ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 88 องค์หญิงหยูหลินที่เดือดดาล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 90 ความสงบสุขที่กลับคืนมา

80Y-ตอนที่ 89 ปฏิกิริยาจากกลุ่มคนหลายด้าน


องค์หญิงหยูหลิน ได้สังหาร มู่หรงหลิง แห่งกองกำลังเหยี่ยวมังกร และ ยังเป็น ราชาแห่งเซียนเป่ย

ผู้อาวุโสของนิกายแก่นแท้แห่งชีวิตก็เสียชีวิตภายใต้สถานการณ์อันลึกลับ

ที่น่าตลกไปกว่านั้นคือนางได้ผ่าแยกภูเขาหมาป่าทั้งหมดออกเป็นสองส่วนกระทั่งพระราชวังขาวและพระราชวังแดงด้วยกระบี่เดียว

นี่คงจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าพลังของนางคือหายนะทางธรรมชาติ

แต่ความจริงแล้วนางเป็นเเพียงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ

นางมีอายุเพียงแค่ 16 ปี!

นี่คือสถานะขององค์หญิงหยูหลิน!

องค์หญิงพระองค์เดียวของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา การแสดงออกของนางได้เกินความคาดหมายของทุกคน

ร่างกายที่เล็กกระทัดรัด ใบหน้าที่บอบบาง และผิวสีขาวราวหิมะคือสัญลักษณ์ตัวตนของนาง

ใช่แล้ว นางเป็นเด็กสาวที่อ่อนโยน งดงาม และ อ่อนแอ

ทว่าตอนนี้กลับไม่มีใครเชื่อเช่นนั้น

หญิงสาวที่อ่อนโยน และ อ่อนแอ จะสามารถใช้กระบี่กระดูกขนาดใหญ่มหึมาในการทุบตี มู่หรงหลิง ให้ตายได้?

หญิงสาวที่อ่อนโยน และ อ่อนแอ จะสามารถแยกพระราชวังขาวและพระราชวังแดงออกจากกันด้วยการฟันกระบี่เพียงครั้งเดียว?

หญิงสาวที่อ่อนโยน และ อ่อนแอ จะสามารถผ่าภูเขาหมาป่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวเซียนเป่ยให้กลายเป็นสองส่วนได้อย่างสมบูรณ์?

ชาวเซียนเป่ยหลายล้านคนรู้สึกพูดไม่ออก

ไม่มีใครกล้าเข้าไปข้างหน้ากระทั่งคนจากนิกายแก่นแท้แห่งชีวิต

นิกายแก่นแท้แห่งชีวิตที่อาศัยอยู่ในพระราชวังแดง พวกเขาล้วนไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวทำให้องค์หญิงหยูหลินไม่พอใจ

หากพวกเขาถูกกระบี่นางของฟาด พระราชวังแดงและชีวิตของพวกเขาก็จะตกอยู่ในอันตรายทันที

เกล็ดหิมะได้ร่วงโรยอย่างต่อเนื่อง

ใบหน้าขององค์หญิงล้วนแดงก่ำ

นางยังคงถือกระบี่กระดูกไว้ในมือทั้งสองข้างและมองไปรอบ ๆ

“มัน...จบแล้วเหรอ?”

ในช่วงเวลานี้เองที่องค์หญิงหยูหลินดึงสติกลับมาได้

เมื่อนึกถึงการกระทำบ้า ๆ ของนาง ใบหน้าเล็ก ๆ นั่นก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเลี่ยงไม่ได้

นางมองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาอาจารย์ลึกลับของนางว่ายังอยู่หรือไม่

เพราะก่อนหน้านี้นางได้ระบายโทสะออกมาเนื่องจากความโกรธ ซึ่งมันขัดกับ อายุ ท่าที และ ประสบการณ์ของนาง

นางคิดว่าตนเองใกล้จะเป็นบ้าไปแล้ว

อาจารย์ของนางน่าจะเห็นเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

การถือกระบี่กระดูกที่ยาวกว่าสิบเมตรใช้มันทุบตีศัตรูจนตาย

แม้ว่านาบจะรู้สึกดีขึ้นมาก

แต่ตอนนี้…

นางกลับรู้สึกเขินอายแทน

ทั้งคอและหูหรือแม้แต่บางส่วนของร่างกายก็ยังเปลี่ยนเป็นสีแดง

นางสัมผัสได้ถึงความร้อนในร่างกายที่เพิ่มขึ้น

หลินจิ่วเฟิง ที่มองเห็นฉากนี้เขาได้สั่นศีรษะด้วยรอยยิ้ม

ลูกศิษย์ของเขาคนนี้น่ารักมาก

[คุณต้องการลงชื่อเข้าใช้ภูเขาหมาป่าหรือไม่?]

ประโยคหนึ่งได้ปรากฏขึ้นด้านหน้าของ หลินจิ่วเฟิง

“ยืนยันการเข้าใช้!”หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะลงชื่อเข้าใช้ได้เช่นเดียวกัน

เขาได้ตกลงอย่างไม่ลังเล

เพราะมันคงจะเสียเปล่าหากเขาไม่ทำ

[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับทักษะ แก่นแท้แห่งความมืด!]

