425-426
5/8
Ep.425
ขณะที่หนวดหมึกยักษ์กำลังม้วนเข้ามา สองเท้าของซูเฉินพลันกระพริบแสงสีม่วง ทั้งคนทั้งร่างหายวับไปดั่งภูติผี
“เอ๊ะ?”
ปลาหมึกยักษ์ไม่คิดว่าซูเฉินจะว่องไวขนาดนี้ แต่นอกจากตกใจเพียงเล็กน้อยแล้ว มันก็ไม่ใส่ใจอะไรมากนัก
เพราะสุดท้าย มันได้ค้นพบแล้ว ว่าซูเฉินมีเลเวลแค่ 5 เท่านั้น
ต่อให้ว่องไวแล้วอย่างไร? ใครจะแพ้ ใครจะชนะมันตัดสินกันที่กำลังรบโดยรวมต่างหาก!
มนุษย์เลเวล 5 จะสามารถก่อคลื่นลมภายใตเงื้อมมือมันได้หรือ?
ปลาหมึกยักษ์เริ่มเบนสายตา มองหาร่องรอยของซูเฉิน ทันใดนั้นเอง มันก็พบว่ามีร่างหนึ่งยืนอยู่เหนือศีรษะตน
“นั่นมนุษย์!? แต่ทำไมเขาถึงสามารถยืนบนอากาศได้?”
หัวใจของปลาหมึกยักษ์สั่นไหว กลวิธีพิศดารที่เขาใช้ ทำให้มันเริ่มรู้สึกตื่นตัว ขณะกำลังจะโจมตีอีกครั้ง ก็พบว่าโดนซูเฉินชิงตัดหน้าก่อนเสียแล้ว
ซูเฉินยืนอยู่กลางอากาศ กุมดาบสงครามสีทะมึนยกชูขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วสับลงมาจากเบื้องบน
พริบตานั้นเอง กระแสคลื่นสีขาวพุ่งออกจากใบดาบ ความหนาวเย็นอันน่าสยดสยองแผ่ซ่านออกมา
น้ำทะเลโดยรอบตกอยู่ภายใต้ความหนาวเหน็บ ชั่วพริบตาก่อตัวเป็นชั้นน้ำแข็ง
“เวทย์น้ำแข็งเลเวล 7!!”
ปลาหมึกยักษ์ตื่นตกใจ สีหน้าท่าทีของมันราวกับเห็นผี
มันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดมนุษย์เลเวล 5 ถึงสามารถปล่อยเวทย์เลเวล 7 ได้
สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่เสียดแทงลึกเข้ามาในกระดูก ปลาหมึกยักษ์กัดฟัน โบกสะบัดหนวดออกไป หมายทุบทำลายกระแสคลื่นสีขาวที่โถมเข้ามา
ในจังหวะที่สัมผัสกัน ไม่ช้าชั้นน้ำแข็งค้างก็ผุดขึ้นบนปุ่มหนวดของมัน ก่อนเริ่มลุกลามเข้าหาตัว
ปลาหมึกยักษ์ตกอยู่ในความหวาดกลัว ดิ้นรนสุดชีวิต มันถึงขั้นตัดหนวดหลายเส้นออกไปอย่างไม่ลังเล เพื่อที่จะหนีรอดไปจากสถานการณ์นี้
ซูเฉินมีหรือจะไม่สังเกตเห็น คนอย่างเขาจะปล่อยให้มันสบโอกาสหนีไปได้อย่างไร?
อันดับแรก เริ่มจากซัดด้วย [หมัดดาวตก] ทำลายหนังหนาชั้นนอกออก จากนั้นเปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] ปล่อยเต่าทรราชปราณฟ้าและ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ออกมาพร้อมกัน
“พวกนายทั้งคู่ จัดการมันซะ!”
ซูเฉินเอื้อมมือ ชี้ไปทางปลาหมึกยักษ์และตะโกนสั่ง
สัตว์เลี้ยงวิญญาณเลเวล 6 สองตัวส่งเสียงขานรับ หนึ่งกระโจน หนึ่งกระพือปีกเข้าหาปลาหมึกยักษ์
“อ้อจริงสิ! ครั้งนี้ช่วยเก็บหนวดซักเส้นเผื่อไว้ให้ฉันด้วย!”
มองไปยังปลาหมึกยักษ์ที่กำลังถูกกัดกิน ซูเฉินตะโกนเตือนด้วยความกังวล
เนื้อของสัตว์ทะเลเลเวล 6 เขายังไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อนเลย ครั้งนี้ต้องได้ชิมให้จงได้ จะไม่ยอมปล่อยให้เต่าทรราชอิ่มหนำเพียงลำพังอีกต่อไป
เต่าทรราชปราณฟ้าปฏิบัติตาม มันยอมเหลือหนวดสองเส้นไว้ให้ซูเฉิน ส่วนที่เหลือเป็นของตัวเอง เฉลิมฉลองครั้งใหญ่
“เจ้าหมอนี่ใจกว้างไม่เลว!”
ซูเฉินเดาะลิ้นเขา หันไปโบกไม้โบกมือให้ [รถศึกอัจฉริยะ]
จากนั้นก็เริ่มเก็บชิ้นส่วน
การสังหารปลาหมึกยักษ์ มีชิ้นส่วนดรอปกว่า 100 ชิ้นในคราเดียว เมื่อรวมกับชิ้นส่วนที่ดรอปจากฝูงสัตว์ทะเล จะมีทั้งสิ้น 600 ชิ้น
สำหรับผลลัพธ์นี้ ซูเฉินค่อนข้างพอใจมาก
เวลาผ่านไปนานกว่าสามชั่วโมง ซูเฉินถึงค่อยเก็บชิ้นส่วนเสร็จ เขารวบรวมศพสัตว์ทะเลบางส่วนที่ยังมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ แล้วกลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]
ขณะนั้นเอง หยางฮ่าวกับสหายที่เพิ่งแลบลิ้นเลียน้ำลายหยดย้อย เมื่อเห็นซูเฉินก็ยิ้มแก้มปริ ก้าวเข้ามาข้างหน้า เอ่ยถามว่า “พี่เฉิน พวกเราจะเริ่มกินมื้อเย็นกันเมื่อไหร่ดี?”
ซูเฉินรู้ว่าดี ว่านักชิมทั้งสามกำลังถูกหนวดปลาหมึกยักษ์ล่อลวง
จากนั้น เขาเลยตัดหนวดออกส่วนหนึ่ง แล้วยื่นให้หยางฮ่าวทำอาหาร
หยางฮ่าววุ่นอยู่พักหนึ่ง ไม่นาน กลิ่นเนื้อหอมก็ลอยฟุ้งไปทั่วเรือ
ซูเฉินว่างๆไม่มีอะไรทำ จึงเปิด [พื้นที่เพาะปลูก] ดู และติดตั้งหินพลังงานเลเวล 6 ที่เพิ่งได้รับมาใส่ลงใน [อุปกรณ์เร่งเวลา]
ขณะที่เขากำลังจะปิดมัน สายตาพลันเหลือบไปเห็น ว่าบนต้นผลแก่นแท้ มีผลไม้ขนาดเท่าถั่วลิงสงสิบลูกกำลังออกดอก
และข้างในผลไม้ทุกลูก เปี่ยมไปด้วยคลื่นความผันผวนอย่างรุนแรงของพลังจิต
6/8
Ep.426
“ต้นผลแก่นแท้ออกผลแล้ว!” ซูเฉินรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าต้นผลแก่นแท้เวลานี้หลับสนิทคล้ายตกอยู่ในห้วงจำศีล จึงหันไปถามต้นผลอายุวัฒนะแทนว่า “เสี่ยวโซ่ว ต้นผลแก่นแท้เป็นยังไงบ้าง?”
ต้นผลอายุวัฒนะอธิบายว่า “เจ้านาย ต้นผลแก่นแท้เพิ่งเคยให้กำเนิดผลไม้เป็นครั้งแรก มันเลยอ่อนแรงไปบ้าง ขอเวลาสักพักเดี๋ยวก็ตื่นขึ้นมาเอง”
ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แล้วต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าผลจะสุก?”
“ดูจากอัตราการเจริญเติบโตนี้ คาดว่าน่าจะประมาณเดือนกว่าๆ” ต้นผลอายุวัฒนะตอบกลับ
เวลาหนึ่งเดือน … ถือว่าเร็วกว่าที่ซูเฉินคาดไว้มาก
หลังจากนั้น เขาสนทนากับต้นผลอายุวัฒนะอีกหลายประโยค แล้วค่อยปิด [พื้นที่เพาะปลูก]
“พี่เฉิน หมึกย่างสุกแล้ว มากินกันเร็ว”
ในตอนนั้นเอง หยางฮ่าวตะโกนร้องเรียกซูเฉิน
“ไปแล้วๆ”
ในที่สุด เขาก็ได้ลิ้มรสเนื้อของสัตว์ทะเลเลเวล 6 เสียที
…
วันต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ยังคงมุ่งหน้าไปยังเกาะเจียวซูเช่นเคย
ระหว่างทาง ฝูงสัตว์ทะเลค่อยๆปรากฏขึ้น ยิ่งออกห่างจากเกาะเฉียนหยูมากเท่าไหร่ พวกมันก็ยิ่งโผล่มาให้เห็นมากเท่านั้น
ช่วงเวลานี้ ซูเฉินฆ่าสัตว์ทะเลได้หลายฝูง ผลกอบโกยค่อนข้างน่าประทับใจ แต้มพลังงานกลับมาเกินเลข 7 แล้ว
จนเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 20 เกาะเจียวซูก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
ซูเฉินหรี่ตากวาดมอง และพบว่าตรงมุมหนึ่งของหน้าจอ มีจุดสีน้ำเงินจำนวนมากกำลังรวมตัวกัน จากจุดนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังต่อสู้กัน เพราะจุดสีน้ำเงินมักจะดับวูบไปจากหน้าจอเป็นครั้งคราว
นอกจากนี้ เขายังพบอีกว่า มีอยู่ฝ่ายหนึ่ง ที่มีจุดสีดำหลายจุดปะปนอยู่ด้วย
ความหมายของภาพนี้ค่อนข้างชัดเจน มนุษย์กับพวกต่างเผ่ากำลังร่วมมือกัน
“เสี่ยวจือ ในหมู่พวกเขา คนที่แข็งแกร่งสุดอยู่ระดับไหน?” ซูเฉินถาม
มีพวกต่างเผ่าปรากฏตัวขึ้น เขาจะไม่ยอมปล่อยมันไป
แต่ก่อนหน้านั้น หากล่วงรู้ถึงกำลังรบของศัตรู จะได้เตรียมพร้อมได้ง่ายขึ้น
“เจ้านาย มีผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 อยู่สองคนในสนามรบ ทั้งคู่ต่างเป็นมนุษย์ และยังมีผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 อีกมากกว่าสิบคน” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบกลับ
“เสี่ยวจือ รีบมุ่งหน้าไป” ซูเฉินสั่ง
ในสายตาซูเฉิน ผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 เขาสามารถดับชีวิตได้ด้วยมือเดียว ดังนั้นไม่กังวล
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] เร่งความเร็ว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา มันก็แล่นมาถึงเกาะเจียวซูอย่างเป็นทางการ
แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก
เมื่อแล่นขึ้นมาบนพื้นดิน [รถศึกอัจฉริยะ] ก็กลับมาเป็นรถศึกอีกครั้ง
จากนั้นมันก็เร่งเดือนเครื่องไปยังตำแหน่งที่มีมนุษย์รวมตัวกันอยู่
ยิ่งใกล้เข้าไป ระยะตรวจจับก็ยิ่งแคบลง จำนวนจุดสีน้ำเงินบนหน้าจอควบคุมส่วนกลางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซูเฉินประเมินคร่าวๆ คาดว่ามีอย่างน้อย 200,000 คน
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ฝึกตน
มีผู้ฝึกตนจำนวนมากรวมตัวกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ขับมาถึงที่ราบ
ปลายทางคือสมรภูมิ มนุษย์นับหมื่นนับแสนกำลังต่อสู้กัน สิ่งที่เห็นคือฉากนองเลือดอันโหดร้าย
บนพื้นดินเต็มไปด้วยซากศพ เลือดสดๆไหลทะลักออกมา ในอากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ภาพตรงหน้า ราวกับขุมนรกก็มิปาน
ซูเฉินกวาดสายตามอง กระโดดลงจากรถแล้วตะโกนว่า “จงหยุด!”
เสียงคำรามกึกก้องดั่งฟ้าร้อง
มนุษย์ที่เดิมกำลังต่อสู้กันอยู่ ชะงักงันไป ต่างพากันเบนสายตามามองซูเฉิน
ภายใต้ความสนใจของทุกคน ซูเฉินก้าวไปข้างหน้า เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ใครก็ได้ บอกฉันที ว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้น?”