80Y-ตอนที่ 92 ไม่ต่างอะไรไปจากตัวตลก
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โลกภายนอกมีความปั่นป่วนเกิดขึ้น รวมถึงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
มีเพียงตำหนักเย็นเท่านั้นที่ยังเหมือนเดิม
มันไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม กำแพงชั้นนอกของตำหนักเย็นบางส่วนก็เริ่มหลุดออก เผยให้เห็นผนังด้านในที่มีรอยด่างสีดำที่เสื่อมโทรมตามกาลเวลา
บ้านที่พักในตำหนักเย็นก็เริ่มพังทลายลง
ตำหนักเย็นแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี
และไม่มีใครปรับปรุงซ่อมแซมมันเป็นเวลานาน ไม่แปลกที่บางส่วนของมันจะเริ่มพังทลาย
โชคดีที่ลานที่พักที่ หลินจิ่วเฟิง เลือกค่อนข้างสะอาดและสะดวกสบาย
เขาไม่ได้วางแผนที่จะเปลี่ยนไปใช้ลานที่พักอื่น
หลังจาก 5 ปีผ่านไป เขาได้ดูดซับโอสถปรับแต่งถ้ำสวรรค์ และ ขยายถ้ำสวรรค์ระดับเทพของเขา
ตอนนี้เขาได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์แล้ว
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เขาได้ทะลวงผ่านอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์และสร้างถ้ำสวรรค์ระดับเทพ
ผ่านไป 10 ปี เขาได้ดูดซับโอสถปรับแต่งถ้ำสวรรค์ และ ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวของ หลินจิ่วเฟิงคือ เขาได้เอาชนะ ปีศาจ ราชาปีศาจ และ เทพปีศาจ ในถ้ำปีศาจไปไม่มากก็น้อย
พวกเขาคือตัวตนอันทรงพลังกว่า 3,000 ตัวที่เป็นปีศาจที่มีชื่อเสียงในยุคก่อน ทุกตัวล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวและยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจในนิกายปีศาจของตนเอง
แต่ในยุคสมัยใหม่นี้ พวกเขาได้ถูกขังอยู่ในถ้ำปีศาจที่พวกเขาผนึกตัวเองเป็นเวลาหลายร้อยปีและกลายเป็น ‘ไข่ฟาร์มมอนเตอร์’ สำหรับ หลินจิ่วเฟิง
1 วัน
365 วันต่อปี
จนกระทั่ง 10 ปีผ่านไป หลินจิ่วเฟิง ได้เอาชนะปีศาจประมาณ 3,600 ตัวจากถ้ำปีศาจเหล่านี้
เหลือเพียงปีศาจ 10 ตัวเท่านั้นที่ หลินจิ่วเฟิง ยังไม่เคยเอาชนะ
สิ่งที่ หลินจิ่วเฟิง ได้รับนั้นแตกต่างกันมาก
ส่วนใหญ่เป็นทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจ
นอกจากนี้ยังมีสมบัติอื่น ๆ
สำหรับโอสถบางอย่าง หลินจิ่วเฟิง ได้บริโภคมันโดยตรง
โอสถที่เขาบริโภคและไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ เขาก็ส่งมันให้กับเจ้าแมวขาว
เจ้าแมวขาวได้กลายเป็นเทพมนุษย์เพียงแค่กินโอสถเหล่านั้น
เดิมทีมันเป็นเพียงแมวธรรมดา แต่กลับได้รับโอกาสท้าทายสวรรค์และได้กินโอสถของจอมมารที่ทิ้งเอาไว้ ทำให้มันกลายเป็นปราชญ์การต่อสู้
ความเร็วในการฝึกฝนของมันช้ามากเนื่องเพราะรากฐานของมันอ่อนแอ
ถึงกระนั้น หลังจากได้รับโอสถและสมบัติจำนวนนับไม่ถ้วนของ หลินจิ่วเฟิง ในการหล่อเลี้ยง มันก็ยังบ่มเพาะพลังไปถึงจุดสูงสุดของขั้นเทพมนุษย์ได้
