ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 98 ราชาปีศาจเจียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 100 กระบี่ปราบปรามมังกร

80Y-ตอนที่ 99 การมาถึงท่ามกลางสายฝน


ที่ริมฝั่งแม่น้ำเว่ย กลิ่นอายพลังมังกรสมุทรได้เฟื่องฟูไปทั่ว เขาปฏิเสธที่จะฟังขณะที่ร่างใหญ่ของเขาพุ่งทะยานไปบนอากาศกรงเล็บมังกรนั่นราวกับว่าสามารถคว้า ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มาไว้ในมือได้

รัศมีพลังของเขาแข็งแกร่งกว่า ผู้บ่มเพาะอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์อย่างชัดเจน

ในโลกนี้เขามีสิทธิ์ที่จะเย่อหยิ่งได้อย่างแท้จริง

ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนนับตั้งแต่เขาปรากฏตัว เขาก็ฟื้นคืนพลังกลับมาในระดับนึงแล้ว เหตุใดเขายังต้องฟัง กระทิงสวรรค์?

กระทิงสวรรค์มองไปยังราชาปีศาจเจียวที่เย่อหยิ่ง

เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง

ราชาปีศาจเจียวนั้นแข็งแกร่ง

เขาฟื้นตัวกลับมาได้ค่อนข้างเร็วและแน่นอนว่านี่ยังไม่ใช่สภาพสูงสุดของเขา

ตรงกันข้ามกับเขา สหายผู้นั้นในเมืองหลวงดูเหมือนจะอยู่ในสถานะสูงสุดของเขาเสมอ

ปีศาจในถ้ำปีศาจใต้ตำหนักเย็นต่างก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่ยั่วยุ หลินจิ่วเฟิง ก่อนที่พวกเขาจะฟื้นคืนพลังกลับมาได้

ราชาปีศาจเจียวได้แยกเขี้ยวและตวัดกรงเล็บของเขา

ด้วยร่างกายขนาดใหญ่ในรูปลักษณ์ของมังกรสมุทร เขาได้เคลื่อนตัวผ่านชั้นเมฆ กลิ่นอายรัศมีพลังอันไร้ขอบเขตได้แผ่ซ่านไปทั่วทุกสารทิศรอบตัวเขา

“พี่ผิงเทียน กระทั่งยุคใหม่นี้ ท่านยังกล้าทำตัวขี้ขลาด ข้าไม่เหมือนกับท่าน ตอนนี้ข้าสามารถบัญชาการลมและเมฆได้ด้วยความสามารถของข้าแล้ว ข้าได้ก้าวไปสู่อีกขั้นในการเป็นมังกรที่แท้จริง”

“เหตุใดข้าจะต้องกลัวพวกมนุษย์ด้วย?”ราชาปีศาจเจียวไม่เข้าใจ เขาต้องการแสดงพลังในปัจจุบันให้ กระทิงสวรรค์เห็น เขาได้ทะยานขึ้นไปบนอากาศและใช้ความสามารถของเขาในการบัญชาการลมและเมฆ

ผู้คนนับไม่ถ้วนบนผืนดินเบื้องล่างต่างมองเห็นมังกรดำขนาดใหญ่มหึมาบินผ่านชั้นเมฆไป ไม่เพียงเท่านั้น มังกรดำยังโปรยฝนลงมายังโลกเบื้องล่างเพื่อแสดงความสามารถอันทรงพลังของมันต่อโลกหล้า

ผู้คนทั่วไปต่างหน้าซีดเผือกเมื่อเห็นภาพอันสยดสยองนี้พวกเขาได้คุกเข่าลงกับพื้นและเริ่มอธิษฐาน

แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะพลังที่มองเห็นฉากนี้ สีหน้าของพวกเขายังเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความกลัว การที่สามารถสั่งลมสั่งเมฆให้ผลิตฝนได้ มังกรดำตัวนี้จะต้องมีพลังมหาศาล

นอกจากนี้บวกกับข้อเท็จที่ว่าพพวกเขาได้รู้ซึ้งถึงสถานะของมังกรดำที่ทะยานอยู่บนท้องฟ้า อีกฝ่ายคือ ราชาปีศาจเจียว 1ใน7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีร่างเป็นมังกรสมุทร

เมื่อ ราชาปีศาจเจียว มองเห็นปฏิกิริยาของผู้คนด้านล่าง เขาก็คำรามออกมาด้วยเสียงหัวเราะที่ดังมากจนทำให้ผืนดินนั้นสั่นสะเทือน

เขามองไปรอบ ๆ และพูดกับ กระทิงสวรรค์

“ดูพวกมนุษย์หน้าโง่นั่นสิตอนนี้พวกมันกำลังคุกเข่าต่อหน้าข้า!”

“พวกมันบูชาข้าราวกับข้าเป็นพระเจ้า”

“พวกมนุษย์มักโง่เขลาและอ่อนแอเสมอ!”

ราชาปีศาจเจียวมองไปที่ กระทิงสวรรค์อย่างมีชัย

กระทิงสวรรค์ได้เหลือบมองไปที่ ราชาปีศาจเจียว หลังจากที่เห็นอีกฝ่าบบัญชาการลมและเมฆได้ อีกฝ่ายได้แสดงท่าทีที่หยิ่งผยองออกมา

กระทิงสวรรค์ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาเพิ่งออกจากถ้ำปีศาจใต้ตำหนักเย็นมาดังนั้นเขายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บทั้งหมด

เขาอดที่จะเถียงไม่ได้

“น้องเจียว เจ้ายังคงหยิ่งผยองเหมือนเดิม”มหาปราชญ์จุติสวรรค์ ราชาปีศาจผิงเทียน ได้ถอนหายใจออกมา นี่คือสิ่งที่เขาพูดได้เท่านั้น

“ข้าอยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์แล้ว ข้าคือราชาแห่งเผ่าอสูร หากข้าไม่ยืนหยัดเพื่อคนในเผ่าอสูรของข้าในฐานะราชาของพวกเขา แล้วใครเล่าที่จะทำเช่นนั้น?”

ราชาปีศาจเจียว ยังคงเรียกลมและเมฆต่อไป

รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวของเขาได้ปกคลุมไปทั่วหมื่นลี้นับจากตัวของเขา

จากนั้นฝนก็ตกลงมาจากบนท้องฟ้า

มันมาพร้อมกับเสียงดังกึกก้องคำรามของฟ้าร้อง

จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่เย่อหยิ่งของราชาปีศาจเจียว

เพียงแค่กลิ่นอายพลังของเขาเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ผู้บ่มเพาะพลังเผ่ามนุษย์ที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่สามารถหายใจได้

ในเมืองหลวงราชวงศ์ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างเงยหน้าขึ้นมองดูฉากนี้ด้วยใบหน้าซีดเผือก

เทพมนุษย์นั้นทรงพลังมาก แต่พวกเขากลับไม่สามารถทนต่อแรงพายุที่ทอดยาวหลายพันลี้นี้ได้ พวกเขาไม่แม้แต่จะต้านทานแรงกดดันที่ถูกส่งมาจากระยะไกลได้เลย

กล่าวอีกนัยนึงคือ มังกรสมุทรตัวนี้ มีรากฐานพลังอยู่ในอาณาจักรถ้ำสวรรค์

และแน่นอนว่าเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังในช่วงท้ายของอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์แล้ว

เขาเป็นตัวตนที่แทบจะไม่มีใครเทียบได้ในโลกนี้!

ทุกคนได้มองไปที่ราชาปีศาจเจียว!

ในเวลานี้ความหวาดกลัวได้ผุดขึ้นในใจของพวกเขา

พวกเขาจะป้องกันการดำรงอยู่ของตัวตนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร?

กองทัพที่แข็งแกร่งนับล้านอาจไม่สามารถทนต่อการสะบัดหางของมังกรสมุทรตัวนี้ได้

ในพระราชวังต้องห้าม จักรพรรดิเต๋อและองค์หญิงหยูหลินได้ยืนเคียงข้างกันขณะที่พวกเขามองดูฉากอันน่าหวาดกลัวนี้

“ยุคที่ผู้บ่มเพาะพลังสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้มาถึงแล้ว…”

จักรพรรดิเต๋อได้ถอนหายใจออกมา สีหน้าของเขาดูย่ำแย่

อาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์แข็งแกร่งพอที่จะไม่สนใจกฏเกณฑ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีใครก็ตามที่อยู่ในอาณาจักรพลังขั้นถ้ำสวรรค์ มันคงจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าพวกเขาสามารถทำทุกสิ่งอย่างที่ต้องการบนโลกได้

นี่คือความหวาดกลัวของจักรพรรดิเต๋อ

เขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นปราชญ์การต่อสู้ แต่ต่อหน้าการดำรงอยู่ของผู้บ่มเพาะพลังอาณาจักรถ้ำสวรรค์ เขารู้ว่าตนเองไม่มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน

เขาไม่แม้แต่จะสามารถทนการโจมตีของศัตรูได้

กระทั่งกลิ่นอายพลังของมันยังทำให้เขาแทบทรุดตัวลง

องค์หญิงหยูหลินได้พึมพัมออกมา

“หากข้ามีเวลาอีกหน่อย ข้าน่าจะสามารถทะลวงผ่านอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์ได้”

จักรพรรดิเต๋อได้มองดูสายฝนที่กำลังโหมกระหนำและเสียงฟ้าร้องที่ฟาดผ่าลงมาในสถานที่ห่างไกลออกไปหลายพันลี้

ความกลัวได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

หัวใจของเขารู้สึกสั่นสะท้าน ในใจของเขาได้คาดหวังบางอย่าง

“เสด็จปู่ใหญ่ จะต้องเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน!”

องค์หญิงหยูหลินมองไปที่จักรพรรดิเต๋อด้วยความประหลาดใจ

เสด็จปู่ใหญ่?

อาจารย์ของนางคือเสด็จปู่ใหญ่ของนางหรอกเหรอ?

เหตุใดนางถึงไม่รู้เรื่องเลย…

เมืองหลวง,ตำหนักเย็น

หลินจิ่วเฟิงได้กอดเจ้าแมวขาว

เขาแต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีเขียว ผมของเขาได้ถูกม้วนเป็นมวย

เขาดูเหมือนกับนักพรตเต๋าตัวน้อยที่มีท่าทางร่าเริงแจ่มใส

เพราะว่าถึงแม้เขาจะอายุเกือบ 70 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังดูเด็กราวกับว่าเขาไม่แก่ตัวเลย

เจ้าแมวขาวในอ้อมแขนของเขาได้มองดูสายฝนที่ตกลงมาจากบนฟากฟ้ามันได้กล่าวถาม“นี่คือฝนที่เจ้ารอคอยอยู่หรือไม่?”

หลินจิ่วเฟิงได้ยิ้มออกมา“ข้ากำลังเฝ้ารอฝนที่จะตกลงมาอย่างใจจดใจจ่อ แต่ทว่ามันกลับตกล่วงหน้าเสียได้ ต้องขอบคุณราชาปีศาจเจียว”

หลินจิ่วเฟิง คาดว่าฝนฤดูใบไม้ผลิแรกที่เขารอคอยจะมาถึงในอีก 7 วันถัดไป

การประเมินของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่เขามองดูดาวในเวลากลางคืนและใช้ศาสตร์ทางโหราศาสตร์ในการคำนวณ หลินจิ่วเฟิง คิดว่า ภายใน 7 วันที่เหลือนี้ เขาจะไม่ออกไปทะเลาะกับใคร

แต่ราชาปีศาจเจียว กลับบังคบัให้ฝนฤดูใบไม้ผลิมาถึงล่วงหน้า

ในสายตาของหลินจิ่วเฟิงโลกหลังฝนนี้จะกลายเป็นโลกใบใหม่อีกครั้ง

กลายเป็นโลกของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง

เจ้าแมวขาวกล่าวถามด้วยความสงสัย“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”

“มากับข้า…”

“ข้าจะทะลวงผ่านอาณาจักรพลังขั้นถัดไปในการจู่โจมเพียงครั้งเดียว!”หลินจิ่วเฟิงได้ตอบกลับ

เขาอุ้มเจ้าแมวขาวและก้าวเข้าไปในสายฝน

ฝนได้ตกลงมาหนักกระทั่งมีสายฟ้าฟาดผ่าลงมา

สิ่งนี้คล้ายกับจุดจบของโลก

แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเดินเต็ดเตร่อยู่ตามถนน

หยดน้ำที่ร่วงหล่นลงมาได้ตกลงสู่พื้นอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงเวลาสั้น ๆ หลินจิ่วเฟิง ได้เดินทางออกจากเมืองหลวงแล้ว

เพียงแค่ชั่วลมหายใจเดียวก็สิ้นสุดการเดินทางของเขา

ท่ามกลางสายฟ้าที่ฟาดผ่าอยู่เบื้องหน้า หลินจิ่วเฟิง ได้ก้าวออกไป

สายฟ้าและไอน้ำได้รวมตัวกันกลายเป็นดอกบัวใต้ฝ่าเท้าของเขา

บัวบานทุกย่างก้าว!

ห่างออกไปหลายพันลี้ริมฝั่งแม่น้ำเว่ย ราชาปีศาจเจียว กำลังรู้สึกภาคภูมิใจและหยิ่งผยองในความสามารถของเขา

เขาได้เฝ้าดูโลกหล้าที่กำลังสั่นสะเทือนภายใต้พลังของเขา

เขารู้สึกสนุกกับฉากดังกล่าวอย่างทั่วถึง

“พี่ผิงเทียน ท่านยังคิดว่าข้าเอาชนะมนุษย์ที่ท่านหวาดกลัวไม่ได้อยู่อีกหรือไม่?”ราชาปีศาจเจียวได้กล่าวถาม

กระทิงสวรรค์ที่กำลังจะพูดขนของมันได้ลุกตั้งร่างของมันได้หยุดลงทันที สัญชาตญาณของมันกำลังร้องให้มันรีบหนีไป ทว่า มันกลับมองไปยังทิศทางนึงที่ฝนกำลังปกคลุม

มีร่างหนึ่งได้เดินมาอย่างช้า ๆ

เขาแต่งกายด้วยชุดสีเขียวและมีใบหน้าดูซีดเซียว

อย่างไรก็ตามท่าทีของเขายังคงสบายอย่างมาก ราวกับอากาศด้านนอกกำลังโอบล้อมเขา

ฝนได้หลบหน้าเขา

สายฟ้าได้เคารพเขา

และลมก็ได้เกาะติดเขา

ทุกสิ่งรอบตัว-แม้แต่ผืนปฐพียังสรรเสริญกับการมีอยู่ของเขา

ดวงอาทิตย์,ดวงจันทร์,ดวงดาว,ฝน,สายฟ้า,ได้หายไปพร้อมกัน

ในสายตาของ กระทิงสวรรค์ มีเพียง หลินจิ่วเฟิง เท่านั้น

หัวใจและร่างกายของมันแม้แต่เส้นขนยังเริ่มสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว

‘หลินจิ่วเฟิง...เขาอยู่ที่นี่’

ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก หลินจิ่วเฟิง ได้เดินมาหาพวกเขา

แม้ว่าอีกฝ่ายจะเดินอย่างเชื่องช้าและไร้ร่องรอยของกลิ่นอายที่ทรงพลัง แต่ทุกย่างก้าวกลับทำให้จิตใจของกระทิงสวรรค์ล้วนเต้นระรัว

เขาพบว่าตนเองยากที่จะหายใจ

ไม่มีใครรู้ซึ้งถึงพลังของ หลินจิ่วเฟิง ดีไปกว่าเขาและปีศาจที่ติดอยู่ในถ้ำปีศาจมานานนับ 10 ปี

“น้องเจียว ขอเพียงเจ้ายอมจำนน…”

“เขามาแล้ว!”

กระทิงสวรรค์รีบหันกลับมาและด้วยคำรามออกมาด้วยความโกรธ

เขาต้องการช่วยพี่น้องคนนี้ของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด