80Y-ตอนที่ 99 การมาถึงท่ามกลางสายฝน
ที่ริมฝั่งแม่น้ำเว่ย กลิ่นอายพลังมังกรสมุทรได้เฟื่องฟูไปทั่ว เขาปฏิเสธที่จะฟังขณะที่ร่างใหญ่ของเขาพุ่งทะยานไปบนอากาศกรงเล็บมังกรนั่นราวกับว่าสามารถคว้า ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มาไว้ในมือได้
รัศมีพลังของเขาแข็งแกร่งกว่า ผู้บ่มเพาะอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์อย่างชัดเจน
ในโลกนี้เขามีสิทธิ์ที่จะเย่อหยิ่งได้อย่างแท้จริง
ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนนับตั้งแต่เขาปรากฏตัว เขาก็ฟื้นคืนพลังกลับมาในระดับนึงแล้ว เหตุใดเขายังต้องฟัง กระทิงสวรรค์?
กระทิงสวรรค์มองไปยังราชาปีศาจเจียวที่เย่อหยิ่ง
เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง
ราชาปีศาจเจียวนั้นแข็งแกร่ง
เขาฟื้นตัวกลับมาได้ค่อนข้างเร็วและแน่นอนว่านี่ยังไม่ใช่สภาพสูงสุดของเขา
ตรงกันข้ามกับเขา สหายผู้นั้นในเมืองหลวงดูเหมือนจะอยู่ในสถานะสูงสุดของเขาเสมอ
ปีศาจในถ้ำปีศาจใต้ตำหนักเย็นต่างก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่ยั่วยุ หลินจิ่วเฟิง ก่อนที่พวกเขาจะฟื้นคืนพลังกลับมาได้
ราชาปีศาจเจียวได้แยกเขี้ยวและตวัดกรงเล็บของเขา
ด้วยร่างกายขนาดใหญ่ในรูปลักษณ์ของมังกรสมุทร เขาได้เคลื่อนตัวผ่านชั้นเมฆ กลิ่นอายรัศมีพลังอันไร้ขอบเขตได้แผ่ซ่านไปทั่วทุกสารทิศรอบตัวเขา
“พี่ผิงเทียน กระทั่งยุคใหม่นี้ ท่านยังกล้าทำตัวขี้ขลาด ข้าไม่เหมือนกับท่าน ตอนนี้ข้าสามารถบัญชาการลมและเมฆได้ด้วยความสามารถของข้าแล้ว ข้าได้ก้าวไปสู่อีกขั้นในการเป็นมังกรที่แท้จริง”
“เหตุใดข้าจะต้องกลัวพวกมนุษย์ด้วย?”ราชาปีศาจเจียวไม่เข้าใจ เขาต้องการแสดงพลังในปัจจุบันให้ กระทิงสวรรค์เห็น เขาได้ทะยานขึ้นไปบนอากาศและใช้ความสามารถของเขาในการบัญชาการลมและเมฆ
ผู้คนนับไม่ถ้วนบนผืนดินเบื้องล่างต่างมองเห็นมังกรดำขนาดใหญ่มหึมาบินผ่านชั้นเมฆไป ไม่เพียงเท่านั้น มังกรดำยังโปรยฝนลงมายังโลกเบื้องล่างเพื่อแสดงความสามารถอันทรงพลังของมันต่อโลกหล้า
ผู้คนทั่วไปต่างหน้าซีดเผือกเมื่อเห็นภาพอันสยดสยองนี้พวกเขาได้คุกเข่าลงกับพื้นและเริ่มอธิษฐาน
แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะพลังที่มองเห็นฉากนี้ สีหน้าของพวกเขายังเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความกลัว การที่สามารถสั่งลมสั่งเมฆให้ผลิตฝนได้ มังกรดำตัวนี้จะต้องมีพลังมหาศาล
นอกจากนี้บวกกับข้อเท็จที่ว่าพพวกเขาได้รู้ซึ้งถึงสถานะของมังกรดำที่ทะยานอยู่บนท้องฟ้า อีกฝ่ายคือ ราชาปีศาจเจียว 1ใน7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีร่างเป็นมังกรสมุทร
เมื่อ ราชาปีศาจเจียว มองเห็นปฏิกิริยาของผู้คนด้านล่าง เขาก็คำรามออกมาด้วยเสียงหัวเราะที่ดังมากจนทำให้ผืนดินนั้นสั่นสะเทือน
เขามองไปรอบ ๆ และพูดกับ กระทิงสวรรค์
“ดูพวกมนุษย์หน้าโง่นั่นสิตอนนี้พวกมันกำลังคุกเข่าต่อหน้าข้า!”
“พวกมันบูชาข้าราวกับข้าเป็นพระเจ้า”
“พวกมนุษย์มักโง่เขลาและอ่อนแอเสมอ!”
ราชาปีศาจเจียวมองไปที่ กระทิงสวรรค์อย่างมีชัย
กระทิงสวรรค์ได้เหลือบมองไปที่ ราชาปีศาจเจียว หลังจากที่เห็นอีกฝ่าบบัญชาการลมและเมฆได้ อีกฝ่ายได้แสดงท่าทีที่หยิ่งผยองออกมา
กระทิงสวรรค์ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาเพิ่งออกจากถ้ำปีศาจใต้ตำหนักเย็นมาดังนั้นเขายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บทั้งหมด
เขาอดที่จะเถียงไม่ได้
“น้องเจียว เจ้ายังคงหยิ่งผยองเหมือนเดิม”มหาปราชญ์จุติสวรรค์ ราชาปีศาจผิงเทียน ได้ถอนหายใจออกมา นี่คือสิ่งที่เขาพูดได้เท่านั้น
“ข้าอยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์แล้ว ข้าคือราชาแห่งเผ่าอสูร หากข้าไม่ยืนหยัดเพื่อคนในเผ่าอสูรของข้าในฐานะราชาของพวกเขา แล้วใครเล่าที่จะทำเช่นนั้น?”
ราชาปีศาจเจียว ยังคงเรียกลมและเมฆต่อไป
รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวของเขาได้ปกคลุมไปทั่วหมื่นลี้นับจากตัวของเขา
จากนั้นฝนก็ตกลงมาจากบนท้องฟ้า
มันมาพร้อมกับเสียงดังกึกก้องคำรามของฟ้าร้อง
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่เย่อหยิ่งของราชาปีศาจเจียว
เพียงแค่กลิ่นอายพลังของเขาเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ผู้บ่มเพาะพลังเผ่ามนุษย์ที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่สามารถหายใจได้
ในเมืองหลวงราชวงศ์ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างเงยหน้าขึ้นมองดูฉากนี้ด้วยใบหน้าซีดเผือก
เทพมนุษย์นั้นทรงพลังมาก แต่พวกเขากลับไม่สามารถทนต่อแรงพายุที่ทอดยาวหลายพันลี้นี้ได้ พวกเขาไม่แม้แต่จะต้านทานแรงกดดันที่ถูกส่งมาจากระยะไกลได้เลย
กล่าวอีกนัยนึงคือ มังกรสมุทรตัวนี้ มีรากฐานพลังอยู่ในอาณาจักรถ้ำสวรรค์
และแน่นอนว่าเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังในช่วงท้ายของอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์แล้ว
เขาเป็นตัวตนที่แทบจะไม่มีใครเทียบได้ในโลกนี้!
ทุกคนได้มองไปที่ราชาปีศาจเจียว!
ในเวลานี้ความหวาดกลัวได้ผุดขึ้นในใจของพวกเขา
พวกเขาจะป้องกันการดำรงอยู่ของตัวตนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร?
กองทัพที่แข็งแกร่งนับล้านอาจไม่สามารถทนต่อการสะบัดหางของมังกรสมุทรตัวนี้ได้
ในพระราชวังต้องห้าม จักรพรรดิเต๋อและองค์หญิงหยูหลินได้ยืนเคียงข้างกันขณะที่พวกเขามองดูฉากอันน่าหวาดกลัวนี้
“ยุคที่ผู้บ่มเพาะพลังสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้มาถึงแล้ว…”
จักรพรรดิเต๋อได้ถอนหายใจออกมา สีหน้าของเขาดูย่ำแย่
อาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์แข็งแกร่งพอที่จะไม่สนใจกฏเกณฑ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีใครก็ตามที่อยู่ในอาณาจักรพลังขั้นถ้ำสวรรค์ มันคงจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าพวกเขาสามารถทำทุกสิ่งอย่างที่ต้องการบนโลกได้
นี่คือความหวาดกลัวของจักรพรรดิเต๋อ
เขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นปราชญ์การต่อสู้ แต่ต่อหน้าการดำรงอยู่ของผู้บ่มเพาะพลังอาณาจักรถ้ำสวรรค์ เขารู้ว่าตนเองไม่มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน
เขาไม่แม้แต่จะสามารถทนการโจมตีของศัตรูได้
กระทั่งกลิ่นอายพลังของมันยังทำให้เขาแทบทรุดตัวลง
องค์หญิงหยูหลินได้พึมพัมออกมา
“หากข้ามีเวลาอีกหน่อย ข้าน่าจะสามารถทะลวงผ่านอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์ได้”
จักรพรรดิเต๋อได้มองดูสายฝนที่กำลังโหมกระหนำและเสียงฟ้าร้องที่ฟาดผ่าลงมาในสถานที่ห่างไกลออกไปหลายพันลี้
ความกลัวได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
หัวใจของเขารู้สึกสั่นสะท้าน ในใจของเขาได้คาดหวังบางอย่าง
“เสด็จปู่ใหญ่ จะต้องเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน!”
องค์หญิงหยูหลินมองไปที่จักรพรรดิเต๋อด้วยความประหลาดใจ
เสด็จปู่ใหญ่?
อาจารย์ของนางคือเสด็จปู่ใหญ่ของนางหรอกเหรอ?
เหตุใดนางถึงไม่รู้เรื่องเลย…
…
เมืองหลวง,ตำหนักเย็น
หลินจิ่วเฟิงได้กอดเจ้าแมวขาว
เขาแต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีเขียว ผมของเขาได้ถูกม้วนเป็นมวย
เขาดูเหมือนกับนักพรตเต๋าตัวน้อยที่มีท่าทางร่าเริงแจ่มใส
เพราะว่าถึงแม้เขาจะอายุเกือบ 70 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังดูเด็กราวกับว่าเขาไม่แก่ตัวเลย
เจ้าแมวขาวในอ้อมแขนของเขาได้มองดูสายฝนที่ตกลงมาจากบนฟากฟ้ามันได้กล่าวถาม“นี่คือฝนที่เจ้ารอคอยอยู่หรือไม่?”
หลินจิ่วเฟิงได้ยิ้มออกมา“ข้ากำลังเฝ้ารอฝนที่จะตกลงมาอย่างใจจดใจจ่อ แต่ทว่ามันกลับตกล่วงหน้าเสียได้ ต้องขอบคุณราชาปีศาจเจียว”
หลินจิ่วเฟิง คาดว่าฝนฤดูใบไม้ผลิแรกที่เขารอคอยจะมาถึงในอีก 7 วันถัดไป
การประเมินของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่เขามองดูดาวในเวลากลางคืนและใช้ศาสตร์ทางโหราศาสตร์ในการคำนวณ หลินจิ่วเฟิง คิดว่า ภายใน 7 วันที่เหลือนี้ เขาจะไม่ออกไปทะเลาะกับใคร
แต่ราชาปีศาจเจียว กลับบังคบัให้ฝนฤดูใบไม้ผลิมาถึงล่วงหน้า
ในสายตาของหลินจิ่วเฟิงโลกหลังฝนนี้จะกลายเป็นโลกใบใหม่อีกครั้ง
กลายเป็นโลกของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง
เจ้าแมวขาวกล่าวถามด้วยความสงสัย“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“มากับข้า…”
“ข้าจะทะลวงผ่านอาณาจักรพลังขั้นถัดไปในการจู่โจมเพียงครั้งเดียว!”หลินจิ่วเฟิงได้ตอบกลับ
เขาอุ้มเจ้าแมวขาวและก้าวเข้าไปในสายฝน
ฝนได้ตกลงมาหนักกระทั่งมีสายฟ้าฟาดผ่าลงมา
สิ่งนี้คล้ายกับจุดจบของโลก
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเดินเต็ดเตร่อยู่ตามถนน
หยดน้ำที่ร่วงหล่นลงมาได้ตกลงสู่พื้นอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงเวลาสั้น ๆ หลินจิ่วเฟิง ได้เดินทางออกจากเมืองหลวงแล้ว
เพียงแค่ชั่วลมหายใจเดียวก็สิ้นสุดการเดินทางของเขา
ท่ามกลางสายฟ้าที่ฟาดผ่าอยู่เบื้องหน้า หลินจิ่วเฟิง ได้ก้าวออกไป
สายฟ้าและไอน้ำได้รวมตัวกันกลายเป็นดอกบัวใต้ฝ่าเท้าของเขา
บัวบานทุกย่างก้าว!
ห่างออกไปหลายพันลี้ริมฝั่งแม่น้ำเว่ย ราชาปีศาจเจียว กำลังรู้สึกภาคภูมิใจและหยิ่งผยองในความสามารถของเขา
เขาได้เฝ้าดูโลกหล้าที่กำลังสั่นสะเทือนภายใต้พลังของเขา
เขารู้สึกสนุกกับฉากดังกล่าวอย่างทั่วถึง
“พี่ผิงเทียน ท่านยังคิดว่าข้าเอาชนะมนุษย์ที่ท่านหวาดกลัวไม่ได้อยู่อีกหรือไม่?”ราชาปีศาจเจียวได้กล่าวถาม
กระทิงสวรรค์ที่กำลังจะพูดขนของมันได้ลุกตั้งร่างของมันได้หยุดลงทันที สัญชาตญาณของมันกำลังร้องให้มันรีบหนีไป ทว่า มันกลับมองไปยังทิศทางนึงที่ฝนกำลังปกคลุม
มีร่างหนึ่งได้เดินมาอย่างช้า ๆ
เขาแต่งกายด้วยชุดสีเขียวและมีใบหน้าดูซีดเซียว
อย่างไรก็ตามท่าทีของเขายังคงสบายอย่างมาก ราวกับอากาศด้านนอกกำลังโอบล้อมเขา
ฝนได้หลบหน้าเขา
สายฟ้าได้เคารพเขา
และลมก็ได้เกาะติดเขา
ทุกสิ่งรอบตัว-แม้แต่ผืนปฐพียังสรรเสริญกับการมีอยู่ของเขา
ดวงอาทิตย์,ดวงจันทร์,ดวงดาว,ฝน,สายฟ้า,ได้หายไปพร้อมกัน
ในสายตาของ กระทิงสวรรค์ มีเพียง หลินจิ่วเฟิง เท่านั้น
หัวใจและร่างกายของมันแม้แต่เส้นขนยังเริ่มสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
‘หลินจิ่วเฟิง...เขาอยู่ที่นี่’
ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก หลินจิ่วเฟิง ได้เดินมาหาพวกเขา
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเดินอย่างเชื่องช้าและไร้ร่องรอยของกลิ่นอายที่ทรงพลัง แต่ทุกย่างก้าวกลับทำให้จิตใจของกระทิงสวรรค์ล้วนเต้นระรัว
เขาพบว่าตนเองยากที่จะหายใจ
ไม่มีใครรู้ซึ้งถึงพลังของ หลินจิ่วเฟิง ดีไปกว่าเขาและปีศาจที่ติดอยู่ในถ้ำปีศาจมานานนับ 10 ปี
“น้องเจียว ขอเพียงเจ้ายอมจำนน…”
“เขามาแล้ว!”
กระทิงสวรรค์รีบหันกลับมาและด้วยคำรามออกมาด้วยความโกรธ
เขาต้องการช่วยพี่น้องคนนี้ของเขา