71 - การจากลา
71 - การจากลา
“ชิ ชิ ชิ”
ได้ยินเสียงอากาศที่เคลื่อนผ่าน และไม่นานหลังจากอสูรร้ายสองสามตัวที่หายตัวไปก็พุ่งออกมาจากส่วนลึกของภูเขาและปรากฏตัวที่ด้านข้างของหญิงสาว
หญิงสาวผมทองที่มีปีกสองปีก มังกรวารีเฒ่า ชายร่างกำยำที่แขนเต็มไปด้วยเกล็ดล้วนยืนแสดงความเคารพต่อหญิงสาว ขณะจ้องมองไปที่เย่ฟ่านด้วยเจตนาฆ่า
“ปล่อยให้เขา……ออกไป!”
ในขณะนี้จากด้านหลังของหน้าผาที่มีเมฆและหมอกหมุนวน เสียงของผังป๋อก็ดังขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะเจ็บปวดอย่างสุดขีดในขณะที่เขากัดฟันและกลั้นใจตะโกนออกมา
“ฆ่ามันซะ แล้วปัญหาทั้งหมดของเราจะได้รับการแก้ไข!” ในเวลานี้ มังกรเฒ่าเริ่มเข้ามาใกล้
“บูม!”
ทันใดนั้น รัศมีของอสูรก็พุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศอย่างรุนแรงราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ช่วงเวลานั้นท้องฟ้าก็มีร่างขึ้นอีกหนึ่งร่างและมันคือผังป๋อที่มีผมสีดำปลิวไสว
ตัวเขาทั้งร่างดูเหมือนมหาสมุทรอันลึกล้ำ ในขณะที่เขาให้ความรู้สึกถึงความกดดันมหาศาลไม่รู้จบ ราวกับว่าภูเขาขนาดใหญ่หมื่นลูกกำลังกดทับลงมาทำให้ทุกคนหายใจด้วยความยากลำบาก
ปัจจุบันใบหน้าของผังป๋อได้เต็มไปด้วยอักขระอสูรทั้งหมด แม้แต่หน้าอกและแขนที่เปลือยเปล่าของเขาก็ยังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์มังกรและหงส์เพลิงหนาแน่น
และในเวลานี้ตัวอักขระที่อยู่รอบๆร่างกายของเขาก็เกิดการหมุนวนพร้อมกันนั้นผังป๋อก็ปลดปล่อยแปลงไฟสีเขียวออกจากดวงตาของเขายาวกว่าสิบวา
“ข้าบอกให้ปล่อยเขา!”
ท่าทางของเขาเย็นชาขณะที่เขาจ้องไปที่มังกรเฒ่า
มังกรเฒ่าและอสูรผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆมองดูสตรีผู้สมบูรณ์แบบที่อยู่ใกล้ๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังรอคำสั่งจากนาง หญิงสาวที่สมบูรณ์แบบคนนี้หัวเราะเบาๆและกล่าวว่า
“อย่าทำร้ายเขา ส่งเขาไปจากที่นี่”
“ผังป๋อ!”
เย่ฟ่านตะโกนเสียงดังขณะที่เขาจ้องมองไปที่ร่างที่เต็มไปด้วยไอปีศาจบนท้องฟ้าและการปรากฏตัวของเขาราวกับภูเขาขนาดใหญ่
เย่ฟ่านยังคงตะโกนชื่อนั้นต่อไป แต่ผังป๋อคนปัจจุบันดูไม่คุ้นเคยและห่างไกลเย็นชาเป็นอย่างมาก เขาหันหน้ามามองเย่ฟ่านอย่างช้าๆจากนั้นก็หันหลังแล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
"ชูวา"
ในชั่วพริบตาผังป๋อก็หายสาบสูญไปโดยที่ไม่ปรากฏขึ้นอีก
หลังจากนั้น เย่ฟ่านรู้สึกว่าร่างกายของเขาก็กำลังถูกดึงขึ้นด้านบน เมื่อหญิงสาวผมสีทองงดงามคนหนึ่งใช้ลำแสงสีทองมัดตัวเขาไว้แล้วพาเขาออกจากดินแดนแห่งนี้
“ผังป๋อ!” เย่ฟ่านตะโกนอย่างสิ้นหวัง
ทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาอุดปากของเขาและหญิงสาวผมทองคนนั้นก็พาเขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าบึ้งตึงไม่พอใจ
“ชัวว์”
ไม่นานนักก่อนที่หญิงสาวผมสีทองจะพาเย่ฟ่านลงไปที่พื้น และหลังจากปล่อยเขาแล้ว นางก็มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขาและพูดว่า
“ดูแลตัวเองดีๆ แล้วออกไปให้เร็วที่สุด”
เมื่อพูดเช่นนี้นางก็เปลี่ยนเป็นแสงสีทองขณะที่นางบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ให้ผังป๋อกลับมา!”
เย่ฟ่านตะโกนขึ้นไปบนฟ้าเสียงดังแต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเพื่อตอบเขา และเส้นแสงสีทองก็หายไปในทันที
ตำแหน่งปัจจุบันของเขาอยู่ห่างจากสุสานของจักรพรรดิอสูรเพียงไม่กี่ลี้ และสามารถมองเห็นแสงจ้าจากทิศทางนั้นได้อย่างชัดเจน
วิหารโบราณลอยอยู่บนท้องฟ้าและผู้ฝึกตนหลายคนรวมตัวกันที่นั่น เย่ฟ่านถูกส่งกลับไปยังซากปรักหักพังดั้งเดิม
……….
“ชิ ชิ ชิ”
เสียงของสายรุ้งลึกลับที่เล็ดลอดผ่านอากาศดังก้องอย่างต่อเนื่องเมื่อเห็นผู้ฝึกตนบินจากขอบฟ้า ทุกคนพุ่งเข้าหาสุสานของจักรพรรดิอสูรด้วยความเร็วเท่าที่จะเร็วได้
เย่ฟ่านเห็นสิ่งนี้แต่ไม่รู้สึกตื่นเต้นใดๆในขณะที่เขาหันหลังและวิ่งออกไปจากที่นี่ หลังจากที่ออกจากซากปรักหักพังเย่ฟ่านก็มาถึงบริเวณที่เป็นที่ตั้งของภูเขาห้านิ้วอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้น……”
เย่ฟ่านรู้สึกตกใจอย่างมาก มันเป็นพื้นที่เดียวกันแต่ภูมิประเทศที่เขียวขจีและเต็มไปด้วยพลังและชีวิตได้หายไปอย่างสมบูรณ์ ข้างหน้ามีภูเขาหินเปล่าห้าลูก ไม่เห็นหญ้าเลย ในขณะเดียวกันภูเขาห้านิ้วที่เคยยิ่งใหญ่ก็กลายเป็นเพียงก้อนหินขนาดไม่ใหญ่มากห้าก้อนเท่านั้น
เมื่อเคลื่อนผ่านภูเขาหินทั้งห้าและเดินหน้าต่อไป เย่ฟ่านไม่สูญเสียทิศทางหรือมองเห็นดินแดนที่บริสุทธิ์จากโลกภายนอก มีเพียงหินและทรายที่แห้งแล้งและเงียบงัน ฉากนั้นไม่คุ้นเคยและเต็มไปด้วยความรกร้างว่างเปล่า
“หวังว่าคงไม่ผิดทางหรอกนะ……”
เย่ฟ่านมั่นใจว่านี่คือที่ดินผืนนั้น อย่างไรก็ตามพื้นดินอันบริสุทธิ์ที่เดิมที่เขาเคยไปนั้นเปลี่ยนเป็นรกร้างว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
เย่ฟ่านคิดว่าเขาได้เข้าสู่ภาพลวงตาในขณะที่เขาหลับตาและพยายามใช้การเต้นของหัวใจของตัวเองเพื่อสัมผัสถึงการเต้นของหัวใจจักรพรรดิอสูรอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถตรวจจับสิ่งใดได้ และมีเพียงความเงียบงัน ที่นี่คือผืนดินที่แห้งแล้งอย่างแน่นอน
เขามองไปรอบๆพื้นที่อย่างระมัดระวังและได้ข้อสรุปที่ทำอะไรไม่ถูก ทุกอย่างเป็นเรื่องจริงและพื้นที่นี้ไม่มีที่ดินแดนบริสุทธิ์แม้แต่นิดเดียว
“มันจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร……”
เย่ฟ่านขมวดคิ้วขณะที่เขามาถึงภูเขาหินทั้งห้าอีกครั้ง ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นเศษผ้าบนพื้น
“มันเป็นของผังป๋อ…….”
เย่ฟ่านยังคงตรวจสอบพื้นที่อย่างระมัดระวังแต่ก็รู้สึกผิดหวัง ผืนดินที่แห้งแล้งนี้ไม่มีอะไรเลย ร่องรอยของผังป๋อและอสูรผู้ยิ่งใหญ่ก็หายไปหมดสิ้น
หลังจากมองผ่านพื้นที่นั้นไปไม่รู้กี่รอบ เย่ฟ่านก็นอนลงบนพื้นทรายอย่างเฉื่อยชาในขณะที่เขาคิดอย่างรอบคอบและตั้งสมมติฐานก่อนจะถอนหายใจออกมาในที่สุด
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เขาไม่มีทางพบผังป๋อได้เลย และแม้ว่าเขาจะพบร่องรอยจริงๆ เขาก็ไม่มีความสามารถช่วยชีวิตผังป๋อได้
ในที่สุดเย่ฟ่านก็เลือกที่จะจากไป เขาไม่แน่ใจว่าเขาจากไปวันนี้จะได้เจอผังป๋ออีกไหม
เมื่อมาถึงอีกฟากหนึ่งของดวงดาว คนทั้งสองได้แบ่งปันทุกข์สุขร่วมกันราวกับเป็นพี่น้อง ตอนนี้พวกเขาแยกจากกันในลักษณะนี้ เย่ฟ่านรู้สึกหงอยเหงาขณะที่เขาเดินจากไปทีละก้าว
หลังจากเดินไปหลายร้อยลี้ เย่ฟ่านก็เดินกลับมาที่สุสานของจักรพรรดิอสูรอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้มีผู้ฝึกฝนที่แข็งแกร่งหลายคนรวมตัวกันอยู่ที่นั่นบนท้องฟ้า
สุสานนั้นลอยอยู่กลางอากาศและส่องแสงสีทองออกมาอย่างไม่สิ้นสุด
ในขณะนี้ ได้ยินเสียงดังก้องขณะที่ท้องฟ้าดูเหมือนจะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
รถศึกโบราณที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมที่หล่อจากทองคำและสลักอักขระเต๋ามากมายหนาแน่นก็ส่งเสียงดังกึกก้องพร้อมกับพุ่งทะยานเข้าหาวิหารโบราณด้วยความมุ่งมั่น
ในระยะไกล ผู้ฝึกตนหลายคนสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ บุคคลที่น่าประทับใจอีกคนหนึ่งมาถึงแล้ว และใบหน้าของทุกคนก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
มีเพียงคนของตระกูลจี้เท่านั้นที่แสดงออกถึงความยินดี
มังกรวารีสีฟ้าเก้าตัวลากรถศึกสีทองโบราณผ่านหมอกครึ้มมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของผู้คนตระกูลจี้ หลังจากนั้นก็เงียบสนิท
ในทันใดนั้นก็มีเสียงบทเพลงดังออกมาจากท้องฟ้า กลีบดอกไม้ถูกโปรยปรายลงมาเป็นระยิบระยับพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นที่หอมอบอวล
พร้อมกันนั้นหญิงสาวมากมายในชุดขาวก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับรถม้าคันหนึ่ง ท่าทางของพวกนางเย็นชาปลีกตัวห่างไกลจากโลก
รถมาคันนั้นเป็นสีทองและถูกประดับประดาด้วยดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์มากมาย ขณะที่มันเคลื่อนไปอย่างสง่างามดอกไม้ก็โปรยปรายจากฟากฟ้าทำให้บรรยากาศรอบๆซากปรักหักพังงดงามเป็นพิเศษ
ผู้ฝึกตนทุกคนต่างตกตะลึง บุคคลที่น่าสะพรึงกลัวอีกคนมาถึงแล้ว วิหารโบราณแห่งนี้ดึงดูดผู้ฝึกตนที่เข้มแข็งหลายคนให้มารวมกันที่นี่ ไม่ทราบว่าแท้ที่จริงแล้วของวิเศษที่อยู่ภายในคืออะไรกันแน่
เย่ฟ่านสงบลงแล้วถึงแม้เขาจะไม่พบผังป๋อ แต่เขาเชื่อมั่นว่าผังป๋อจะไม่ตายและวันหนึ่งพวกเขาจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
“ข้าจะแข็งแกร่งขึ้น หลังจากนี้จะไม่มีผู้ใดสามารถกำหนดชะตากรรมของข้าได้อีก!”
เย่ฟ่านรู้สึกผิดหวัง แต่ภายในดวงตาของเขามีแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งประกายอย่างมั่นคง
เนื่องจากเขาได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางของผู้ฝึกตนแล้ว เป้าหมายปัจจุบันคือการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นและด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถช่วยชีวิตผังป๋อได้