80Y-ตอนที่ 97 ปลดปล่อยมหาปราชญ์จุติสวรรค์
เมื่อปีศาจกว่า 3,000 ตัวไม่มีประโยชน์ในการลงชื่อเข้าใช้อีกต่อไป เขาก็คิดจะปล่อยมันทั้งหมดสู่โลกหล้า นี่เป็นแผนที่ หลินจิ่วเฟิง วางไว้นานแล้ว
โลกกำลังฟื้นตัวจากภัยแล้งครั้งก่อน และ คุณภาพของพลังงานทางโลกก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มีผู้คนมากมายที่ได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้
แต่สำหรับ หลินจิ่วเฟิง มันยังคงไม่เพียงพอ
เพราะความก้าวหน้าของเขาเร็วกว่าการฟื้นตัวของพลังงานทางโลก
การฟื้นตัวของพลังงานทางโลกไม่สามารถตามจังหวะของ หลินจิ่วเฟิง ได้ทัน
ในที่สุด หลินจิ่วเฟิง ก็คิดจะผลักดันจากเบื้องหลังแทน
เมื่อปีศาจในถ้ำได้ยินคำพูดของ หลินจิ่วเฟิง พวกเขาก็ตกใจ
อีกฝ่ายมีความมั่นใจอะไรขนาดนั้น?
เขาคิดว่าตนเองมีพลังมากพอที่จะกดขี่โลกทั้งใบนี้?
ปีศาจบางตัวได้เยาะเย้ยออกมา
พวกมันไม่เชื่อคำพูดของ หลินจิ่วเฟิงเลย
เมื่อพวกมันได้รับการปล่อยตัว คนที่จะทุกข์ก็คือ หลินจิ่วเฟิง
ปีศาจบางตัววางแผนที่จะดูดซับพลังงานทางโลกเพื่อนฟื้นฟูความแข็งแกร่งหลังจากที่พวกมันออกไป
จากนั้นพวกมันก็จะมาฆ่า หลินจิ่วเฟิง และ แก้แค้นทันที
หลินจิ่วเฟิง รู้ว่าปีศาจเหล่านี้กำลังวางแผนร้ายกับเขา แต่เขาไม่ได้สนใจ
เขามองไปที่ ราชาปีศาจผิงเทียน และกล่าวถาม“เจ้าเห็นด้วยกับข้อตกลงของข้าหรือไม่?”
มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน ได้กล่าวถามอย่างเคร่งขรึม“ข้าเพียงแค่ต้องเกลี้ยกล่อมพวกเขาไม่ให้สร้างปัญหาเท่านั้นถูกต้องหรือไม่?”
“ทว่าถ้าเกิดพวกเขาไม่ฟังข้าล่ะ?”จากนั้นเขาก็ถามด้วยคำถามอื่น
“เช่นนั้นข้าคงต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวอย่างเย็นชา“ไม่ใช่ว่าข้าเคลื่อนไหวไม่ได้ เพียงแต่ข้าไม่ต้องการ เพราะข้ามีเรื่องสำคัญกว่าที่จะต้องจัดการ”
ถ้า ราชาปีศาจผิงเทียน ไม่สามารถชักชวนพวกเขาได้จริง ๆ หลินจิ่วเฟิง ก็จะต่อสู้กับพวกเขาก่อนฝนฤดูใบไม้ผลิแรกจะมาถึง
แต่ในเวลานั้น หลินจิ่วเฟิง จะถูกบังคับให้ต้องใช้พลังที่เขาสะสมมาจนถึงตอนนี้ที่มีส่วนในการช่วยพัฒนาของเขาไป ซึ่งนี่ไม่ใช่ผลดีสำหรับเขา
เขาไม่คิดจะใช้พลังที่เก็บสะสมมาไปกับเรื่องไร้สาระ
หลังจากได้ยินคำพูดของ หลินจิ่วเฟิง มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน ได้ตอบกลับ“ในเมื่อเจ้ากล้าจะปล่อยข้าออกไป ข้าย่อมรักษาสัญญาอย่างแน่นอน ข้าจะไปชักชวนพวกเขาด้วยตนเอง แต่ไม่ว่าพวกเขาจะรับฟังหรือไม่เรื่องนี้ข้าไม่รับประกัน”
หลินจิ่วเฟิง ได้เปิดผนึกถ้ำและพูดออกมา“ขึ้นมา”
มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน ได้มองไปที่ผนึกถ้ำที่เปิดอยู่
ความตื่นเต้นได้สั่นไหวในดวงตาของเขา
เขาต้องการจะไปจากที่นี่นานแล้ว ตอนนี้ความฝันของเขาในที่สุดก็เป็นจริงเสียที
บูม!
เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน ได้ทะยานขึ้นไปในอากาศและออกจากถ้ำปีศาจโดยตรง
ปีศาจตัวอื่นที่อยู่ด้านล่างมองดูด้วยความอิจฉา
พวกเขาต้องการจะออกไป
หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ“อย่าได้ริษยาไป อีกไม่นานข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าทั้งหมด”
หลังจากพูดแบบนี้เสร็จ-เขาไม่ได้อยู่รอดูความตื่นเต้นของอีกฝ่าย-หลินจิ่วเฟิงได้ปิดผนึกถ้ำในทันที
เขามองไปที่ มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน
รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายคือมนุษย์
แต่ทว่ารูปลักษณ์ดั้งเดิมของอีกฝ่ายคือ กระทิงสวรรค์-สัตว์อสูรกลายพันธุ์โบราณที่มีความแข็งแกร่งอันไร้ขอบเขตและผิวหนังที่หนาอย่างน่าเหลือเชื่อ
ปัจจุบันเขาอยู่ในร่างมนุษย์ โดยมีเขาคู่หนึ่งอยู่บนศีรษะ ใบหน้าของเขาหยาบกร้ายมาก และ เขาสูงกว่า หลินจิ่วเฟิง โดยรวมแล้วเขามีความสูงมากกว่า 2 เมตร
จนสามารถใช้สองคำนี้อธิบายได้ - สูงใหญ่และแข็งแกร่ง
แต่ต่อหน้า หลินจิ่วเฟิง มันกลับดูบอบบางและอ่อนแอ มันได้กระทำการทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง
แม้แต่จะหายใจก็ยังไม่กล้า
“ตามข้ามา”
หลินจิ่วเฟิง ได้เดินผ่านทางเดินออกไปข้างนอก
เจ้าแมวขาว ที่นอนอยู่บนต้นซากุระ มันได้รอการกลับมาของ หลินจิ่วเฟิง เมื่อมันเห็น หลินจิ่วเฟิง ออกมา มันก็ลุกขึ้นยืนในทันที
เพียงแต่ เมื่อมันเห็น มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน ออกมาด้วย มันก็ถอยกลับไปด้วยความสงสัยแทน
หลินจิ่วเฟิง ได้เอื้อมมือออกไป กอดเจ้าแมวขาวไว้ในอ้อมแขนของเขา และ ลูบขนมันเบา ๆ
“เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่?”มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน ได้มองไปรอบ ๆ และกล่าวถามด้วยความสงสัย
ตำหนักนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างมาก
แต่ทว่าพื้นผิวของมันกลับลอกออก อิฐก็หละหลวม และ คานไม้ก็ผุพังไปหมดแล้ว
นี่คือตำหนักร้างหรือไม่?
หลินจิ่วเฟิง อาจจะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้
แต่ทำไมเขาถึงอยู่ในสถานที่แบบนี้?
หรือว่าวิถีชีวิตของเขาค่อนข้างเรียบง่าย…
หลินจิ่วเฟิงได้ตอบกลับ“สถานที่หาได้สำคัญ แม้ว่าจะเป็นบ้านที่ทรุดโทรมหรือรกร้างเพียงใด แต่หากมีผู้อมตะอาศัยอยู่ที่นั่น มันก็กลายเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญจนถึงที่สุด”
“อืม,เช่นนั้นข้าขอตัวไปเกลี่ยกล่อมพวกเขาในตอนนี้”มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน ได้ตอบกลับ
“อ่า,พยายามเกลี่ยกล่อมพวกเขาให้ได้ล่ะ เพราะข้าไม่อยากจะฆ่าใครในตอนนี้”หลินจิ่วเฟิงได้ตอบกลับอย่างใจเย็น
มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน แทบจะสำลักออกมา
คำพูดของเขาช่างเย่อหยิ่งยิ่งนัก แต่เมื่อได้ยินจากปากของ หลินจิ่วเฟิง ราชาปีศาจผิงเทียน กลับคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับอีกฝ่าย
‘ต้องมีบางผิดปกติกับข้าอย่างแน่นอน!’
มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน ได้สั่นศีรษะ
มันได้กระโดดขึ้นไปในอากาศและหายไปในทันที
ในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง จ้องมองไปที่แผ่นหลังของ มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน โดยไม่พูดอะไรสักคำ
“เหตุใดเจ้าถึงปล่อยเขาไป?”เจ้าแมวขาวได้กล่าวถาม หลินจิ่วเฟิง
มันรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นปีศาจจากถ้ำปีศาจ และเป็นตัวตนที่ทรงพลังมาก หลังจากที่อีกฝ่ายได้รับการปล่อยตัว เขาก็จะดูดซับพลังงานทางโลกและฟื้นคืนพลังกลับมา
เมื่อถึงเวลานั้น อีกฝ่ายจะต้องมาสร้างปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน
“ข้าปล่อยให้เขาไปชักชวนสหายของเขาเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องมาตายที่นี่”หลินจิ่วเฟิงได้ตอบกลับ
“ไม่รอฝนแล้วงั้นเหรอ?”เจ้าแมวขาวกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ฝนนี้อาจจะมาเมื่อไหร่ก็ได้”หลินจิ่วเฟิง ได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ท้องฟ้าแจ่มใส และ ลมก็พัดเย็นสบาย
ทว่ากลับมีกลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิ ที่ชุ่มชื้นและเต็มไปด้วยน้ำ
ฝนฤดูใบไม้ผลิแรกกำลังจะมา!
…
พระราชวังต้องห้าม ท้องพระโรง
เมื่อจักรพรรดิเต๋อกลับมา เขาได้ให้คนรวบรวมเอกสารข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
การสืบสวนครั้งนี้ทำให้เขาค้นพบหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน
มหาปราชญ์แห่งพื้นสมุทร-ราชาปีศาจเจียว มาจากประเทศอื่น
การตื่นขึ้นของเขาเป็นผลมาจากภัยพิบัติทางทะเลที่ก่อให้เกิดขึ้นคลื่นขนาดใหญ่และทำลายเกาะที่เขาถูกผนึกจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
พลังทางธรรมชาติช่างน่ากลัวจริง ๆ
มหาปราชญ์แห่งความโกลาหล-ราชาปีศาจต้าเผิง มาจากภูเขาใหญ่
เขาได้ตื่นขึ้นบนภูเขาและลืมตามองดูโลก
จากนั้นเขาก็พบว่า เผ่าอสูรไม่มีที่สำหรับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่ต้องการมาที่เมืองหลวงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาและต้องการนำดินแดนของเผ่าอสูรกลับคืนมาจากจักรพรรดิมนุษย์แห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
เมื่อได้ยินข่าวนี้ มหาปราชญ์แห่งพื้นสมุทร-ราชาปีศาจเจียวก็ข้ามทะเลมาที่นี่เช่นเดียวกัน
เขาต้องการดินแดนผืนหนึ่งสำหรับตัวเองด้วย
ตอนนี้ทั้ง 2 คนได้เรียกร้องดินแดนดั่งกล่าว และกล่าวว่าพวกเขาจะมาที่เมืองหลวงราชวงศ์เพื่อเยี่ยมชมจักรพรรดิเต๋อ
มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ที่ปรากฏตัว ได้แยกออกจากกัน บางคนก็อยู่บนยอดเขา ขณะที่คนอื่น ๆ เดินทางไปทั่วโลกเพื่อชมทิวทัศน์ของยุคสมัยใหม่นี้
พวกเขาไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าต้องการมาที่เมืองหลวงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าอสูรและปีศาจมีบุคลิกที่แตกต่างกัน
ในหมู่พวกเขา คนที่หงุดหงิดง่ายที่สุดก็คือ มหาปราชญ์แห่งพื้นสมุทร-ราชาปีศาจเจียว และ มหาปราชญ์แห่งความโกลาหล-ราชาปีศาจต้าเผิง
การมาถึงของพวกเขาทำให้นิกายปีศาจที่เงียบงันมาหลายปีเริ่มจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองอย่างป่าเถื่อน
นิกายปีศาจที่เงียบงันเหล่านี้หลังจากถูก หลินจิ่วเฟิง ทุบตีไปเมื่อ 2-3 ปีก่อนพวกเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และ ส่งเสียงเชียร์ 2 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่นี้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี
ข้อมูลที่จักรพรรดิเต๋อรวบรวมได้แพร่กระจยไปทั่วโดยนิกายปีศาจ
หลังจากรวบรวมข้อมูลเหล่านี้มาได้ จักรพรรดิเต๋อก็นำข้อมูลเหล่านี้ไปพบกับหลินจิ่วเฟิงในคืนที่มืดมิดและมีลมแรง
ที่หน้าตำหนักเย็น จักรพรรดิเต๋อกล่าวพูดด้วยความเคารพ“เสด็จปู่ใหญ่ ข้ารวบรวมข้อมูลที่ท่านต้องการมาให้แล้ว”
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวได้ปรากฏตัวขึ้น มันได้นำข้อมูลออกไปและปล่อยให้จักรพรรดิเต๋ออยู่คนเดียว
หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ“กลับไปจัดการงานของราชวงศ์ต่อเถอะ ข้าได้วางแผนที่จะจัดการกับ 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่นี้ไว้แล้ว ส่วนเจ้ามีหน้าที่ที่จะต้องบรรเทาความกังวลของประชาในตอนนี้”
“อ่า...ขอบคุณเสด็จปู่ใหญ่! ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”
จักรพรรดิเต๋อได้จากไปอย่างพึงพอใจ
หลังจากได้รับการรับประกันจาก หลินจิ่วเฟิง ความกังวลของเขาก็หายไปทันที
เพื่อช่วยเหลือราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา และ ปกป้องมรดกของจักรพรรดิหยวน เขาจะต้องใช้ความพยาพยามเล็กน้อย
โชคดีที่ในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวามีคนที่เขาพึ่งพาได้
เมื่อ จักรพรรดิเต๋อกลับไปยังพระราชวังต้องห้ามด้วยสีหน้าที่อารมณ์ดี จักรพรรดินีพระมารดาก็เรียกตัวเขาไปพบ ในตำหนักของจักรพรรดินีพระมารดา องค์หญิงหยูหลิน ก็อยู่ที่นี่ด้วย
ทั้งสองคนได้มองไปที่จักรพรรดิเต๋อ