80Y-ตอนที่ 91 5 ปีต่อมา
หลังจากกลับมาที่ตำหนักเย็นชีวิตของหลินจิ่วเฟิงก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
ช่วงเวลาเดียวกันทุกคนบนโลกก็กำลังยกย่ององค์หญิงหยูหลิน
พวกเขาประกาศให้นางเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์
เทพมนุษย์ในวัย 16 ปี
องค์หญิงหยูหลินแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
ผู้พิทักษ์แห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาในอนาคต
คำพูดและคำสรรเสริญทั้งหมดบนโลกล้วนถูกนำมารวบรวมไว้บนตัวขององค์หญิงหยูหลิน
ทุกย่างก้าวของนางตอนนี้ล้วนทำให้ผู้คนรู้สึกสงสัย
ทว่าผ่านมาตั้งนานกลับไม่มีใครรู้จัก หลินจิ่วเฟิง
และ เขาก็พึงพอใจกับผลลัพธ์นี้
วันนี้เขาได้เข้าไปยังถ้ำปีศาจตั้งแต่เช้าตรู่และเริ่มกิจวัตรประจำวันของเขา
บูม!
เขาได้เอาชนะปีศาจที่พุ่งเข้ามาด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว หลินจิ่วเฟิง ก็เพิกเฉยต่อความไม่พอใจของปีศาจด้านล่างและเริ่มลงชื่อเข้าใช้
[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับโอสถปรับแต่งถ้ำสวรรค์!]
หลินจิ่วเฟิง ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของโอสถทันที
[โอสถปรับแต่งถ้ำสวรรค์ : โอสถที่ใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพของถ้ำสวรรค์ให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีส่วนช่วยในการขยายตัว ส่วนผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับศักยภาพโดยรวมของโฮสต์]
หลินจิ่วเฟิง พึมพัมด้วยความตกใจ“นี่มันเรื่องประหลาดอันใดกัน ข้ากำลังกังวลอยู่เลยว่า ถ้ำสวรรค์ของข้าไม่ได้ขยายตัวในช่วงนี้ และ ดูเหมือนว่าข้าจะพบกับคอขวด ข้าไม่คิดเลยว่าตนเองจะได้รับโอสถปรับแต่งถ้ำสวรรค์จากการลงชื่อเข้าใช้ในครั้งนี้ นี่มันจะบังเอิญเกินไปหรือไม่”
เขาสามารถใช้โอสถปรับแต่งถ้ำสวรรค์นี้ได้
หลังจากออกจากพระราชวังใต้ดิน หลินจิ่วเฟิง ก็กลับไปยังลานที่พักของเขา
เขาถือโอสถเม็ดใหญ่ไว้ในมือขณะที่จิตใจของเขากำลังปั่นป่วน
“ข้าอยู่ในอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์มาเป็นเวลานาน โอสถเม็ดนี้จะช่วยให้ข้าทะลวงผ่านได้หรือไม่?”
หลินจิ่วเฟิง ได้เข้าสู่อาณาจักรพลังนี้เมื่อ 5 ปีก่อน
อาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์มีทั้งหมด 10 ระดับ ซึ่งหมายความว่าจะต้องขยายถ้ำสวรรค์ทั้งหมด 10 ครั้ง
คนธรรมดาทั่วไปมักจะสร้างถ้ำสวรรค์ 10 แห่ง แต่ หลินจิ่วเฟิง เลือกที่จะขยายถ้ำสวรรค์ระดับเทพที่มีอยู่ 10 เท่าแทนที่จะสร้างถ้ำสวรรค์ 10 แห่ง
นี่เป็นสองทางเลือกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวเลือกหลังให้ศักยภาพที่ดีกว่าและทรงพลังมากกว่า
‘ผ่านไป 20-30 ปีแล้วนับตั้งแต่ฝนตก สตรีศักดิ์สิทธิ์กลับล้มเหลวอย่างไม่ต้องสงสัยในภารกิจของนางช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้’ หลินจิ่วเฟิง ได้นึกถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์
คนของนิกายเต๋าสวรรค์มีหน้าที่ปราบปรามเหล่าคนจากยุคก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขามาสร้างความเสียหายในยุคใหม่ก่อนเวลาอันควร
ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ล้มเหลวในภารกิจของนาง
นิกายเส้นทางสวรรค์ ได้มาจากยุคก่อน
นิกายแก่นแท้แห่งชีวิต ก็มาจากยุคก่อนเช่นเดียวกัน
การปรากฏตัวของสองนิกายใหญ่นี้เป็นหลักฐานเพียงพอที่จะบอกว่านางล้มเหลว
จะต้องรู้ว่าแหล่งข้อมูลของ หลินจิ่วเฟิง มีจำกัดมาก
เขาไม่ค่อยออกจากตำหนักเย็นหรือออกไปผจญภัยข้างนอก
กำลังเขากำลังรวบรวมพละกำลังอย่างเงียบ ๆ ในตำหนักเย็น นี่คือสิ่งที่เขาได้ทำทั้งหมดหลังจากมาถึงโลกนี้
ถึงกระนั้น เขาก็รู้ว่าสองนิกายใหญ่จากยุคก่อนได้ปรากฏตัวในโลกหล้าแล้ว เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงนี้ หลินจิ่วเฟิง ก็เริ่มสงสัยว่ามีกี่คนที่มาจากยุคก่อนได้ปรากฏตัวขึ้นบนโลกในปัจจุบันนี้
และยังมีกี่คนที่ยังซ่อนตัวจนถึงตอนนี้?
ยุคสมัยใหม่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
มันเพิ่งผ่านไปเพียง 20-30 ปีเท่านั้นนับตั้งแต่ฝนตก
รุ่นเยาว์ในสมัยใหม่นี้เพิ่งจะเริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่และเริ่มต้นเดินลงบนเส้นทางของการบ่มเพาะพลังที่แท้จริง
สำหรับคนรุ่นก่อน ๆ หลายคนสามารถทะลวงผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้หรือแม้แต่ขั้นเทพมนุษย์
อย่างไรก็ตามมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่อาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์ได้
หลินจิ่วเฟิง ไม่เคยได้ยินผู้ที่อยู่ในอาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์เลยด้วยซ้ำ
แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะเขาได้เพิกเฉยต่อเรื่องราวในโลกภายนอก เพราะเขามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในตำหนักเย็นอันเหน็บหนาวนี้
เพียงแต่ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของ หลินจิ่วเฟิง ที่ได้ติดตาม องค์หญิงหยูหลิน ไปยังโลกภายนอกครั้งนึงนั้น เขาได้มองเห็น ราชาแห่งกองกำลังเหยี่ยวมังกร ที่อยู่จุดสูงสุดของอาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์
นิกายแก่นแท้แห่งชีวิตก็มียอดฝีมือขั้นเทพมนุษย์สูงสุดเพียงคนเดียว
ไม่มีใครเลยในหมู่พวกเขาที่เลื่อนเข้าสู่อาณาจักรพลังถ้ำสวรรค์
“เมื่อเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ คนเหล่านั้นจะฟื้นคืนพลังกลับมาโดยธรรมชาติ บรรดาผู้ที่แข็งแกร่งและมีอาณาจักรพลังเหนือกว่าถ้ำสวรรค์ จะปรากฏตัวขึ้น พวกเขาคือตัวตนที่ยากจะหยั่งรู้ ข้ายังคงต้องทำงานหนักเพื่อพัฒนาตนเองต่อไป”
หลินจิ่วเฟิง ได้เตือนตัวเอง
แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยและอยู่อย่างคงกระพันบนพื้นผิวน้ำของเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลัง แต่เป็นเพราะ สัตว์ประหลาดเฒ่าต่างก็ยังหลับลึกใต้ผิวน้ำเหล่านี้
ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอย่างสันโดษต่อไป
ทว่าเขาก็ไม่อาจมองข้ามโลกภายนอกต่อไปได้แล้ว
เขาได้กลืนโอสถปรับแต่งถ้ำสวรรค์และปิดตาลงจากนั้นก็เริ่มต้นขยายถ้ำสวรรค์ระดับเทพของเขา
…
โลกภายนอกกำลังถกเถียงกันอย่างวุ่นวายเกี่ยวกับองค์หญิงหยูหลิน
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็ต้องการมองหาองค์หญิงหยูหลินทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้เอง นางจึงทำได้เพียงว่อนตัวอยู่ในพระราชวังและอยู่กับแม่ของนางเท่านั้น
แน่นอนว่าด้วยบุคลิกขององค์หญิงหยูหลิน
นางย่อมไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ได้ นางอยากจะออกไปแต่ก็ทำไม่ได้
มีคนจำนวนมากต้องการที่จะพบนาง
ในตำหนักของจักรพรรดินีพระมารดา องค์หญิงหยูหลิน ได้สนทนากับแม่ของนาง
จักรพรรดินีพระมารดาได้ถามองค์หญิงหยูหลิน“เจ้าเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้อย่างไร?”
องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ“ข้ามีท่านอาจารย์คอยสอนทักษะเหล่านี้ให้”
“อาจารย์ของเจ้าเป็นใครกัน?เจ้าสามารถเชิญเขามาที่ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาเพื่อเป็นเทพพิทักษ์แห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาได้หรือไม่ พวกเราไม่ได้คิดจะสร้างปัญหาให้กับเขาเพียงแต่อยากให้เขาช่วยออกหน้าช่วยราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวายามที่เรามีภัย”จักรพรรดินีพระมารดาได้ตอบกลับ
แม้ว่านางจะมีไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จักรพรรดิหมิง-หลินเทียนหยวน ส่งให้
แต่นางก็ไม่สามารถพึ่งพาไพ่ตายนี้ได้ทุกอย่าง
นางต้องการมองหากองกำลังของตัวเองเพื่อแก้ไขปัญหาของนางเอง
องค์หญิงหยูหลิน ได้ครุ่นคิดอยู่ครู่นึงก่อนที่จะสั่นศีรษะ“ท่านอาจารย์ดูเหมือนจะไม่แยแสเรื่องทางโลก ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะเห็นด้วย”
“เฮ้อ…”
“เช่นนั้น เจ้าจำต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอาจารย์ของเจ้า หากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาของเรามีภัยอันตรายในอนาคต เจ้าจะได้มีความมั่นใจในการจัดการกับมัน”จักรพรรดินีพระมารดาได้กล่าวอย่างเศร้าสร้อย
องค์หญิงหยูหลินได้ยิ้มอย่างขมขื่น
เผชิญหน้ากับความกังวลของจักรพรรดินีพระมารดา นางทำได้เพียงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ในความเป็นจริง นางไม่สะดวกที่จะไปยังตำหนักเย็นอีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ของนางไม่ต้องการถูกรบกวน
ถ้านางไม่เชื่อฟัง มันก็เสี่ยงที่อาจารย์ของนางจะโกรธ
ดังนั้น นางจึงได้ใช้เวลาที่มีอยู่ในการทำความเข้าใจทักษะกระบี่ทั้งสองที่อาจารย์ได้มอบให้กับนางเท่านั้น
ทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด!
ทักษะกระบี่กระดูกมรณะ!
“ครั้งหน้าที่พวกเราพบกัน ข้าจะทำให้ท่านอาจารย์มองข้าในมุมที่ต่างไปจากเดิม”
องค์หญิงหยูหลินตัดสินใจแน่วแน่
…
เวลาได้เคลื่อนตัวตลอด
หัวข้อการสนทนาต่าง ๆ ในวันก่อนเมื่อเวลาผ่านไปมันก็เริ่มเลือนลางลง
ผู้คนทั่วโลกได้กลับมาใช้ชีวิตของตนเองอีกครั้ง
เกี่ยวกับเรื่องขององค์หญิงหยูหลิน พวกเขาเพียงแค่พูดคุยกันและรู้สึกภูมิใจกับมัน แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่เรื่องพูดคุยเท่านั้น
นางเป็นองค์หญิง
ไม่ว่าพวกเขาจะพูดถึงนางมากแค่ไหนพวกเขาก็ไม่เคยได้รับอะไรจากมันเลย
พวกเขายังต้องใช้ชีวิตของตนเอง
เวลาผ่านไป หลังจากนั้นประมาณ 10 วัน คนธรรมดาทั่วไปก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก
หนึ่งเดนือต่อมาก็มีคนพูดถึงเรื่องนี้น้อยครั้งมาก
ครึ่งปีผ่านไป ถ้าไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็คงไม่มีใครจำได้
องค์หญิงหยูหลินเอง ก็เลือกที่จะเก็บตัวฝึกฝนทักษะกระบี่ของนาง
โลกอันสงบสุข ได้กลับมา โดยเฉพาะตอนที่กองกำลังเหยี่ยวมังกรไม่มีอำนาจบุกชายแดนของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาอีกต่อไป
แม้ว่าจะยังมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก แต่บนโลกก็ยังสงบสุขเช่นเคย
ไม่นาน 5 ปีก็ผ่านไป
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ หลินจิ่วเฟิง ไม่เคยออกจากตำหนักเย็นเลย
องค์หญิงหยูหลิน ก็ไม่ได้มาที่ตำหนักเย็นแห่งนี้
อันที่จริงนางไม่ได้ออกจากสถานที่ของนางด้วยซ้ำ
เพียงจดจ่อกับการบ่มเพาะพลังของนาง
อย่างไรก็ตาม ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ก็ไม่ได้สงบสุขเฉกเช่นเมื่อ 5 ปีก่อน
มีการกบฏและการจลาจลเกิดขึ้น ผู้บ่มเพาะพลังบางคนได้ทำร้ายประชาชนธรรมดา และ นิกายปีศาจก็เริ่มโจมตีพวกตนเอง
โดยเฉพาะนิกายปีศาจ
พวกมันน่ากลัวขึ้นมาก
หลังจาก 5 ปีมานี้ ในที่สุดจักรพรรดิเต๋อก็เป็นคนที่จัดการงานราชกิจแทนจักรพรรดินีพระมารดา
ความคิดของเขาเติบโตมากขึ้นทีเดียว
เขาไม่ใช่ชายหนุ่มอายุ 18 ปีอีกต่อไป
เขาไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะพลังเพียงอย่างเดียวเหมือนก่อนหน้านี้
เขาได้รับช่วงต่องานราชกิจจากจักรพรรดินีพระมารดาและเริ่มจัดการมันอย่างระวัง
แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ละทิ้งการฝึกฝนเช่นเดียวกัน
หลังจาก 5 ปีผ่านไป จักรพรรดินีพระมารดาทำได้เพียงสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
นางทำได้เพียงสนับสนุนจากเบื้องหลังเท่านั้น
นางไม่ได้แข่งขันเพื่ออำนาจ
ถ้านางปฏิเสธที่จะมอบอำนาจการจัดการทั้งหมดให้กับลูกชายเพียงคนเดียวของนางและยังคงควบคุมราชสำนักด้วยสถานจักรพรรดินีพระมารดา ผู้คนจะไม่เรียกขานนางว่าเป็นคนเลวทรามต่ำช้าหรอกเหรอ?
จักรพรรดินีพระมารดารู้ว่าการกดขี่จักรพรรดิเต๋อเป็นเรื่องที่ผิด
นางรู้ว่าเมื่อใดควรก้าวและเมื่อใดควรถอย
นางค่อนข้างฉลาดอย่างมาก
ด้วยความรู้และความสามารถในการใช้สติปัญญาของนาง นางสามารถกลายเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งของจักรพรรดิเต๋อ
ดังนั้นนางจึงปล่อยวางให้จักรพรรดิเต๋อจัดการงานราชกิจ
เพียงแต่ตอนเริ่มต้นจักรพรรดิเต๋อก็มีอาการเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
แต่พอเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มจัดการงานได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจักรพรรดินีพระมารดาพึงพอใจกับการพัฒนาของจักรพรรดิเต๋อมาก
สิ่งเดียวที่นางปวดหัวก็คือนางไม่ได้เข้าใจโลกในปัจจุบันนี้อีกต่อไป