Special District 9 ตอนที่ 237 ความตั้งใจของเย่หลิน
ตอนที่ 237 ความตั้งใจของเย่หลิน
หลังจากนั้นยี่สิบนาที
จ่าวเปาเดินสะบักสะบอมออกมาจากจอยพาเลซ เขาเอามือขวากุมแผลเสื้อผ้าเปรอะไปด้วยเลือดขณะรีบเดินไปหาหม่าเหลาเอ๋อ “ทำไมถึงทิ้งฉันไว้ที่นั่นละ? นายยังเป็นคนอยู่ไหม...หืม?”
“ก็ฉันคิดว่านายจะออกมาพร้อมกันนี่นา” หม่าเหลาเอ๋อพูดเสียงเบา
“ตาบอดรึไง? ฉันอยู่ข้างๆ นายเลยนะ!”
“ฉันไม่ได้สนใจ”
“นายคงสนใจแค่เวลาที่ฉันจ่ายเงินใช่ไหม?” จ่าวเปาถามโดยจ้องอีกฝ่ายเขม็ง
หม่าเหลาเอ๋อพูดไม่ออก
“คุณเป็นไงบ้าง?” ฉินอวี่เดินเข้ามาถาม
จ่าวเปาหันไปตอบฉินอวี่ “คุณเห็นฉันสบายดีอยู่เหรอ?”
ที่จริงแล้วฉินอวี่ก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง เพราะนอกจากนี้เขายังไปแกล้งจ่าวเป่าในห้องน้ำอีก แต่จ่าวเปายังไม่ได้ทำอะไรให้เขาเลยแถมยังจ่ายค่าไวน์ให้อีก ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างเคอะเขิน “ไปเถอะ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
“ผมไม่ไปโรงพยาบาล! ไม่ไปไหนทั้งนั้น” จ่าวเปาพูดด้วยความหงุดหงิด
“นี่เพื่อน เราไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยนายไว้กับพวกนั้นซะหน่อย” แมวเฒ่าเอื้อมมือออกไปตบไหล่ของจ้าวเปาเบาๆ พร้อมปลอบประโลม “เอาน่า...เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะพาไปเลี้ยงข้าวสักมื้อโอเคไหม? เพราะงั้นอย่าโกรธกันเลย”
จ่าวเปาหันไปมองแมวเฒ่าก่อนจะพูดตำหนิอีกฝ่าย “นายนั่นแหละตัวดีเลย!”
“จะให้ทำไงล่ะ?” แมวแก่พูดพลางผายมือออก
“ฉันจะหาโอกาสเปิดโปงความเน่าเฟะของพวกนายแน่” จ่าวเปาพูดขณะเบือนหน้าหนีไปทางถนน
“พอเถอะ พาเขาไปโรงพยาบาลเพื่อดูอาการ” ฉินอวี่ขมวดคิ้ว
“นายหยุดพวกนั้นได้รึเปล่าล่ะ หยุดไม่ให้มาต่อยตีกัน” แมวเฒ่าพูดต่อ “หยุดไม่ได้ไม่เท่าไหร่ แต่ที่พวกเขาจะมาปรับเงินนี่มันมากเกินไปแล้วนะ”
“ตอนนี้ฉันไม่มีเงินพอจ่าย” หม่าเหลาเอ๋อเน้นย้ำ
จ่าวเปาเดินข้ามถนนไปและหันหน้ากลับมา
“จะไปโรงพยาบาลเหรอ?” แมวเฒ่าถาม
“ไปหาเพื่อน!” จ่าวเปาพูดขณะหรี่ตา “ฉันจำได้ว่าฉันออกมาข้างนอกคนเดียว แต่เพื่อนของฉันล่ะ?”
“อ๋อ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาก็เลยออกไปก่อน” หม่าเหลาเอ๋อตอบอย่างแผ่วเบา
เมื่อจ่าวเปาได้ยินดังนั้นเขาจึงขมวดคิ้วพร้อมถาม “อ้าว...ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่เกี่ยวกับพวกนาย ทำไมถึงยังคิดว่าฉันเป็นพวกนายล่ะ? แถมยังโดนหางเลขปรับห้าหมื่นไปด้วย”
“ก็นายยืนอยู่หน้าห้องกับหม่าเหลาเอ๋อเลยนี่นา แถมตอนอยู่ในห้องนายก็เล่นเป็นเจ้าภาพซะขนาดนั้น ถ้าพวกบริกรจะเข้าใจผิดก็ไม่แปลก” แมวเฒ่าอธิบาย
“เดี๋ยว...ให้ตายเถอะ!” จ่าวเปากัดฟันและหันหลังกลับ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ทุกคนมองแผ่นหลังที่อ้างว้างของจ่าวเปาและยืนหัวเราะอยู่อย่างนั้น
“เจ้านียิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งอยากแกล้งอีก!” หม่าเหลาเอ๋อหัวเราะชอบใจ “ตอนที่เขาถูกพวกนั้นชกเขาก็ก้มมาอยู่ตรงขาของฉันและเอามือจับฉันไว้แน่นเลยล่ะ...ยิ่งเขาตะโกนว่าไม่เกี่ยวอะไรด้วยพวกนั้นก็ยิ่งทุบตี...ฮ่าฮ่า!”
...
ในรถ
อาเฟิงนั่งขับรถเขาจับพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่งก่อนเหลือบดูกระจกมองหลังและถามคนที่อยู่เบาะหลัง “ซ้อครับ คุณจะเอาไงกับพวกหมิงเฟยต่อ?”
“ไม่” เย่หลินเท้าคางพลางขมวดคิ้ว “หมิงเฟิยให้เงินห้าหมื่นหยวนแล้วเหรอ?”
“ใช่ครับ ดีจริงๆ” อาเฟิงพยักหน้า
“หมิงเฟยคนนี้โอเค มั่นคงกว่าที่ฉันคิดนิดหน่อย” เย่หลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ซ้อครับ ผมไม่เข้าใจบางอย่าง...” อาเฟิงหรี่ตา “เราไม่เคยสุงสิงกับพวกตระกูลเป่ยมาก่อน ทำไมพวกเขาถึงปล่อยให้หยินหมิงเฟยคนนี้มาคุยด้วยล่ะ?”
“มันไม่ง่ายเลยที่เฒ่าเป่ยจะชิงตำแหน่งประธานสภาเจียงหนานได้ และเขาก็ไม่ยอมให้เฒ่าหลี่เดินเหินได้สะดวกหรอกเพราะชื่อเสียงหวู่เหวินเฉิงนั้นก็เสียไปหมดแล้ว เขาจึงให้พวกของเขาลงสมัครตำแหน่งนั้นแทน ไม่งั้นเขาจะได้หน้าเหรอ?” เย่หลินตอบเสียงเรียบ “เขาขอให้หมิงเฟยมาคุยกับฉันเพียงเพราะเขาต้องการใช้ความสัมพันธ์ของเราในรัฐสภาเพื่อขัดแข้งขัดขาผู้อำนวยการหลี่ ที่เขาทำทั้งหมดคงเพื่อเรียกชื่อเสียงทั้งหมดกลับมาล่ะนะ”
“นั่นสินะครับ” อาเฟิงเฟิงพยักหน้า “ถ้าอย่างงั้นซ้อก็ไม่คิดจะร่วมธุรกิจกับตระกูลเป่ยใช่ไหม?”
“ไม่ล่ะ” เย่หลินตอบอย่างตรงไปตรงมา “คุณพี่ไม่ได้สนใจเรื่องของซ่งเจียงมานาน เขาจึงไม่อยากเข้าไปยุ่มย่ามกับการเลือกตั้งกับสมาชิกอีกแล้ว”
“แสดงว่าซ้อเลือกฝั่งเฒ่าหลี่หรอ?”