หลินจิ่วเฟิงขมวดคิ้วแน่น

กระแสข้อมูลได้ไหลเข้าสู่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขา

เขากัดฟันแน่นขณะที่ความรู้ถูกดูดซึมและหลอมรวมเข้ากับร่างพลังนี้

“อย่างที่คิดไว้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้ายังคงอ่อนแอกว่าร่างกายของข้า ดังนั้นความพยายามในการซึมซับสิ่งต่าง ๆ ผ่านทางร่างพลังนี้ จึงค่อนข้างยากลำบากกว่ามาก”หลินจิ่วเฟิง ได้คร่ำครวญ

ทักษะแก่นแท้แห่งความมืด คือทักษะขั้นสูงสุดของ นิกายแก่นแท้แห่งชีวิต

ไม่มีทักษะอื่นใดที่เทียบเท่ากับทักษะนี้ในนิกายแก่นแท้แห่งชีวิต

ทักษะคลื่นระเบิดแก่นแท้พลังปราณ ก็เป็นหนึ่งในทักษะของนิกายแก่นแท้แห่งชีวิต แต่ทว่า นี่เป็นเพียงทักษะระดับสูงสุดธรรมดา

ทักษะแก่นแท้แห่งความมืดนั้นดีที่สุด

“พูดให้ชัดเจนก็คือ ทักษะแก่นแท้แห่งความมืดเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของทักษะ…”

“นอกจากนี้ยังมีทักษะแก่นแท้แห่งแสง เมื่อรวมกันแล้ว จะกลายเป็นทักษะแก่นแท้อันยิ่งใหญ่ที่มีทั้งความมืดและแสงสว่าง” หลินจิ่วเฟิง รู้สึกเสียดาย

เหตุใดระบบถึงไม่ให้ทักษะอีกครึ่งนึงแก่เขามาด้วย

แต่การได้มาซึ่งทักษะแก่นแท้แห่งความมืดก็ค่อนข้างดีมากแล้ว

นี่คือทักษะระดับสูงสุด

แม้แต่สมาชิกหลักของนิกายแก่นแท้แห่งชีวิตก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะฝึกฝนทักษะนี้

หลินจิ่วเฟิง ได้นำมันออกไปและรอจนกว่าเขาจะได้รับทักษะแก่นแท้แห่งแสงมาก่อน ถึงจะค่อยรวมกันสร้างทักษะแก่นแท้อันยิ่งใหญ่

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้อารมณ์ของ หลินจิ่วเฟิง ก็ดีขึ้น

ตัดไปที่องค์หญิงหยูหลินตอนนี้นางเหมือนกับกุ้งก้ามกรามสีแดงตัวเล็ก

ควันสีขาวได้ลอยขึ้นจากศีรษะของนาง

พัฟ!

หลินจิ่วเฟิง ค้นพบว่ามันตลกมาก

เพียงแค่ขยับความคิดกระบี่กระดูกขนาดใหญ่ก็สลายหายไปในทันที

กระบี่กระดูกสีขาวได้ปรากฏขึ้นทีละเล่มและมันก็ได้ลอยกลับเข้าไปยังกล่องเก็บกระบี่

หลินจิ่วเฟิง ได้เข้าไปในกล่องเก็บกระบี่และฝากข้อความถึงองค์หญิงหยูหลิน

“นำมันกลับไปและวางกล่องเก็บกระบี่ที่เดิม”

องค์หญิงหยูหลิน ได้พยักหน้าท่ามกลางความลำบากใจของนาง

นางรู้ดีว่าอาจารย์ของนางจะไม่พูดซ้ำเรื่องนี้อีก

ด้วยเหตุนี้นางจึงพยายามระงับความอับอายทั้งหมด

นางถูกเลี้ยงดีมาเป็นกุลสตรีในอนาคต เมื่อพิจารณาจากการที่นางถูกเลี้ยงดูมา มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้

โชคดีที่อาจารย์ของนางไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

มันเป็นผลให้นางพยายามซ่อนความอับอายเอาไว้ได้

นางได้หยิบกล่องเก็บกระบี่ขึ้นมาและจากไปในทันที

นางได้ออกจากภูเขาหมาป่าแห่งนี้และหายตัวไป

คนของกองกำลังเหยี่ยวมังกรได้เฝ้ามององค์หญิงหยูหลินที่จากไป

พวกเขาไม่กล้าไล่ตามนาง

ทว่าพวกเขามองดูภูเขาหมาป่าที่ถูกแบ่งและพระราชวังขาวแดงที่แยกออกจากกัน สิ่งนี้ได้บอกอะไรบางอย่างแก่พวกเขา

อย่าได้ไล่ตามนาง

มิฉะนั้นพวกเขาอาจจะมีจุดจบที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตายอย่างไร

“จบแล้ว ชาวเซียนเป่ย จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากยิ่งขึ้นในฤดูหนาวนี้”

“ข้าสงสัยว่า กองกำลังเหยี่ยวมังกร จะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นชาวเซียนเป่ยก็จะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายอีกครั้ง”มีใครบางคนได้ถอนหายใจออกมา

“ใครจะไปคิดว่าองค์หญิงที่มีอายุเพียง 16 ปีจะน่ากลัวถึงเพียงนี้”

“ใช่...พวกคนจากภาคกลางน่ากลัวเกินไป นางจากไปโดยไม่พูดอะไรในตอนนี้ แต่นางได้เตือนเราอย่างเงียบ ๆ ว่าอย่าได้รุกรานชายแดนอีก”

“แม้ว่าพวกเราต้องการจะบุกตอนนี้ พวกเราก็คงไม่มีความกล้าและกำลังพลที่เพียงพอจะทำเช่นนั้น”

ชาวเซียนเป่ย ได้พูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพวกเขา

ผลกระทบนี้ใหญ่มาก

มันยิ่งกว่าตอนที่ หลินจิ่วเฟิง ฆ่า ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน เมื่อหลายสิบปีก่อนเสียอีก

ชาวเซียนเป่ยเดิมมีจิตใจและความเย่อหยิ่งในตัว

พวกเขาคิดว่าตนเองสามารถใช้ประโยชน์จากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาได้อย่างแน่นอน

นี่คือเหตุผลที่พวกเขามีความกล้าที่จะรุกรานราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของพวกเขา

ถ้าพวกเขาไม่ยั่วยุราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา พวกเขาคงไม่ได้ไปกระตุ้นเทพแห่งการสังหาร-องค์หญิงหยูหลิน

องค์หญิงหยูหลิน ได้กลับมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากทะลวงผ่านขั้นเทพมนุษย์ความเร็วของนางก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

นางรีบกลับไปยังเมืองหลวงราชวงศ์จากภูเขาหมาป่าโดยที่ไม่หยุดพัก

เพียงแค่วันเดียว!

ความเร็วในการแพร่กระจายข่าวชัยชนะของนางเร็วยิ่งกว่าความเร็วของเทพมนุษย์เสียอีก

ขณะที่นางก้าวเข้าสู่อาณาเขตของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและสายลับก็ได้รีบเขียนรายงานส่งต่อไปยังผู้คนนับไม่ถ้วนที่ต้องการทราบว่านางอยู่ที่ไหน

เมืองหลวงราชวงศ์ พระราชวังต้องห้าม

จักรพรรดิเต๋อได้หัวเราะออกมา

เขาได้ถือจดหมายในมือและพึมพัมออกมาด้วยความตื่นเต้น“เสด็จแม่ ลองดูนี่สิ!”

“มันถูกเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าน้องสาวของข้าได้ทำลายกองกำลังเหยี่ยวมังกรด้วยตัวเองและฆ่าราชามู่หรงหลิง! อีกทั้งนางยังผ่าแยกภูเขาหมาป่าออกเป็นสองส่วน พระราชวังขาวและพระราชวังแดงก็ถูกแยกออกจากกันด้วยกระบี่เดียวของนาง!”

“...”

จักรพรรดินีพระมารดารู้สึกประหลาดใจ“เมื่อไหร่กันที่หยูหลินแข็งแกร่งขนาดนี้?”

“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่รอนางกลับมา ท่านสามารถถามนางได้ด้วยตนเอง”จักรพรรดิเต๋อ ก็รู้สึกแปลก ๆ

เขาสงสัยว่ามันจะเกี่ยวข้องกับตำหนักเย็นหรือไม่

แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้ประมาทเหมือนครั้งก่อน

เขาไม่ได้วางแผนที่จะบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้จนกว่าเขาจะตรวจสอบทุกอย่างโดยละเอียด

“งั้นคงต้องรอนางกลับมา”จักรพรรดินีพระมารดาได้พยักหน้า

นิกายเส้นทางสวรรค์

ประมุขนิกายหลัวหยู มองไปที่ข้อความที่ถูกส่งมาโดยสายลับของเขา

เขารู้สึกพูดไม่ออกหลังจากอ่านเนื้อหาข้างใน

“นิกายแก่นแท้แห่งชีวิต เป็นหนึ่งในกลุ่มชั้นนำของที่ราบ แต่พวกเขากลับถูกจัดการโดยเด็กสาวอายุ 16 ปี?”ประมุขนิกายหลัวหยูรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก

เขาถูกองค์หญิงหยูหลินตบหน้าอย่างต่อเนื่อง

ทุกคำทำนายที่เขาพูดถึงนางล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อเขาเห็นข่าวชัยชนะขององค์หญิงหยูหลิน เขาก็รู้สึกหงุดหงิดทันที

“เราจะต้องสืบสวนบุคคลที่อยู่เบื้องหลังองค์หญิงหยูหลินคนนี้…”

“เขาจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเรา”นักพรตเต๋าเฒ่าได้กล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ข้ารู้แล้ว…”ประมุขนิกายหลัวหยูได้สูดลมหายใจเข้าลึก

เขาได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่

คราวนี้เขาจะไม่พลาดอีก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด