80Y-ตอนที่ 89 ปฏิกิริยาจากกลุ่มคนหลายด้าน
องค์หญิงหยูหลิน ได้สังหาร มู่หรงหลิง แห่งกองกำลังเหยี่ยวมังกร และ ยังเป็น ราชาแห่งเซียนเป่ย
ผู้อาวุโสของนิกายแก่นแท้แห่งชีวิตก็เสียชีวิตภายใต้สถานการณ์อันลึกลับ
ที่น่าตลกไปกว่านั้นคือนางได้ผ่าแยกภูเขาหมาป่าทั้งหมดออกเป็นสองส่วนกระทั่งพระราชวังขาวและพระราชวังแดงด้วยกระบี่เดียว
นี่คงจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าพลังของนางคือหายนะทางธรรมชาติ
แต่ความจริงแล้วนางเป็นเเพียงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ
นางมีอายุเพียงแค่ 16 ปี!
นี่คือสถานะขององค์หญิงหยูหลิน!
องค์หญิงพระองค์เดียวของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา การแสดงออกของนางได้เกินความคาดหมายของทุกคน
ร่างกายที่เล็กกระทัดรัด ใบหน้าที่บอบบาง และผิวสีขาวราวหิมะคือสัญลักษณ์ตัวตนของนาง
ใช่แล้ว นางเป็นเด็กสาวที่อ่อนโยน งดงาม และ อ่อนแอ
ทว่าตอนนี้กลับไม่มีใครเชื่อเช่นนั้น
หญิงสาวที่อ่อนโยน และ อ่อนแอ จะสามารถใช้กระบี่กระดูกขนาดใหญ่มหึมาในการทุบตี มู่หรงหลิง ให้ตายได้?
หญิงสาวที่อ่อนโยน และ อ่อนแอ จะสามารถแยกพระราชวังขาวและพระราชวังแดงออกจากกันด้วยการฟันกระบี่เพียงครั้งเดียว?
หญิงสาวที่อ่อนโยน และ อ่อนแอ จะสามารถผ่าภูเขาหมาป่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวเซียนเป่ยให้กลายเป็นสองส่วนได้อย่างสมบูรณ์?
ชาวเซียนเป่ยหลายล้านคนรู้สึกพูดไม่ออก
ไม่มีใครกล้าเข้าไปข้างหน้ากระทั่งคนจากนิกายแก่นแท้แห่งชีวิต
นิกายแก่นแท้แห่งชีวิตที่อาศัยอยู่ในพระราชวังแดง พวกเขาล้วนไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวทำให้องค์หญิงหยูหลินไม่พอใจ
หากพวกเขาถูกกระบี่นางของฟาด พระราชวังแดงและชีวิตของพวกเขาก็จะตกอยู่ในอันตรายทันที
เกล็ดหิมะได้ร่วงโรยอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าขององค์หญิงล้วนแดงก่ำ
นางยังคงถือกระบี่กระดูกไว้ในมือทั้งสองข้างและมองไปรอบ ๆ
“มัน...จบแล้วเหรอ?”
ในช่วงเวลานี้เองที่องค์หญิงหยูหลินดึงสติกลับมาได้
เมื่อนึกถึงการกระทำบ้า ๆ ของนาง ใบหน้าเล็ก ๆ นั่นก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเลี่ยงไม่ได้
นางมองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาอาจารย์ลึกลับของนางว่ายังอยู่หรือไม่
เพราะก่อนหน้านี้นางได้ระบายโทสะออกมาเนื่องจากความโกรธ ซึ่งมันขัดกับ อายุ ท่าที และ ประสบการณ์ของนาง
นางคิดว่าตนเองใกล้จะเป็นบ้าไปแล้ว
อาจารย์ของนางน่าจะเห็นเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
การถือกระบี่กระดูกที่ยาวกว่าสิบเมตรใช้มันทุบตีศัตรูจนตาย
แม้ว่านาบจะรู้สึกดีขึ้นมาก
แต่ตอนนี้…
นางกลับรู้สึกเขินอายแทน
ทั้งคอและหูหรือแม้แต่บางส่วนของร่างกายก็ยังเปลี่ยนเป็นสีแดง
นางสัมผัสได้ถึงความร้อนในร่างกายที่เพิ่มขึ้น
หลินจิ่วเฟิง ที่มองเห็นฉากนี้เขาได้สั่นศีรษะด้วยรอยยิ้ม
ลูกศิษย์ของเขาคนนี้น่ารักมาก
[คุณต้องการลงชื่อเข้าใช้ภูเขาหมาป่าหรือไม่?]
ประโยคหนึ่งได้ปรากฏขึ้นด้านหน้าของ หลินจิ่วเฟิง
“ยืนยันการเข้าใช้!”หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะลงชื่อเข้าใช้ได้เช่นเดียวกัน
เขาได้ตกลงอย่างไม่ลังเล
เพราะมันคงจะเสียเปล่าหากเขาไม่ทำ
[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับทักษะ แก่นแท้แห่งความมืด!]
หลินจิ่วเฟิงขมวดคิ้วแน่น
กระแสข้อมูลได้ไหลเข้าสู่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขา
เขากัดฟันแน่นขณะที่ความรู้ถูกดูดซึมและหลอมรวมเข้ากับร่างพลังนี้
“อย่างที่คิดไว้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้ายังคงอ่อนแอกว่าร่างกายของข้า ดังนั้นความพยายามในการซึมซับสิ่งต่าง ๆ ผ่านทางร่างพลังนี้ จึงค่อนข้างยากลำบากกว่ามาก”หลินจิ่วเฟิง ได้คร่ำครวญ
ทักษะแก่นแท้แห่งความมืด คือทักษะขั้นสูงสุดของ นิกายแก่นแท้แห่งชีวิต
ไม่มีทักษะอื่นใดที่เทียบเท่ากับทักษะนี้ในนิกายแก่นแท้แห่งชีวิต
ทักษะคลื่นระเบิดแก่นแท้พลังปราณ ก็เป็นหนึ่งในทักษะของนิกายแก่นแท้แห่งชีวิต แต่ทว่า นี่เป็นเพียงทักษะระดับสูงสุดธรรมดา
ทักษะแก่นแท้แห่งความมืดนั้นดีที่สุด
“พูดให้ชัดเจนก็คือ ทักษะแก่นแท้แห่งความมืดเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของทักษะ…”
“นอกจากนี้ยังมีทักษะแก่นแท้แห่งแสง เมื่อรวมกันแล้ว จะกลายเป็นทักษะแก่นแท้อันยิ่งใหญ่ที่มีทั้งความมืดและแสงสว่าง” หลินจิ่วเฟิง รู้สึกเสียดาย
เหตุใดระบบถึงไม่ให้ทักษะอีกครึ่งนึงแก่เขามาด้วย
แต่การได้มาซึ่งทักษะแก่นแท้แห่งความมืดก็ค่อนข้างดีมากแล้ว
นี่คือทักษะระดับสูงสุด
แม้แต่สมาชิกหลักของนิกายแก่นแท้แห่งชีวิตก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะฝึกฝนทักษะนี้
หลินจิ่วเฟิง ได้นำมันออกไปและรอจนกว่าเขาจะได้รับทักษะแก่นแท้แห่งแสงมาก่อน ถึงจะค่อยรวมกันสร้างทักษะแก่นแท้อันยิ่งใหญ่
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้อารมณ์ของ หลินจิ่วเฟิง ก็ดีขึ้น
ตัดไปที่องค์หญิงหยูหลินตอนนี้นางเหมือนกับกุ้งก้ามกรามสีแดงตัวเล็ก
ควันสีขาวได้ลอยขึ้นจากศีรษะของนาง
พัฟ!
หลินจิ่วเฟิง ค้นพบว่ามันตลกมาก
เพียงแค่ขยับความคิดกระบี่กระดูกขนาดใหญ่ก็สลายหายไปในทันที
กระบี่กระดูกสีขาวได้ปรากฏขึ้นทีละเล่มและมันก็ได้ลอยกลับเข้าไปยังกล่องเก็บกระบี่
หลินจิ่วเฟิง ได้เข้าไปในกล่องเก็บกระบี่และฝากข้อความถึงองค์หญิงหยูหลิน
“นำมันกลับไปและวางกล่องเก็บกระบี่ที่เดิม”
องค์หญิงหยูหลิน ได้พยักหน้าท่ามกลางความลำบากใจของนาง
นางรู้ดีว่าอาจารย์ของนางจะไม่พูดซ้ำเรื่องนี้อีก
ด้วยเหตุนี้นางจึงพยายามระงับความอับอายทั้งหมด
นางถูกเลี้ยงดีมาเป็นกุลสตรีในอนาคต เมื่อพิจารณาจากการที่นางถูกเลี้ยงดูมา มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้
โชคดีที่อาจารย์ของนางไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้
มันเป็นผลให้นางพยายามซ่อนความอับอายเอาไว้ได้
นางได้หยิบกล่องเก็บกระบี่ขึ้นมาและจากไปในทันที
นางได้ออกจากภูเขาหมาป่าแห่งนี้และหายตัวไป
คนของกองกำลังเหยี่ยวมังกรได้เฝ้ามององค์หญิงหยูหลินที่จากไป
พวกเขาไม่กล้าไล่ตามนาง
ทว่าพวกเขามองดูภูเขาหมาป่าที่ถูกแบ่งและพระราชวังขาวแดงที่แยกออกจากกัน สิ่งนี้ได้บอกอะไรบางอย่างแก่พวกเขา
อย่าได้ไล่ตามนาง
มิฉะนั้นพวกเขาอาจจะมีจุดจบที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตายอย่างไร
“จบแล้ว ชาวเซียนเป่ย จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากยิ่งขึ้นในฤดูหนาวนี้”
“ข้าสงสัยว่า กองกำลังเหยี่ยวมังกร จะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นชาวเซียนเป่ยก็จะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายอีกครั้ง”มีใครบางคนได้ถอนหายใจออกมา
“ใครจะไปคิดว่าองค์หญิงที่มีอายุเพียง 16 ปีจะน่ากลัวถึงเพียงนี้”
“ใช่...พวกคนจากภาคกลางน่ากลัวเกินไป นางจากไปโดยไม่พูดอะไรในตอนนี้ แต่นางได้เตือนเราอย่างเงียบ ๆ ว่าอย่าได้รุกรานชายแดนอีก”
“แม้ว่าพวกเราต้องการจะบุกตอนนี้ พวกเราก็คงไม่มีความกล้าและกำลังพลที่เพียงพอจะทำเช่นนั้น”
ชาวเซียนเป่ย ได้พูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพวกเขา
ผลกระทบนี้ใหญ่มาก
มันยิ่งกว่าตอนที่ หลินจิ่วเฟิง ฆ่า ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน เมื่อหลายสิบปีก่อนเสียอีก
ชาวเซียนเป่ยเดิมมีจิตใจและความเย่อหยิ่งในตัว
พวกเขาคิดว่าตนเองสามารถใช้ประโยชน์จากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาได้อย่างแน่นอน
นี่คือเหตุผลที่พวกเขามีความกล้าที่จะรุกรานราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของพวกเขา
ถ้าพวกเขาไม่ยั่วยุราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา พวกเขาคงไม่ได้ไปกระตุ้นเทพแห่งการสังหาร-องค์หญิงหยูหลิน
…
องค์หญิงหยูหลิน ได้กลับมาอย่างเร่งรีบ
หลังจากทะลวงผ่านขั้นเทพมนุษย์ความเร็วของนางก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
นางรีบกลับไปยังเมืองหลวงราชวงศ์จากภูเขาหมาป่าโดยที่ไม่หยุดพัก
เพียงแค่วันเดียว!
ความเร็วในการแพร่กระจายข่าวชัยชนะของนางเร็วยิ่งกว่าความเร็วของเทพมนุษย์เสียอีก
ขณะที่นางก้าวเข้าสู่อาณาเขตของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและสายลับก็ได้รีบเขียนรายงานส่งต่อไปยังผู้คนนับไม่ถ้วนที่ต้องการทราบว่านางอยู่ที่ไหน
เมืองหลวงราชวงศ์ พระราชวังต้องห้าม
จักรพรรดิเต๋อได้หัวเราะออกมา
เขาได้ถือจดหมายในมือและพึมพัมออกมาด้วยความตื่นเต้น“เสด็จแม่ ลองดูนี่สิ!”
“มันถูกเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าน้องสาวของข้าได้ทำลายกองกำลังเหยี่ยวมังกรด้วยตัวเองและฆ่าราชามู่หรงหลิง! อีกทั้งนางยังผ่าแยกภูเขาหมาป่าออกเป็นสองส่วน พระราชวังขาวและพระราชวังแดงก็ถูกแยกออกจากกันด้วยกระบี่เดียวของนาง!”
“...”
จักรพรรดินีพระมารดารู้สึกประหลาดใจ“เมื่อไหร่กันที่หยูหลินแข็งแกร่งขนาดนี้?”
“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่รอนางกลับมา ท่านสามารถถามนางได้ด้วยตนเอง”จักรพรรดิเต๋อ ก็รู้สึกแปลก ๆ
เขาสงสัยว่ามันจะเกี่ยวข้องกับตำหนักเย็นหรือไม่
แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้ประมาทเหมือนครั้งก่อน
เขาไม่ได้วางแผนที่จะบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้จนกว่าเขาจะตรวจสอบทุกอย่างโดยละเอียด
“งั้นคงต้องรอนางกลับมา”จักรพรรดินีพระมารดาได้พยักหน้า
…
นิกายเส้นทางสวรรค์
ประมุขนิกายหลัวหยู มองไปที่ข้อความที่ถูกส่งมาโดยสายลับของเขา
เขารู้สึกพูดไม่ออกหลังจากอ่านเนื้อหาข้างใน
“นิกายแก่นแท้แห่งชีวิต เป็นหนึ่งในกลุ่มชั้นนำของที่ราบ แต่พวกเขากลับถูกจัดการโดยเด็กสาวอายุ 16 ปี?”ประมุขนิกายหลัวหยูรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
เขาถูกองค์หญิงหยูหลินตบหน้าอย่างต่อเนื่อง
ทุกคำทำนายที่เขาพูดถึงนางล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เมื่อเขาเห็นข่าวชัยชนะขององค์หญิงหยูหลิน เขาก็รู้สึกหงุดหงิดทันที
“เราจะต้องสืบสวนบุคคลที่อยู่เบื้องหลังองค์หญิงหยูหลินคนนี้…”
“เขาจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเรา”นักพรตเต๋าเฒ่าได้กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ข้ารู้แล้ว…”ประมุขนิกายหลัวหยูได้สูดลมหายใจเข้าลึก
เขาได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่
คราวนี้เขาจะไม่พลาดอีก