล้วเราจะสามารถเปิดประตูด้านหลังได้ พลังปีศาจแพนโดร่าอาจจะซ่อนอยู่หลังประตูนั่น!"
“พลังปีศาจแพนดอร่า!”
เมอร์ลินพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง เขาจำได้ว่าเขาได้สร้างคาถาสายลมแห่งอิสระแล้ว ดังนั้นหากเขาไม่สามารถเอาชนะหุ่นเชิดพวกนี้ได้ เขาก็สามารถหนีจากอันตรายได้อย่างง่ายดาย
เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ เมอร์ลินก็พยักหน้าขณะตัดสินใจ ดวงตาของเขาไม่ละสายตาจากหุ่นเชิดที่ไม่ขยับเขยื้อนในขณะที่เขาพูดเบา ๆ “พ่อมดรีเซ่น รีบไปกันเถอะ ยิ่งเราจัดการกับ ‘ผู้พิทักษ์’ นี้ได้เร็วเท่าไร เราก็ยิ่งจะได้รับพลังปีศาจแพนดอร่าในโบราณสถานได้เร็วเท่านั้น”
เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินตกลง พ่อมดรีเซ่นก็เผยสีหน้ายินดี เขาและเมอร์ลินค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากทางเดินมืดและเข้าใกล้หุ่นเชิดอย่างระมัดระวังและเงียบ ๆ
*ชิ้ง!!*
ทันใดนั้น ดวงตาที่นิ่งและว่างเปล่าของหุ่นเชิดก็กะพริบด้วยแสงสีเขียว ในไม่ช้า สายตาของหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ก็หันไปทางทางเดินสีดำสนิทเบื้องหน้ามัน
"เราถูกค้นพบแล้ว หุ่นเชิดน่าทึ่งจริง ๆ พ่อมดเมอร์ลิน รีบฆ่ามันเร็วเข้า!"
เมื่อพ่อมดรีเซนจ้องมองหุ่นเชิดที่สูงตระหง่าน ใบหน้าของเขาก็ดูดุร้าย เขาโบกมือและเปลวไฟลุกโชนเต็มทางเดินที่มืดมิดและพุ่งเข้าหาหุ่นเชิดอย่างรวดเร็ว โฮมุนครุสของเขายังส่งเสียงคำรามดัง ขณะเดียวกัน กล้ามเนื้อทั่วร่างกายบิดเบี้ยวและโป่งพอง จากนั้นโฮมุนครุสวิ่งเข้าหาหุ่นเชิดอย่างดุเดือด
หุ่นเชิดไม่ถอยกลับแม้แต่น้อยแม้ชุดเกราะสีดำบนตัวมันดูหนักมาก ทุกการเคลื่อนไหว มันส่งเสียงขูดที่ส่งความเย็นเยียบกระดูกสันหลังของพวกเขา
*ปัง!*
เสียงทุ้มๆ ดังขึ้น โฮมุนครุสคำรามและพุ่งเข้าหาหุ่นเชิดอย่างดุเดือด ถูกส่งตัวโบยบินไปพร้อมกับกระแทกเข้ากับกำแพงทึบ
โฮมุนครุสของพ่อมดรีเซนเป็นโฮมุนครุมประเภทความแข็งแกร่ง มันมีความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งแต่ความแตกต่างของมันกับหุ่นเชิดนั้นมีมากเกินไป ในแง่ของพลังดิบ โฮมุนครุสไม่สามารถเทียบได้กับหุ่นเชิดเลย
“พลังของมันแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!”
หัวใจของเมอร์ลินสั่นเล็กน้อย หลังจากนั้น คาถาระดับสามของพ่อมดรีเซนได้ล้อมหุ่นเชิดอย่างรวดเร็ว ความร้อนอันน่าสะพรึงกลัวเล็ดลอดออกมาจากเปลวเพลิงที่แผดเผาและแม้แต่ชุดเกราะพิเศษก็ไม่สามารถต้านทานพลังอันน่าสะพรึงกลัวจากคาถาธาตุไฟได้
อย่างไรก็ตาม หุ่นเชิดดูเหมือนจะไม่กลัวเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวเลย ยิ่งไปกว่านั้น เกราะสีดำบนตัวของมันก็ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยภายใต้แรงกดดันของเปลวไฟที่รุนแรง
“พ่อมดเมอร์ลิน ใช้คาถาธาตุน้ำแข็งเร็วเข้า!” เมื่อถึงจุดนี้ พ่อมดรีเซนค่อนข้างกังวลและตะโกนใส่เมอริ์ลนอย่างร้อนรน
“น้ำค้างเยือกแข็ง!”