จากนี้ จะได้เห็นว่า หลินจิ่วเฟิง ได้รับสมบัติมากเพียงใดจากการลงชื่อเข้าใช้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ในวันนี้ หลินจิ่วเฟิง ได้มาที่ถ้ำปีศาจในตอนเช้า
หลังจาก 5 ปีผ่านไป หลินจิ่วเฟิง ก็อายุ 60 กว่า ใกล้จะ 70 แล้ว
เมื่อคิดอย่างรอบคอบก็ตระหนักได้ว่าตนเองอาศัยอยู่ในตำหนักเย็นมาแล้วเกือบ 50 ปี
50ปี…
นี่เป็นช่วงเวลาชีวิตส่วนใหญ่ของมนุษย์ธรรมดา แต่ หลินจิ่วเฟิง กลับกักตัวอยู่ในตำหนักเย็นเพียงลำพัง
ต้องขอบคุณตัวตนของเขาที่สามารถทำได้
คนธรรมดาไม่สามารถทนอยู่ที่นี่ได้นานนัก
เขาอายุเกือบจะ 70 ปี แต่เขายังดูหนุ่มแน่นอยู่
ดวงตาของเขาสว่างไสวราวกับดวงดาวและฟันของเขาเป็นสีขาวราวกับมุก
เขาดูเหมือนบุรุษหนุ่มที่สง่างามและหล่อเหลา
เจ้าแมวขาวก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากเช่นเดียวกัน
ทว่าขนขอมันกลับเปล่งประกายและดูอ่อนนุ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก
หากมองดูครั้งเดียวคนธรรมดาทั่วไปก็สามารถประเมินได้ว่าเจ้าแมวขาวมีสายเลือดที่ไม่ธรรมดา
แต่ในสายตาของ หลินจิ่วเฟิง มันเป็นเพียงแค่แมวจรที่ถูกทอดทิ้งเท่านั้น
“เหตุใดเจ้าถึงต้องไปที่นั่นและสู้กับพวกเขาทุกวัน มันสนุกมากงั้นเหรอที่ได้ทรมานพวกเขา?”
เจ้าแมวขาวได้เดินตาม หลินจิ่วเฟิง และกล่าวถามด้วยความสับสน
“ข้าทรมานพวกเขางั้นเหรอ?”หลินจิ่วเฟิงได้กล่าวถาม
“ใช่ เจ้าเอาชนะพวกเขาด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียวในทุกวัน”เจ้าแมวขาวได้พยักหน้า
มันรู้สึกสับสน
หลินจิ่วเฟิง ได้ครุ่นคิดในใจและตอบกลับ“ข้าว่าจะไม่ลงมือกับพวกเขาอีกต่อไป”
จากตัวตนเทพปีศาจกว่า 3,000 ตัว มีเพียง 10 ตัวเท่านั้นที่ยังเป็นประโยชน์กับ หลินจิ่วเฟิง
หากผ่านไป 10 วันหลังจากนั้นเขาก็จะไม่ไปถ้ำปีศาจอีกต่อไป
เมื่อถึงเวลานั้น แม้ว่าพวกปีศาจจะขอร้องเขา เขาก็จะไม่ไปเยี่ยมอยู่ดี
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลินจิ่วเฟิง ก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ไข่ฟาร์มอนเตอร์ของเขากำลังสูญเสียประสิทธิภาพลง
เขาเริ่มไม่ได้รับอะไรที่เป็นประโยชน์จากการลงชื่อเข้าใช้ซ้ำ
เขาจะต้องมองหาสถานที่อื่นเพื่อลงชื่อเข้าใช้หลังจากผ่านไป 10 วัน
หลินจิ่วเฟิง รู้สึกผิดหวัง
เพราะท้ายที่สุด เขาก็ไปเยี่ยมถ้ำปีศาจโดยตรง จากนั้นก็เคลื่อนไหวเบา ๆ ผนึกของถ้ำปีศาจได้หายไป ปีศาจกว่า 3,000 ตัวที่อยู่ด้านล่างได้มองไปที่ ปีศาจที่เหลือ 10 ตัวสุดท้าย
หลินจิ่วเฟิง ยังไม่ได้เอาชนะปีศาจ 10 ตัวที่เหลือนี้
ปีศาจตัวอื่น ๆ ได้รับการสอนบทเรียนอย่างรุนแรงโดย หลินจิ่วเฟิง
เมื่อเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อนที่พวกมันโกรธเคือง…
ตอนนี้พวกมันได้ยอมจำนนต่อชะตากรรมของพวกมันแล้ว
พวกมันได้หยุดจินตนาการว่า หลินจิ่วเฟิง จะปล่อยพวกมันออกไปข้างนอก ดังนั้นพวกมันจึงทำได้เพียงเฝ้าดูอีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่พวกมันไม่สามารถดูดซับพลังงานทางโลกได้
ในระหว่างนี้เองที่ช่องว่างระหว่างพวกมันกับหลินจิ่วเฟิงได้เพิ่มมากขึ้น
ปีศาจทั้ง 10 ตัวที่เหลือ ได้มองดูและรู้สึกได้ถึงอารมณ์พลุ่งพล่านในใจ
“บัดซบ พวกเราไม่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่เรายังต้องต่อสู้กับเขา นี่มันน่ารำคาญจริงๆ”
1 ใน 10 ปีศาจที่เหลือได้สบถด่าออกมา
เพียงแต่ตัวอื่น ๆ ยังคงเงียบ
“10 ปีแล้ว ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พวกเราได้เห็นความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงของเขา ตั้งแต่เริ่มต้นเข้าสู่อาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์ จนถึงตอนนี้ อย่างน้อยข้าคิดว่าเขาควรจะบ่มเพาะไปถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์แล้ว การพัฒนาของเขา รวดเร็วเกินไป”เทพปีศาจได้ส่งเสียงร้องออกมา
“กระทั่งข้ายังสงสัยว่าเขาได้ทะลวงผ่านอาณาจักรพลังขั้นถัดไปแล้ว”
วู วู วู
บุรุษที่แท้จริงย่อมไม่หลั่งน้ำตาอย่างง่ายดาย แต่พวกเขากลับทำอะไรไม่ได้จริง ๆ
พวกเขาถูก หลินจิ่วเฟิง ปราบปรามมาโดยตลอด 10 ปีเต็ม
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ มันได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเขา ทุก ๆ วัน หนึ่งในพวกเขาจะต้องถูก หลินจิ่วเฟิง ทุบตี จนกระทั่ง ผ่านไปกว่า 3,000 วัน
“ก่อนหน้านี้ ข้าไม่เคยเกรงกลัวอะไรเลย แม้นักพรตเต๋าจากนิกายฉวนเจิ้น กล้าที่จะยั่วยุข้า ข้าก็กล้าที่จะลงมือฆ่าปิดปากพวกเขา”ราชาปีศาจไม่สามารถทนได้อีกต่อไป มันได้เปิดเผยวีรกรรมอันรุ่งโรจน์ของเขา
นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของมัน
“นิกายฉวนเจิ้น ทรงพลังมาก พวกเขาเป็นนิกายที่มีแม้แต่ ผู้อมตะ ในหมู่พวกเขา ถึงกระนั้นข้าก็ยังกล้าที่จะลงมือกับพวกเขา ใครจะไปคิดว่าข้าจะมีวันที่ตกต่ำลงเช่นนี้?”ราชาปีศาจได้กล่าวอย่างขุ่นเคือง
“ในอดีต มีใครบ้างไม่รู้จักชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของข้า ราชาปีศาจผิงเทียน?”
“ข้าเป็นหนึ่งใน 7 มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าอสูรและปีศาจ!”
“ข้ามีส่วนร่วมในการก่อตั้งถ้ำปีศาจนี้อีกด้วย ข้าพยายามอย่างเต็มที่ในการสร้างมันขึ้นมาอย่างเหมาะสมเพื่อที่จะคงสถานะเอาไว้แม้จะผ่านไปตามกาลเวลาก็ตาม”
“แต่ตอนนี้ข้ากลับติดแหง่กอยู่กับสิ่งที่ตัวเองสร้าง ช่างน่าหัวร่อจริง ๆ”
ราชาปีศาจผิงเทียน ค่อนข้างโกรธเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในที่สุดมันก็คิดว่าตนเองไม่ต่างอะไรไปจากตัวตลก
ปีศาจตัวอื่นรู้สึกพูดไม่ออก
สิ่งที่เขาทำคล้ายกับการขุดหลุมฝังตัวเอง
ครื่นน!
เสียงบางอย่างได้ดังขึ้น
หลินจิ่วเฟิง ได้ตะโกนลงมา
“อย่าได้หวนนึกถึงอดีต เอาล่ะ ใครจะเข้ามา?”
“ข้าจะสู้กับเจ้า!”ราชาปีศาจตัวนึงได้ตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง
มันได้พุ่งตรงขึ้นไปและต่อสู้กับ หลินจิ่วเฟิง
กลิ่นอายพลังของมันทรงพลังอย่างมาก มันคือผู้บ่มเพาะพลังระดับสูงสุดของขั้นเทพมนุษย์
อันที่จริงขอบเขตพลังของมันดูเหมือนจะเหนือกว่าขั้นเทพมนุษย์อย่างเลือนลาง
ในถ้ำปีศาจแห่งนี้ ปีศาจทุกตัวล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังกันทั้งนั้น
แต่เมื่อพวกมันเผชิญหน้ากับหลินจิ่วเฟิง
บูม!
ฝ่ามือขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นด้านหลังของเขามันได้กดทับปีศาจตัวนี้
คลื่นพลังได้กระแทกไปยังร่างของมันและถูกส่งตัวลงไปยังพื้นดินของถ้ำปีศาจทันที
มันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีครั้งนี้
ผลลัพธ์ที่ดีอย่างเดียวก็คือ หลินจิ่วเฟิง ได้แสดงความเมตตาและไม่ได้คิดจะฆ่ามัน
เมื่อปีศาจตนเองเห็นฉากนี้ พวกเขาก็สั่นศีรษะด้วยความเสียใจ
“ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว”เทพปีศาจได้พึมพัมออกมา
เขารู้สึกขมขื่นอย่างแท้จริง เขาต้องการจะออกไป
แต่ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้ปล่อยโอกาสให้เขาทำเช่นนั้น จากนั้นอีกฝ่ายก็ผนึกถ้ำปีศาจโดยตรง
จากนั้นเขาก็ลงชื่อเข้าใช้
[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับทักษะเคลื่อนกระบี่]
ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง ได้เป็นประกายขณะที่เขาอุทานออกมาด้วยความประหลาด“นี่คือทักษะเคลื่อนกระบี่ที่สามารถใช้สังหารศัตรูที่อยู่ไกลออกไปหลายพันลี้ได้งั้นหรือไม่?”
[ขอบเขตของทักษะเคลื่อนกระบี่นี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ใช้ นอกจากนี้ ทักษะเคลื่อนกระบี่มีการโจมตีเพียงกระบวนท่าเดียว ถ้ามันไม่สามารถสังหารศัตรูได้ ผู้ใช้ทำได้เพียงใช้งานมันใหม่เท่านั้น]
ประโยคสุดท้ายนั้นคลุมเครือ แต่ หลินจิ่วเฟิง ก็รู้ว่า ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสที่จะหลบการโจมตีนี้ได้
“ไม่เลว ด้วยทักษะเคลื่อนกระบี่นี้ร่วมกับทักษะกระบี่ของข้า ข้าจะอยู่ยงคงกระพัน”หลินจิ่วเฟิง ได้พึมพัมออกมา
หลินจิ่วเฟิง ไม่คิดเลยว่ารางวัลที่ใกล้จะสิ้นสุดกิจวัตรประจำวันของเขาจะยอดเยี่ยมขนาดนี้
ด้วยทักษะเคลื่อนกระบี่ในมือของ หลินจิ่วเฟิง เขาค่อนข้างลังเลที่จะออกจากถ้ำปีศาจและนึกถึงปีศาจกว่า 3,000 ตัวที่อยู่ข้างใน
ถ้าเขาลงชื่อเข้าใช้ได้ทีละสองครั้ง จะดีแค่ไหน?
แน่นอนว่าเขาจะรีบคว้าโอกาสนั้นไว้โดยเร็วที่สุด