80Y-ตอนที่ 93 7มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเส้นทางปีศาจ
หลังจากที่ หลินจิ่วเฟิง เอาชนะปีศาจได้ เขาก็ได้รับทักษะเคลื่อนกระบี่และจากไปอย่างมีความสุข
แต่ทว่าปีศาจภายในถ้ำกลับรู้สึกหดหู่อย่างมาก
ปีศาจที่พ่ายแพ้ในวันนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากราชาปีศาจผิงเทียน
ทำไมพวกปีศาจเหล่านี้จึงสามารถบอกได้ว่า หลินจิ่วเฟิง แข็งแกร่งขึ้น?
เพราะ หลินจิ่วเฟิง ใช้เพียงพลังฝ่ามือเบา ๆ ในการสร้างการโจมตีที่เรียบง่าย แต่ทว่ามันกลับทำให้ ราชาปีศาจผิงเทียน ต้องบาดเจ็บสาหัส
ราชาปีศาจผิงเทียน เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งถ้ำปีศาจแห่งนี้ และ เขายังเป็น 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าปีศาจ
ความแข็งแกร่งของเขาอยู่บนจุดสูงสุดของบรรดาผู้ที่อยู่ที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้น รูปร่างที่แท้จริงของเขาก็คือ กระทิง ขนาดใหญ่
เขามีผิวที่หยาบหนาที่เป็นเกราที่แข็งแกร่ง
เขาสามารถทนต่อการโจมตีประเภทกายภาพได้ดีมาก
แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพอ่อนแอหลังจากจำศีลมาอย่างยาวนาน แต่บรรดาผู้ที่อยู่ในอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์ก็ไม่มีทางที่จะทำร้ายเขาได้ด้วยโจมตีจากฝ่ามือธรรมดาได้อย่างแน่นอน
แม้แต่ ผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของถ้ำสวรรค์ก็ยังไม่สามารถทำได้
แต่หลินจิ่วเฟิงกลับทำได้
นี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่อยากจะเห็น
เพราะสิ่งนี้ได้บ่งชี้ว่า หลินจิ่วเฟิง ได้แข็งแกร่งมากขึ้นอีกครั้ง
พวกเขาได้เฝ้าดู หลินจิ่วเฟิง แข็งแกร่งขึ้นในทุกวัน และ ไม่มีใครเป็นคู่ต่อกรเขาได้เลย
พวกปีศาจเหล่านี้ต่างถูกกดขี่มาตลอดระยะเวลาหลายปี
ในสมัยก่อนพวกมันล้วนเป็นผู้ทรมานผู้อื่น
แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้าม
นี่คือผลพวงแห่งกรรมอย่างแท้จริง
ราชาปีศาจผิงเทียนได้ลุกขึ้นและเช็ดโลหิตออกจากมุมปากของเขา เขาไม่ได้รู้สึกแย่เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ เพราะตอนที่เขาออกไปท่องโลกตอนนั้น เขาได้รับบาดเจ็บนับไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งเป็นเนื้อผิวที่หนาและแข็งแกร่งของเขาที่สามารถช่วยเขาให้อดทันผ่านมันมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากลักษณะพิเศษทางร่างกาย อาการบาดเจ็บภายในล้วนสามารถรักษาให้หายดีได้ในระยะเวลาอันสั้น
แน่นอนว่า ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังฟื้นฟูที่ดีเยี่ยมแต่สภาพจิตใจของเขากลับตรงกันข้าม
ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรไปจากคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
เขาได้เงยหน้าขึ้นด้วยความสลดใจและพึมพัมออกมา“พวกเรายังมีโอกาสที่จะออกไปจากที่นี่ได้อยู่หรือไม่?”
คำถามนี้ทำให้ปีศาจจำนวนมากต่างพูดไม่ออก
หลินจิ่วเฟิง น่ากลัวเกินไป
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อีกฝ่ายได้ทิ้งเงาในใจของพวกเขาเอาไว้
จะต้องรู้ว่าพวกเขาต่างก็เป็นปีศาจที่ทรงพลัง-เป็นปีศาจที่ครั้งนึงเคยปกครองดินแดนของตนเอง
…
หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้รู้เลยว่า ปีศาจเหล่านี้กำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ เขาก็ออกจากพระราชวังใต้ดินและไปที่ลานที่พักของเขาเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะเคลื่อนกระบี่
เขายังไม่อยากจะนึกถึงเรื่องวุ่นวายภายนอก
เมืองหลวงราชวงศ์
ในท้องพระโรง เจ้าหน้าที่ในราชสำนักต่างโต้เถียงกันเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของโลก มีปีศาจจำนวนมากได้ออกมาสร้างปัญหาอีกครั้ง แต่ ละคนได้ตกอยู่ในความทุกข์ยากอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทว่าพวกเขาจะต้องมองหาทางออกของเรื่องนี้
บางคนได้กล่าวว่ายอดฝีมือที่ทางราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาส่งไป ได้เสียชีวิตทั้งหมดขณะที่มีเลือดออกจากปากและทวารทั้ง 7 ของพวกเขา ไม่มีร่องรอยของการได้รับบาดเจ็บที่อื่น ๆ ซึ่งนี่มันแปลกมาก
ทว่าสิ่งนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าปีศาจพวกนี้แข็งแกร่งมากขนาดไหน
“ฝ่าบาท ในโลกปัจจุบันนี้ พวกปีศาจกำลังอาละวาด ไม่เพียงแต่มีพวกปีศาจเท่านั้น ยังมี พวกสัตว์อสูรอีกด้วย มีข่าวลือว่ามีกลุ่มอิทธิพลที่ชื่อว่า 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าอสูรและปีศาจ ได้ปรากฏตัวออกมา…”
“พวกเขาเป็นแกนหลักของปัญหาที่เราเผชิญอยู่ในขณะนี้”หัวหน้าคณะรัฐมนตรีได้ตอบกลับ
ตั้งแต่การเสด็จขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิหยวน เขาก็ได้รับตำแหน่ง หัวหน้าคณะรัฐมนตรี
จนถึงตอนนี้ หัวหน้าคณะรัฐมนตรี คนนี้ก็ยังอยู่
เขาอุทิศทั้งชีวิตให้กับราชสำนักเขาไม่มีบุตรชายที่สืบทอดตำแหน่งของเขา มีเพียง บุตรสาวที่แต่งงานออกไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงอุทิศชีวิตอย่างเต็มที่รับใช้ราชวงศ์
ปีนี้เขาอายุได้ 80 ปีแล้ว แต่สภาพร่างกายและจิตใจของเขายังพร้อมอยู่เสมอ
อันที่จริงเขาเริ่มมีไหวพริบมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่อายุเริ่มมากขึ้น
แม้ว่าฐานการบ่มเพาะพลังของเขาไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ความรู้ของเขาลึกดั่งมหาสมุทร
เขาได้กลายเป็นตัวละครสำคัญที่ทางราชสำนักขาดไปไม่ได้
ซ้ำเขายังเป็นคนที่สอนจักรพรรดิเต๋อเกี่ยวกับการจัดการงานราชกิจ
ดังนั้นจักรพรรดิเต๋อจึงไว้วางใจเขามาก
“ท่านอาจารย์...สถานการณ์ของ 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าอสูรและปีศาจ ที่ท่านพูดถึงเป็นอย่างไร?”
จักรพรรดิเต๋อขมวดคิ้วแน่นและกล่าวถาม
การกลับมาของนิกายปีศาจทำให้เขารู้สึกกังวลอย่างไม่รู้จบ
บัดนี้ยังมีตัวตนของ 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าอสูรและปีศาจอีก
จักรพรรดิเต๋อเข้าใจได้ทันทีว่าพวกนี้จะต้องเป็นตัวตนที่มาจากยุคก่อนหน้านี้ที่เลือกผนึกตัวเองและตื่นขึ้นมาในเวลานี้อย่างแน่นอน
จักรพรรดิเต๋อกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
พวกเขาไม่เพียงแต่ปกครองยุคก่อนหน้านี้ มาจนถึงปัจจุบันพวกเขายังต้องการปกครองอีกยุคหนึ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอีก ซึ่งนี่ได้สร้างความเสียหายและทำร้ายประชาชนธรรมดาของยุคนี้มาก
“ฝ่าบาท กระหม่อมเชื่อว่า นิกายปีศาจเหล่านั้น เหตุผลที่พวกเขาลำพองและก่อจลาจลเป็นเพราะการปรากฏตัวของ 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าอสูรและปีศาจนี้”หัวหน้าคณะรัฐมนตรีได้ตอบกลับ
เขาอายุมากแล้ว
แต่เขายังยืนตั้งหลังตรง
เพียงมองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าเขาเป็นนักวิชาการมาตลอดทั้งชีวิตของเขา
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเป็นแบบอย่างของนักวิชาการอีกด้วย!
นี่คือคำอธิบายที่ดีที่สุดของเขา
“ท่านอาจารย์ 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้เป็นใครกันแน่?”จักรพรรดิเต๋อกล่าวถามด้วยความสงสัย
“พวกเขาคือ มหาปราชญ์แห่งพื้นสมุทร-ราชาปีศาจเจียว ,มหาปราชญ์แห่งความโกลาหล-ราชาปีศาจต้าเผิง,มหาปราชญ์แห่งขุนเขา-ราชาปีศาจกุ้ย,มหาปราชญ์แห่งผืนนภา-ราชาปีศาจหยวน,มหาปราชญ์แห่งชุดขาว ไป่จื่อหลง , มหาปราชญ์แห่งห้วงฝัน หยุนซานไห่”
หัวหน้าคณะรัฐมนตรีได้อธิบายทีละคน
จักรพรรดิเต๋อได้นับอย่างระวังและขมวดคิ้วแน่น“เอ่อ…”
“ไม่ใช่ว่ามันมีแค่มหาปราชญ์ 6 คนหรอกเหรอ?”
หัวหน้าคณะรัฐมนตรีได้สั่นศีรษะ“ตอนแรกกระหม่อมก็สับสนเช่นเดียวกันว่าทำไมถึงมีแค่ 6 มหาปราชญ์แทนที่จะเป็น 7 มหาปราชญ์ แต่แล้วก็มีคนพบว่า มหาปราชญ์จุติสวรรค์-ราชาปีศาจผิงเทียน ยังคงหายสาปสูญ”
“พวกเขาแข็งแกร่งมากขนาดไหนกัน?”จักรพรรดิเต๋อได้กล่าวถามอย่างระวัง
หัวหน้าคณะรัฐมนตรีได้ตอบกลับ“ฐานการบ่มเพาะพลังของพวกเขาอยู่เหนือกว่าอาณาจักรพลังเทพมนุษย์ นอกจากนี้ มหาปราชญ์แห่งพื้นสมุทร-ราชาปีศาจเจียว ,มหาปราชญ์แห่งความโกลาหล-ราชาปีศาจต้าเผิง กล่าวว่าพวกเขาจะเดินทางมาที่เมืองหลวงเพื่อขอดินแดนสำหรับสร้างที่อยู่ให้เผ่าปีศาจ”
“ถ้าพวกเราไม่ทำตามคำเรียกร้องของพวกเขา พวกเขาจะแทนที่เราด้วยราชวงศ์อื่น”
“พวกมันกล้าดียังไงมาข่มขู่ข้า!”จักรพรรดิเต๋อได้ลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเคือง
“ฝ่าบาท พวกเขาเป็นตัวตนที่มีพลังเหนืออาณาจักรเทพมนุษย์,เทพมนุษย์ที่พวกเราหล่อเลี้ยงมาตลอดนับ 10 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถเทียบกับมหาปราชญ์เหล่านี้ได้” หัวหน้าคณะรัฐมนตรีได้ตอบกลับ
จักรพรรดิเต๋อพูดไม่ออก
“พวกเขาจะมาที่นี่เร็ว ๆ นี้ใช่หรือไม่?”จักรพรรดิเต๋อกัดฟันแน่น
“พะยะค่ะ ในช่วงเวลานี้ กระหม่อมคิดว่าจะหารือกับเจ้าหน้าที่ในราชสำนักให้ละเอียดก่อนว่าควรจะยกดินแดนใดให้ไปดี ดังนั้นฝ่าบาทโปรดอดทนไว้”
หัวหน้าคณะรัฐมนตรีได้โค้งคำนับและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา
จักรพรรดิเต๋อต้องการเปิดปากและบอกว่าเขาไม่เห็นด้วย
เขายังไม่ได้ทำสงครามแม้แต่ครั้งเดียว แต่เขากำลังจะสูญเสียดินแดนที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้เขาไป ถ้าเขาแพ้ในลักษณะนี้จริง ๆ เขาจะถูกต่อว่า ว่าเป็นจักรพรรดิที่ไร้ความสามารถตลอดรัชสมัยของเขา
แต่เมื่อดูจากใบหน้าที่ผอมแห้งของ หัวหน้าคณะรัฐมนตรีแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขากังวลกับเรื่องนี้มาก
จักรพรรดิเต๋อทำได้เพียงตอบตกลงเพราะกลัวสุขภาพของหัวหน้าคณะรัฐมนตรี
“ขอบคุณท่านอาจารย์”
“ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกดีใจที่พระองค์ตัดสินใจได้”
หัวหน้าคณะรัฐมนตรีจากไปด้วยความพึงพอใจและเริ่มต้นการประเมินของเขา
แม้ว่าพวกเขาจะให้ดินแดนผืนหนึ่งแก่พวกปีศาจไป แต่มันก็ยังมีข้อควรพิจารณาบางอย่างที่ต้องนำมาใช้
เขาจะต้องใช้ดินแดนที่สามารถโต้ตอบศัตรูนี้ได้
เขาต้องการให้ 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ต้องทุกข์ทน ดังนั้น เขาจะต้องใช้เวลาในการวางแผนพอสมควร
…
จักรพรรดิเต๋อรู้สึกเสียใจภายหลัง จากการไปของหัวหน้าคณะรัฐมนตรี
เขาเป็นจักรพรรดิ แต่กลับถูกคุกคามโดยพวกปีศาจ
และในที่สุด เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกการประนีประนอม?
ในสายตาของจักรพรรดิเต๋อ การเห็นด้วยกับคำขอของพวกปีศาจนั้นเป็นการแสวงหาสันติภาพ
แต่ทว่านี่เป็นการทรยศต่อดินแดนที่บรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ให้เพื่อเห็นแก่ความสงบสุขของตนเอง
“ถ้าข้าตกลงไปครั้งแรก ก็ย่อมมีครั้งที่สอง และสาม...จนนับครั้งไม่ถ้วน”
ในขณะนี้ ประโยคที่เขียนโดยบรรพบุรุษผู้หนึ่งได้ปรากฏขึ้นในความคิดของจักรพรรดิเต๋อ
“วันนี้ยกให้ศัตรู 5 เมือง พรุ่งนี้ก็คงให้อีก 10 เมือง จากนั้นข้าก็นอนหลับได้อย่างสงบสุขเพียงแค่หนึ่งคืน เมื่อข้าตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น กองทัพของราชวงศ์ฉินก็กลับมาอีกครั้ง…”
“ดินแดนของข้ามีข้าราชบริพารที่จำกัดแต่ความโลภของราชวงศ์ฉินทรราชนั้นกลับไร้ขอบเขต”
“ข้าให้ดินแดนพวกเขา 10 ลี้ พวกเขาก็จะขอ 100 ลี้
“ผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว สงครามไม่มีทางที่จะไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว…”
ถ้าเขาทำตัวขี้ขลาดตอนนี้ ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ก็จะถูกรังแกโดยคนอื่นในอนาคต เมื่อถึงตอนนั้น ความตายก็คงคืบคลานเข้ามาใกล้พวกเขา
“ไม่ได้...ข้าจะไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนี้”จักรพรรดิเต๋อได้กล่าวอย่างหนักแน่น
แต่แล้วเขาก็รู้สึกสิ้นหวัง
‘ข้าจะใช้อะไรจัดการกับ 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ เหล่านั้น ที่มีฐานการบ่มเพาะพลังในอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์?’ จักรพรรดเต๋อได้กล่าวถามตัวเอง
คนที่มีอำนาจมากที่สุดภายใต้เขาก็มีพลังระดับสูงสุดของขั้นเทพมนุษย์เท่านั้น
สิ่งนี้เพียงพอที่จะขมขู่กลุ่มอิทธิพลหรือนิกายเล็ก ๆ
แต่หากคิดใช้พวกเขาคุกคาม 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีฐานการบ่มเพาะพลังในอาณาจักรถ้ำสวรรค์ ก็คงจะเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ
“น้องสาวของข้า ได้ปลีกวิเวกมานานกว่า 5 ปีแล้ว ข้าสงสัยว่าตอนนี้นางจะแข็งแกรร่งขึ้นขนาดไหนกัน บางทีข้าน่าจะไปขอความช่วยเหลือจากนาง”
จักรพรรดิเต๋อได้นึกถึงองค์หญิงหยูหลิน ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมื่อ 5 ปีก่อน