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึกๆ และร่ายน้ำค้างเยือกแข็งทันทีซึ่งเป็นคาถาระดับหนึ่งที่เขาสร้างขึ้นเมื่อไม่นานนี้เอง
ในแง่ของพลัง น้ำค้างเยือกแข็งถือเป็นคาถาที่โดดเด่นในหมู่คาถาระดับหนึ่ง แม้ว่ามันจะเป็นคาถาควบคุมแต่มันมีพิษน้ำแข็ง เมื่อพิษน้ำแข็งได้ซึมซาบเข้าสู่ร่างกายแล้ว ไม่สำคัญว่าจะมีคุณลักษณะทางกายภาพที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนก็จะได้รับผลกระทบจากมัน
*ครึ่ก!*
ชั้นน้ำแข็งหนาปกคลุมหุ่นเชิดแต่ก่อนที่เมอร์ลินจะดีใจ มันก็แตกสลายในทันที น้ำค้างเยือกแข็งไม่สามารถยับยั้งหุ่นเชิดได้เลย
สำหรับพิษน้ำแข็งของน้ำค้างเยือกแข็ง มันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงกับหุ่นเชิดที่ไม่มีพลังชีวิต
จากนั้นเมอร์ลินร่ายน้ำค้างเยือกแข็ง อีกสองสามครั้งติดต่อกันและแม้แต่ร่ายแบบเสริมพลังแต่พวกมันก็ไม่อาจต้านทานพลังที่แข็งแกร่งของหุ่นเชิดได้
เมื่อเห็นว่าหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ไม่มีจุดอ่อน พ่อมดรีเซนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเบาๆ "พ่อมดเมอร์ลิน แม้แต่คาถาธาตุน้ำแข็งระดับสามก็ไร้ประโยชน์กับหุ่นเชิด เราต้องใช้พลังปีศาจแพนดอร่าของท่านแล้ว!"
ดัชนีเยือกแข็งของเมอร์ลินนั้นเป็นคาถาที่พ่อมดรีซนวางใจ แม้ว่าพ่อมดรีเซนจะรู้ดีว่าจุดอ่อนของหุ่นเชิดคือมันไม่สามารถต้านทานเวทมนตร์ธาตุน้ำแข็งอันทรงพลังได้และเห็นได้ชัดว่าแม้แต่เวทมนตร์ระดับสาม มันก็ยังต้านทานได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นทางออกสุดท้าย
ด้วยเหตุนี้ เมอร์ลินจึงไม่ทำการร่ายน้ำค้างเยือกแข็งอีกต่อไป แต่เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นและชี้ไปที่หุ่นเชิดด้วยนิ้วสีขาวราวกับผลึกน้ำแข็ง
“พลังปีศาจแพนโดร่า ดัชนีเยือกแข็ง!”
ทันใดนั้นเอง กระแสน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกก็พุ่งตรงไปยังหุ่นเชิด
…
“ไม่นะ เราถูกพบแล้ว!”
พ่อมดเกล็นซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืด อุทานด้วยเสียงต่ำ ในขณะนี้ นักเวทย์บนชั้นหนึ่งของหอคอยโบราณได้ค้นพบที่ซ่อนของพวกเขาแล้ว
“มาเถอะ เราจะอธิบายหลังจากที่เราออกไปแล้ว!”
ด้วยใบหน้าที่มืดมน พ่อมดเกล็นได้นำเอเลน่าและพ่อมดเคนออกจากความมืดไปยังชั้นหนึ่งของหอคอยโบราณเพื่อเผชิญหน้ากับนักเวทย์ทั้งห้าที่อยู่ตรงข้ามกัน
นักเวทย์ทั้งห้าคนมีโฮมุนครึสและพวกเขาดูน่าเกรงขามด้วยออร่าอันแรงกล้า พ่อมดเกล็นและอีกสองคนกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มนักเวทย์ ทำให้เขารู้สึกถึงอันตราย
“มีใครมาที่นี่บ้าง ตอนแรกมีพวกเรา 13คนแต่เราแทบจะเอาชีวิตไม่รอดและตอนนี้มีพวกเราแค่ห้าคนบนชั้นหนึ่ง ตอนนี้เป็นโอกาสที่จะได้รับสมบัติที่หามาอย่างยากลำบากมาของพวกเราก่อนที่พวกนักเวทย์จากภายนอกจะเข้ามาแย่งพวกมัน พ่อมดเอ็ทแลนด์ดูเหมือนเราจะต้องฉวยโอกาสเปิดประตูนั้นซะ ไม่อย่างนั้น พวกเราอาจจะสายเกินไป!”
ดูเหมือนว่าเหล่านักเวทย์จะไม่สนใจพ่อมดเกล็นและคนอื่นๆ พวกเขาเอาแต่กลับพูดคุยกันเอง
นักเวทย์ที่ถูกเรียกว่าพ่อมดเอ็ทแลนด์ พยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาของเขากวาดไปทั่วกลุ่มของพ่อมดเกลนในขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบ "ข้าจะเปิดประตูให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่เราจะสามารถเข้าไปในสถานที่ที่เก็บสมบัติได้ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ เราต้องการให้พ่อมดเฮอร์แมนเพื่อจัดการกับนักเวทย์พวกนั้น”
“ฮิฮิ พ่อมดเอ็ทแลนด์ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ในช่วงเวลานี้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมารบกวนท่าน ดังนั้น จัดการกับประตูนั่นได้เลย!”
ทันทีที่เขาพูดจบ สายตาที่เย็นชาของพ่อมดเฮอร์แมนจับจ้องไปที่พ่อมดเกล็นและคนอื่นๆ อย่างไม่เป้นมิตร