“เรื่องที่หวู่เวินเซิ่งตายแสดงให้เห็นถึงอำนาจทางการเมืองของผู้อำนวยการหลี่” เยหลินตอบอย่างเฉยเมย “ฉันคิดว่ามันหมดยุคของเฒ่าเป่ยแล้วล่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ” อาเฟิงพยักหน้า
“เดี๋ยวแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ข้างหน้านะ ฉันอยากซื้ออะไรหน่อย” เย่หลินสูดดมกลิ่นในรถ “ในรถมีกลิ่นอับนะ นายช่วยดูแลเรื่องนี้ด้วย”
“ผมปล่อยให้คนทำความสะอาดตอนกลางคืนน่ะครับ” อาเฟิงตอบอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่นาทีต่อมารถก็หยุดจอด เย่หลินลงจากรถและหันกลับมา “เฒ่าหลี่มองเกมออกเป็นอย่างดี เขารู้ถึงความตั้งใจของฉัน พรุ่งนี้ฉันจะไปเจอเขา...นายก็ไปกับฉันด้วยล่ะ”
“ได้ครับ”
...
ที่บ้านของจ่าวเปา
จ่าวเปาซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำและถอดเสื้อผ้าสกปรกของเขาออกก่อนโทรหาเพื่อนเพื่อถามอะไรบางอย่างพลางผลักประตูเข้าไปในห้องนั่งเล่น
ชั้นบนมีหญิงอ้วนคนหนึ่งเดินลงมาและถามด้วยความประหลาดใจ “นี่ลูกไปโดนอะไรมา?! ไปมีเรื่องกับใครกัน? ทำไมมีแต่แผลอย่างงี้ล่ะ?!”
จ่าวเปาได้ยินดังนั้นจึงบอกให้แม่ของเขาเงียบทันที “ชู่ว...อย่าตะโกนสิแม่ จะเสียงดังทำไม”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับลูกเนี่ย?” อีกฝ่ายถามขณะเดินลงบันไดมา
“ไม่...ผมไม่เป็นไร พ่อหลับอยู่หรือเปล่า?” จ่าวเปากระซิบถาม
“ในวันส่งท้ายปีเก่าของบริษัทแบบนี้ พ่อเขาก็ไปเล่นไพ่กับพวกผู้นำตามเคย”
หลังได้ยินจ่าวเปาก็พูดอย่างโล่งอก “อ๋อ...ไม่อยู่บ้าน”
“ไปทำอะไรแผลงๆ มา?”
“ทำเรื่องที่กล้าหาญมา!” จ่าวเปาทิ้งประโยคนี้ไว้ก่อนเดินหนีขึ้นไปชั้นบน
แม่จ่าวเปายืนงง “พูดบ้าอะไรน่ะ? ลูกทำอะไรกล้าหาญมาอย่างงั้นเหรอ?! นี่มันอะไรกันเนี่ย?!”
“พลั่ก!”
จ่าวเปาเปิดประตูเข้าห้องไป
...
จ่าวเปากำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยความปวดระบมตามร่างกาย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความถึงหลินเหนียนเล่ย “ลืมไปเลย ผมขออวยพรให้คุณมีความสุขในปีใหม่นะ ขอให้สวยวันสวยคืนล่ะ ชายผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่า...อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นด้วยตา เพราะนั่นไม่เป็นความจริงเสมอไป!”
"ไปนอนได้แล้ว!" หลินเหนียนเล่ยตอบกลับทันที
“เหนียนเล่ย พรุ่งนี้ฉันจะไปที่หน่วยเพื่ออธิบายทุกอย่างให้คุณฟัง ตกลงไหม?”
“ถ้าคุณส่งข้อความมาอีกฉันจะบล็อกคุณทันที!”
...
วันที่สอง
เฒ่าหลี่โทรหาฉินอวี่และสั่งการ “นายหาเวลาไปถามที่เจียงโจวหน่อยสิว่าจะเพิ่มสินค้าให้อีกได้ไหม?”
“ทำไมล่ะ?” ฉินอวี่ตอบกลับด้วยความสงสัย “ตอนนี้เรามีสินค้าตั้งเยอะแล้วนะ”
“ถามไปอย่างนั้นแหละ” เฒ่าหลี่ทิ้งคำพูดไว้และกดวางสายไป
……….……….……….……….