ตอนที่แล้ว457 - การเปลี่ยนแปลง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป459 - เครื่องบรรณาการ

458 - รากฐานที่แข็งแกร่ง


458 - รากฐานที่แข็งแกร่ง

“1 จ้างเท่ากับ 12 เซนติเมตร 100 เซนติเมตรเท่ากับ 1 เมตร…”

ในเช้าวันที่ 16 ของเดือนเพ็ญที่ 11 ป้ายโฆษณาที่สร้างขึ้นใหม่ถูกแขวนไว้ที่ลานภายในของสำนักงานการผลิตของมณฑลหวงหลง ป้ายมีตัวอักษรสีทองสามตัว “สำนักงานการผลิต”

ภายในห้องห้องหนึ่งเอี้ยนลี่เฉียง เฉียนซูและกลุ่มช่างฝีมือได้เมตรงอุปกรณ์วัดมาตรฐานใหม่ล่าสุดที่สำนักผลิตทำไว้ในตู้โชว์อย่างระมัดระวัง

นับจากนี้เป็นต้นไปสำนักงานการผลิตจะใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นเครื่องมือวัดมาตรฐาน

เครื่องมือวัดใหม่นี้ทำจากเหล็กอุกกาบาตที่แพงที่สุดผสมกับทองคำ พวกมันแน่น ทนต่อการสึกหรอ และไม่แตกหัก ตราบใดที่ไม่ได้โยนเข้าไปในเตาเผา

เอี้ยนรู้สึกแปลกๆเมื่อเขามองไปที่ไม้บรรทัดโลหะที่มีความยาวต่างๆรวมทั้งก้อนโลหะที่มีน้ำหนักต่างกันและกระบอกตวงโลหะ อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้เขากำลังสร้างประวัติศาสตร์ในโลกนี้ในระดับหนึ่ง

เมื่อเขายังอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ เอี้ยนลี่เฉียงได้พูดคุยเกี่ยวกับการวัดหน่วยกับปรมาจารย์จาง และประมาจารย์จางก็เห็นด้วยกับเอี้ยนลี่เฉียงว่ามีข้อบกพร่องอย่างมากกับมาตรฐานการวัดในปัจจุบันในโลกนี้

ข้อบกพร่องนั้นไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาเส้นทางของกลไก เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เอี้ยนจึงใช้เวลาสองวันในการแนะนำหน่วยวัดที่เขาคุ้นเคยกับสำนักการผลิตโดยใช้มาตราวัดที่เขาใช้กันในโลกเดิมของเขา

ด้วยหน่วยวัดความยาวมาตรฐานเหล่านี้ หน่วยสำหรับพื้นที่และปริมาตรก็ถูกตั้งค่าไว้ด้วย พื้นที่ที่มีด้านละหนึ่งเซนติเมตรจะเท่ากับหนึ่งตารางเซนติเมตร

ในขณะที่ลูกบาศก์ที่มีด้านละหนึ่งเซนติเมตรจะมีปริมาตรหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตร ในเวลาเดียวกันหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตรก็เท่ากับปริมาตรของหนึ่งลิตร และหนึ่งลูกบาศก์เมตรก็เท่ากับหนึ่งพันลิตร…

ด้วยการวัดปริมาตรและพื้นที่ เอี้ยนลี่เฉียงได้กำหนดหน่วยน้ำหนักเมตริกใหม่ โดยกำหนดให้น้ำหนึ่งลิตรที่อุณหภูมิห้องมีค่าเท่ากับหนึ่งกิโลกรัม

หนึ่งกิโลกรัมเท่ากับหนึ่งพันกรัม และหนึ่งตันมีค่าเท่ากับหนึ่งพันกิโลกรัม

ในห้องโถงอุปกรณ์วัด เอี้ยนลี่เฉียงถือเครื่องมือวัดที่ผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถัน และอธิบายความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยวัดต่างๆ กับหัวหน้าช่างอาวุธในสำนักงานการผลิต

หลังจากที่เขาวางตุ้มน้ำหนักมาตรฐานหนึ่งกิโลกรัมที่ทำจากโลหะ เอี้ยนก็หยิบจานกลมขึ้นมาและชี้ไปที่ตาชั่งและตัวอักษรที่ทำเครื่องหมายไว้บนจานจากนั้นเขาก็อธิบายให้ทุกคนฟังว่า

“นอกจากเครื่องมือวัดเหล่านี้แล้ว ข้าขอแนะนำวิธีการวัดจับเวลามาตรฐานให้กับพวกเจ้าทุกคน ข้าแน่ใจว่าทุกคนเคยชินกับการที่โลกนี้มีเวลา 12 ชั่วยาม

สำหรับเวลาแบบใหม่ที่ข้าคิดค้นขึ้นจะไม่ยุ่งยากมากเกินไปเพราะพวกเราจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองเท่า

และเราจะทำเครื่องบอกเวลาที่ชัดเจนไม่ใช่การมองดูดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ ในฐานะช่างฝีมือเราต้องใช้มาตราวัดและเวลาที่แม่นยำที่สุด…”

ช่างฝีมือแก่ๆกระแอมและพูดขึ้นว่า

“อะแฮ่ม… อันที่จริง นอกจากชั่วยามทั้ง 12 ที่เราเปลี่ยนใหม่แล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่จะเปลี่ยนช่วงเวลาที่เล็กที่สุดอย่างการนับลมหายใจหรือไม่ …”

"ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้ข้าก็ต้องขอบอกว่า 'ช่วงเวลาหนึ่งลมหายใจ' 'ในพริบตา' 'เวลาที่ใช้ในการชงชา 1 ป้าน' และ '1 ก้านธูป' ล้วนเป็นหน่วยของเวลา

ให้ข้าถามพวกเจ้าทุกคนว่า 'หนึ่งลมหายใจ' มีเวลาเท่าไร? การชงชาหนึ่งป้านพวกเจ้าใช้เวลานานกี่ลมหายใจ?” เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มขณะที่เขาตั้งคำถาม

“ก็ข้าไม่เคยนับมาก่อน บางที… ประมาณสองถึงสามร้อย?”

“ถ้าอย่างนั้น สมมุติว่าช่วงเวลาชงชา 1 ป้าน เจ้าสามารถหายใจได้สองร้อยครั้ง ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดว่าคนอื่นจะคิดเหมือนกับเจ้าหรือไม่? เมื่อเจ้าพูดว่า '10 ลมหายใจ' เจ้าคิดว่าระยะเวลาของการหายใจ 10 ครั้งเท่ากันสำหรับทุกคนหรือไม่”

“ก็…” ช่างฝีมือสูงวัยถึงกับพูดไม่ออกในทันที

“คำตอบก็คือแน่นอนว่ามันแตกต่างกัน สำหรับคนต่างๆเวลาที่ใช้ในการหายใจเข้าหนึ่งครั้งและหายใจออกหนึ่งครั้งนั้นแตกต่างกัน

เด็กและผู้ที่มีสุขภาพร่างกายอ่อนแออาจหายใจค่อนข้างเร็ว แต่การหายใจจะช้าขึ้นเมื่ออยู่ในผู้ที่มีความแข็งแรงมากกว่า โดยเฉพาะยอดฝีมือ

ระยะเวลาของการหายใจหนึ่งครั้งนั้นเทียบเท่ากับการหายใจสิบครั้งสำหรับคนปกติ ยกตัวอย่างห้องนี้ลมหายใจเดียวของข้าแตกต่างจากลมหายใจของคนอื่น

โดยพื้นฐานแล้วพวกเจ้าส่วนใหญ่ต้องหายใจหกครั้งหรือมากกว่านั้นในขณะที่ข้าหายใจเพียงครั้งเดียว ดังนั้นสิบลมหายใจของพวกเจ้าและสิบลมหายใจของข้าจึงแตกต่างกัน

เจ้าบอกว่าช่วงเวลาการชงชาหนึ่งป้านเท่ากับ 200 ลมหายใจ แต่สำหรับข้าการชงชา 1 ปั้นใช้เวลาไม่กี่สิบลมหายใจเท่านั้น

ในทำนองเดียวกัน ‘เวลา 1 ก้านธูป' ก็เหมือนกัน เนื่องจากธูปประเภทต่างๆใช้เวลาในการเผาต่างกัน ดังนั้นสำหรับเวลาควรมีการวัดที่เป็นมาตรฐาน…

นับจากนี้เป็นต้นไป เวลา 12 ชั่วยามจะถูกเปลี่ยนเป็น 24 ชั่วโมง ทุกช่วงเวลาจะถูกแบ่งออกเป็น 2 เท่า 1 ชั่วโมงเท่ากับ 60 นาที 1 นาทีเท่ากับ 60 วินาที ทุกๆ 1 ใน 4 ชั่วโมงคือสิบห้านาที

แล้วพวกเจ้าสงสัยหรือไม่ว่า 1 วินาทีนานแค่ไหน? นั่นคือระยะเวลาที่เราใช้ในการออกเสียง หนึ่ง สอง สาม สี่ ด้วยความเร็วที่รวดเร็วเล็กน้อย

ทุกคนสามารถลองกับข้า หนึ่ง สอง สาม สี่ และแต่ละอันประมาณหนึ่งวินาที เพื่อให้แม่นยำยิ่งขึ้น หนึ่งวินาทีคือระยะเวลาที่ไข่จะตกลงสู่พื้นเมื่อตกลงมาจากต้นไม้สูงห้าเมตร

ปัจจุบัน เราไม่มีเครื่องมือใดๆที่จะวัดได้อย่างแม่นยำในหนึ่งวินาที แต่การไม่มีตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถใช้ในอนาคต ใครก็ตามที่สามารถประดิษฐ์เครื่องมือวัดเพื่อวัดเวลาเป็นวินาทีได้จะได้รับรางวัลเป็นเงินหนึ่งหมื่นตำลึง…”

'เงินหนึ่งหมื่นตำลึง?' คำพูดของเอี้ยนสร้างความโกลาหลให้กับกลุ่มช่างฝีมือ ดวงตาของช่างฝีมือหลายคนเป็นประกายทันที...

“จากนี้ไป ทุกคนในสำนักงานการผลิตควรสร้างนิสัยในการใช้เครื่องมือวัดที่แสดงอยู่ในห้องเครื่องมือวัดเพื่อกำหนดการวัดทั้งหมด

รายการใดๆที่จะผลิตต้องใช้ชุดมาตรฐานการวัดใหม่เหล่านี้เพื่อกำหนดความยาว น้ำหนัก และขนาดได้อย่างถูกต้อง เวลาที่จำเป็นสำหรับแต่ละกระบวนการควรถูกต้องเป็นนาที

ตัวอย่างเช่นช่วงเวลาระหว่างการใช้สีชั้นแรกและชั้นที่สองควรกำหนดเป็นนาทีเพื่อกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแทนที่จะอาศัยเพียงประสบการณ์

ขนาดสำหรับเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ซับซ้อนจำนวนมากต้องมีความแม่นยำเป็นมิลลิเมตรหรือเดซิมิลลิเมตร เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทำจากโลหะแปรรูปควรมีความแม่นยำถึงหน่วยกรัม

พวกเจ้าบางคนอาจไม่เข้าใจว่าทำไมข้าจึงเน้นเรื่องนี้ในสำนักงานการผลิต แต่ให้ข้าบอกเจ้าว่าภายในไม่กี่วันนี้ เราได้รับคำสั่งซื้อรถม้าสี่ล้อแล้วกว่าสามสิบคัน

เงิน 170000 ถึง 180,000 ตำลึงอยู่ในบัญชีของเราแล้ว เนื่องจากเราเก็บเงินก่อนที่เราจะส่งมอบผลิตภัณฑ์ ดังนั้นครึ่งหนึ่งของเงินพวกนี้จะเป็นของพวกเจ้า

นี่เป็นเพียงคำสั่งซื้อจากแคว้นผิงซีเท่านั้น และจะมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต อีกหลายคนจะอิจฉาเราและพวกเขาจะเริ่มเลียนแบบรถม้าของเรา

หากเจ้ากำลังคิดที่จะมีชีวิตที่ดีในอนาคตและกำลังคิดที่จะได้เงินโบนัส(ภาษาจีนก็ใช้คำว่าโบนัสเลย)ประจำปีก้อนโต เราจำเป็นต้องมีผลงานที่ดีกว่าคนอื่นๆ

เราต้องดีกว่าพวกเขา และเพื่อที่จะทำสิ่งนี้ได้ เราต้องมีกรอบความคิดที่พยายามปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง

“ท่านแม่ทัพใหญ่วางใจเถอะ เรารู้ว่าต้องทำอย่างไร!” หัวหน้าช่างอาวุธหลายคนต่างก็ทุบหน้าอกเพื่อแสดงความตั้งใจจริง

ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็โล่งใจและหันไปมองเฉียนซูพร้อมกับกล่าวว่า

“ลุงเฉียน ข้าคิดว่าสำนักการผลิตสามารถเอาเงินห้าหมื่นตำลึงเพื่อแจกจ่ายให้ทุกคนก่อนเพื่อเป็นรางวัลสำหรับการทำงานหนักและแรงจูงใจในการทำงาน

ให้พวกเขาได้สัมผัสกับแนวคิดของการกระจายโบนัส ในอนาคตยิ่งสำนักผลิตหาเงินได้มากเท่าไร โบนัสก็จะยิ่งแจกให้ทุกคนมากขึ้นเท่านั้น

กฎที่ข้าตั้งไว้ในสำนักต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทุกถ้อยคำเป็นของจริง เช่นเดียวกับรางวัลและการลงโทษ…”

“เอาล่ะ ข้าจะจัดการและแจกจ่ายให้ภายในวันนี้ เพื่อให้ทุกคนมีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้น!” เฉียนซูพยักหน้าเพราะเขาเข้าใจเจตนาของเอี้ยนลี่เฉียง

สำนักงานการผลิตได้แจกโบนัสให้กับทุกคนในตอนบ่าย ทุกคนในสำนักงานการผลิตตั้งแต่ช่างฝีมือไปจนถึงหัวหน้าช่างอาวุธ ทหาร และแม่บ้านรวมไปถึงพ่อครัว ต่างก็ตื่นเต้น

ตามการคำนวณ แม่บ้านที่เป็นสมาชิกระดับต่ำสุดในสำนักก็ยังได้รับส่วนแบ่งคนละสิบสี่ตำลึง หัวหน้าช่างอาวุธถือหุ้นละสามสิบหุ้นและทุกคนได้รับเงินประมาณสี่ร้อยตำลึง

ช่างฝีมือและทหารที่ธรรมดาที่สุดมีสามหุ้นและได้รับเงินคนละสี่สิบตำลึง หลายคนหลั่งน้ำตาด้วยความปิติยินดีในขณะที่ประคองเงินอันสดใสและเป็นประกายอยู่ในมือ

(หลังจากนี้คนเขียนได้ใช้มาตราวัดรวมทั้งเวลาแบบยุคใหม่ทั้งหมด อันนี้บอกไว้ก่อนครับเดี๋ยวจะหาว่าผมแปลสับไปสับมา 555 )

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด