80Y-ตอนที่ 94 รับกุญแจ
7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าอสูรและปีศาจได้ปรากฏตัวขึ้น
7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่นี้มาจากสถานที่และเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน
มีทั้ง ปีศาจ,สัตว์อสูร และ มนุษย์
เมื่อรวมกันแล้ว พวกเขาก็คือ 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
ในหมู่พวกเขา พวกที่มาจากเผ่าอสูร ได้แก่,มหาปราชญ์แห่งพื้นสมุทร-ราชาปีศาจเจียว,มหาปราชญ์แห่งความโกลาหล-ราชาปีศาจต้าเผิง,มหาปราชญ์แห่งขุนเขา-ราชาปีศาจกุ้ย,มหาปราชญ์แห่งผืนนภา-ราชาปีศาจหยวน,มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน
นี่คือราชาปีศาจทั้ง 5 จากเผ่าอสูร
มหาปราชญ์แห่งชุดขาว ไป่จื่อหลง เป็นมนุษย์
มหาปราชญ์แห่งห้วงฝัน หยุนซานไห่ เป็นปีศาจ
พวกเขาทั้ง 7 ได้ก่อตั้งกลุ่ม 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขึ้นมาในยุคที่แล้ว และพวกเขาก็เป็นมหาอำนาจชั้นนำของโลกเป็นที่กล่าวขานถึงกันโดยทั่ว
ตอนนี้พวกเขาได้ปรากฏตัวอีกครั้งในยุคใหม่นี้ มหาปราชญ์แห่งพื้นสมุทร-ราชาปีศาจเจียว,มหาปราชญ์แห่งความโกลาหล-ราชาปีศาจต้าเผิง กำลังเดินทางมาที่ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาเพื่อเยี่ยมชมจักรพรรดิเต๋อ
พวกเขาต้องการให้จักรพรรดิเต๋อมอบดินแดนให้พวกเขา
พวกเขาได้อาศัยความแข็งแกร่งอันน่าเกรงขามในการข่มขู่จักรพรรดิเต๋อให้ทำเช่นนี้
น่าเสียดายที่จักรพรรดิเต๋อต้องยอมรับ
เพราะพวกเขาไม่มีเหล่าคนที่มีอำนาจพอจะจัดการกับพวกเขา
ในช่วงเริ่นต้นของการฟื้นตัวพลังงานทางโลก ปราชญ์การต่อสู้ สามารถข่มขู่ใครก็ได้ในโลกนี้
แต่หลังจากฝนตก หลินจิ่วเฟิง ได้กลายเป็นบุคคลแรกที่ก้าวเข้าสู่อาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์
เป็นเวลานานหลังจากนั้นอาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์ก็กลายเป็นขั้นพลังสูงสุดของเส้นทางการบ่มเพาะพลัง
แต่หลังจากการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิหมิงและการรุกรานของพวกปีศาจเมื่อ 10 ปีก่อน ที่เมืองหลวงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาถูกรายล้อมไปด้วยพวกปีศาจ
เทพมนุษย์ไม่ได้ทรงพลังอีกต่อไป
หลินจิ่วเฟิงได้ยกระดับตัวเองสู่อาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์อีกครั้ง
แต่มันก็น่าเสียดาย
อาจเป็นเพราะเขาพัฒนาเร็วเกินไปจนคนอื่น ๆ ล้วนตามไม่ทัน หรืออาจเป็นเพราะการฟื้นตัวของพลังงานทางโลกในปัจจุบันยังไม่เพียงพอสำหรับผู้บ่มเพาะพลังธรรมดาในการทะลวงผ่านอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์
อย่างไรก็ตาม เวลาการฟื้นตัวของพลังงานทางโลกยังคงต้องใช้เวลากว่าจะสมบูรณ์
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเหล่าคนจากยุคก่อนจึงเลือกที่จะปิดผนึกตัวเองเพื่อรอคอยเวลาที่เหมาะสม
เหล่าผู้ที่ทรงพลังอย่างแท้จริงกำลังรอคอยให้พลังงานทางโลกฟื้นกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อพลังงานทางโลกเปี่ยมดั่งมหาสมุทรอันไร้ขอบเขตเมื่อใด พวกเขาจะออกมาและแสดงความทะเยอทะยานอันแรงกล้าของพวกเขาสู่โลกใบนี้
หลินจิ่วเฟิง ได้เข้าสู่อาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผ่านไป 10 ปีก็ยังไม่มีใครที่สามารถทะลวงผ่านอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์ได้
จักรพรรดิเต๋อรู้ว่ามีเพียงคนเดียวที่เขาสามารถพึ่งพาได้ตอนนี้ก็คือน้องสาวของเขา
หลังจากที่นิกายเส้นทางสวรรค์รู้ว่าจักรพรรดิเต๋อค้นพบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงค่อย ๆ ละเลย จักรพรรดิเต๋อ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย ดังนั้นจักรพรรดิเต๋อจึงเมินเฉยต่อพวกเขา
และเขาจะไม่มีทางขอความช่วยเหลือจากนิกายเส้นทางสวรรค์เพราะเขาไม่ต้องการ
ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปเยี่ยมน้องสาวของเขาที่ตำหนักขององค์หญิงหยูหลิน
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว องค์หญิงหยูหลิน ในวัย 16 ปี ได้สร้างชื่อเสียงของตนเองให้เป็นที่น่าจดจำไปทั่วโลก
นางเลือกที่จะปลีกวิเวกเพื่อการบ่มเพาะพลังในเวลาต่อมา
โดยที่ไม่แม้แต่จะก้าวออกจากวัง นางได้สะสมความแข็งแกร่งอย่างเงียบ ๆ และพยายามทำความเข้าใจทักษะกระบี่ทั้งสองให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การเดินทางไปยังที่ราบในตอนนั้นได้นำพาสิ่งต่าง ๆ มาให้นางมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความเข้าใจอื่น ๆ นางราวกับได้เกิดใหม่และเริ่มเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเอง
โลกทั้งใบได้ยกย่องนาง
มือที่มองไม่เห็นนับไม่ถ้วนได้ผลักนางขึ้นไปบนชั้นฟ้าอย่างต่อเนื่อง
มันสูงมากจนกระทั่งองค์หญิงหยูหลินยังต้องหวาดกลัว
คนอื่น ๆ ที่ได้รับคำชมจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน
จากนั้นพวกเขาก็จะสูญเสียตัวตนและหมกมุ่นอยู่กับมัน
แต่นี่ไม่ใช่กรณีขององค์หญิงหยูหลิน…
นางเลือกที่จะละเลยชื่อเสียงเหล่านั้นและเริ่มจากจุดเริ่มต้นอีกครั้ง
นางได้ถือกระบี่และฝึกฝนมันทุกวัน
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นางแทบไม่ออกมาพบใครเลยแม้แต่จักรพรรดินีพระมารดา
และมันก็เป็นช่วงเวลา 5 ปีแล้วนับตั้งแต่พบจักรพรรดิเต๋อครั้งสุดท้าย
หลังจาก 5 ปีต่อมา จักรพรรดิเต๋อมองดูน้องสาวของเขาที่ไม่ได้ประทินโฉมใด ๆ
นางสวมชุดอาภรณ์สีขาวราวหิมะ
รูปร่างของนางคล้ายกับหยกงาม
จักรพรรดิเต๋อรู้สึกประทับใจกับภาพที่เขาเห็น
“ผ่านไป 5 ปีแล้วนับตั้งแต่พวกเราพบกันครั้งล่าสุด เจ้าดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย”จักรพรรดิเต๋อได้กล่าว
องค์หญิงหยูหลิน ได้ยกถ้วยชาขึ้นและตอบกลับ“ข้าเพียงแค่โตขึ้นเท่านั้น”
จักรพรรดิเต๋อมองไปที่องค์หญิงหยูหลินที่ทำหน้าไร้เดียงสา
นางได้เติบโตขึ้น
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว องค์หญิงหยูหลินมีอายุเพียงแค่ 16 ปีนางยังเด็กอยู่
แต่พอจัดการแก้ไขปัญหาของคนธรรมดาทั่วไปนับล้าน ได้เริ่มเข่นฆ่าผู้คนครั้งแรก
จนกระทั่งวันนี้ 5 ปีต่อมา นางได้เติบโตขึ้นมาก
“วันนี้พี่ใหญ่มาหาข้ามีอะไรงั้นหรือไม่?”องค์หญิงหยูหลินกล่าวถามด้วยความสงสัย
นางรู้ว่าจักรพรรดิเต๋องานยุ่งมาก
ปัญหาในราชสำนักมักจะไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ
ดังนั้นมันจะต้องมีเหตุผลแน่ที่ว่าทำไมจักรพรรดิเต๋อจึงเดินทางมาที่นี่
จักรพรรดิเต๋อได้พยักหน้าและอธิบายเหตุการณ์ล่าสุดโดยละเอียด
องค์หญิงหยูหลินได้ขมวดคิ้วแน่นขณะรับฟัง
“7มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าอสูรและปีศาจ หากนี่เป็นความจริงแสดงว่าฐานการบ่มเพาะพลังของพวกเขาจะต้องอยู่เหนืออาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์ ซึ่งนี่มันแข็งแกร่งมาก”
“ถูกต้อง พวกเขาแข็งแกร่งมาก ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องลำบากใจ”จักรพรรดิเต๋อได้ยิ้มอย่างขมขื่น
“พี่ใหญ่ ข้ายังไม่ได้ทะลวงผ่านอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์เลย”
องค์หญิงหยูหลินได้ตอบคำถามที่จักรพรรดิเต๋อต้องการจะถามต่อจากนี้
จักรพรรดิเต๋อได้ปิดปากเงียบทันที
เขาได้ละทิ้งคำถามที่จะถามก่อนหน้านี้
เขาได้เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นแทน“แล้วถ้าเป็นท่านอาจารย์ของเจ้าล่ะ?”
องค์หญิงหยูหลินกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ“ท่านต้องการตามหาท่านอาจารย์ของข้างั้นหรือไม่?”
จักรพรรดิเต๋อได้พยักหน้าและมองไปที่องค์หญิงหยูหลิน
ดวงตาของนางเป็นประกายระยิบระยับ
“แล้วท่านได้ข้อมูลอะไรบ้างไหม?”
องค์หญิงหยูหลินเกิดมาจากมารดาคนเดียวกันกับจักรพรรดิเต๋อ
นางคาดเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“เรื่องนี้ต้องได้รับการยืนยันก่อน”
จักรพรรดิเต๋อได้สั่นศีรษะและปฏิเสธที่จะบอกข้อมูลให้กับองค์หญิงหยูหลินเกี่ยวกับการค้นพบล่าสุดของเขา
องค์หญิงหยูหลินไม่ได้สนใจที่จะสนทนาต่อ
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ตอนนี้อยู่ที่ใด เพราะข้าไม่ได้ออกไปไหนมา 5 ปีแล้ว”
จักรพรรดิเต๋อมองไปที่องค์หญิงหยูหลินและทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกมา
“อะไรเหรอ?”องค์หญิงหยูหลินขมวดคิ้ว
“ส่งกุญแจตำหนักเย็นมาให้ข้า”จักรพรรดิเต๋อได้พูดออกมา
องค์หญิงหยูหลินหัวเราะเล็กน้อย“กำแพงของตำหนักเย็นไม่ได้สูงขนาดนั้น ท่านปีนข้ามไปก็ได้”
“มันดูไม่สุภาพ”จักรพรรดิเต๋อได้ยิ้มอย่างลึกลับ
เขามองไปที่องค์หญิงหยูหลินและตอบกลับ“กุญแจตำหนักเย็นไม่ใช่สิ่งของล้ำค่า แต่เจ้ากลับไม่เต็มใจมอบมันให้ข้า แสดงว่าที่นั่นจะต้องมีบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน มอบมันให้ข้า ข้าจะไปตรวจสอบดูที่นั่นด้วยตัวเอง”
จักรพรรดิเต๋อมองไปที่องค์หญิงหยูหลินอย่างภาคภูมิใจ
องค์หญิงหยูหลินไม่มีทางเลือกนอกจากมอบกุญแจให้จักรพรรดิเต๋อและเตือนเขา
“อย่าได้ไปรบกวนสถานที่นั้น ที่นั่นไม่มีใครอยู่หรอก”
จักรพรรดิเต๋อเพียงแค่ยิ้มและลุกขึ้นจากไปโดยไม่พูดอะไร
ไม่มีใครอยู่?
เป็นไปไม่ได้!
ช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะต้องจัดการงานราชกิจของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาจำนวนมาก แต่เขาก็ได้ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวกับตำหนักเย็น
องค์รัชทายาทที่ถูกปลดออกจากบัลลังก์
ผ่านไปเกือบ 50 ปีแล้วนับตั้งแต่ช่วงเวลานั้น
จนถึงตอนนี้แทบจะไม่มีใครรู้เรื่องที่ หลินจิ่วเฟิง ถูกเนรเทศไปยังตำหนักเย็น
มีเพียงบันทึกทางประวัติศาสตร์เท่านั้น เพราะนี่เป็นเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ จึงไม่มีคำอธิบายโดยละเอียด
มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น
[เพราะลุ่มหลงในราคะ ทำให้องค์รัชทายาทถูกเนรเทศไปคุมขังยังตำหนักเย็นจนกว่าจะตาย] เขาได้ถูกเนรเทศไปยังตำหนักเย็นตั้งแต่ตอนนั้น
แต่ว่าใครคือองค์รัชทายาทที่ถูกปลดคนนี้?
เบื้องหลังของเขาคืออะไร?
เหตุใดเขาถึงถูกเนรเทศเข้าไปยังตำหนักเย็น?
เมื่อตรวจสอบเรื่องนี้เขาก็เริ่มขาดจุดเริ่มต้น
แต่หลังจากผ่านไปหลายปี จักรพรรดิเต๋อได้ค้นหาข้อมูลทุกอย่างที่พอจะตรวจสอบได้ เขาได้ค้นหาอย่างเด็ดเดี่ยวและค้นพบคำตอบต่าง ๆ ที่ค้างคาอยู่ในใจ
‘ปรากฏว่าองค์รัชทายาทที่ถูกปลดและเสด็จปู่จักรพรรดิเป็นพี่น้องทางสายเลือด’
‘ถ้าอย่างนั้นเขาควรจะเรียกอีกฝ่ายว่าเสด็จปู่ใหญ่’
‘เขาคือถูกคุมขังที่ตำหนักเย็นมาเกือบ 50 ปีแล้ว’
‘เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่’
‘ตั้งแต่เขาถูกเนรเทศเข้าไปยังตำหนักเย็น ลานที่พักนั่นจะต้องเป็นของเสด็จปู่ใหญ่’
‘ดังนั้นคนที่คอยชี้แนะน้องสาวของข้าน่าจะไม่ใช่วิญญาณของเสด็จปู่จักรพรรดิ แต่เป็นเสด็จปู่ใหญ่’
‘ข้าจะไปเยี่ยมเสด็จปู่ใหญ่ในวันนี้’
จักรพรรดิเต๋อได้สืบหาความจริงมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
วันนี้เขาได้รับกุญแจที่จะเปิดเผยความจริงแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่บอกข้อมูลใด ๆ ให้องค์หญิงหยูหลินฟังเกี่ยวกับการคาดเดาของเขา
มันคงจะดีกว่าหากเขาไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน