407-408
7/10
Ep.407
ที่น่าแปลกก็คือ เมืองซางเทียนไม่มีจุดสัญญาณสีแดงหรือสีดำอยู่เลย กระทั่งจุดสีน้ำเงินก็ไม่มีแม้แต่จุดเดียว ราวกับทั้งเมืองได้ตายไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น? ซอมบี้กับพวกเผ่าอมตะไปอยู่ที่ไหนกันหมด?” คิ้วของซูเฉินขมวดเข้าหากัน
ไม่มีซอมบี้หรือพวกต่างเผ่า ก็เท่ากับไม่มีชิ้นส่วนดรอป นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการจะเห็น
การเดินทางในครั้งนี้ เกรงว่าจะสูญเปล่าแล้ว
หลังจากนิ่งค้าง เฝ้ามองหน้าจอควบคุมอยู่พักหนึ่ง ซูเฉินก็สังเกตเห็นจุดสีน้ำเงินกำลังวิ่งมาจากทางเมืองซางเทียน อยู่ห่างจากเขาไม่ถึง 200 กิโลเมตร
“เสี่ยวจือ ล็อคจุดสีน้ำเงินนั่นไว้ ขับไปดูกัน” ซูเฉินสั่ง
ความคิดของเขานั้นเรียบง่ายมาก หากอีกฝ่ายมาจากเมืองซางเทียน บางทีอาจรู้ข้อมูลอะไรบางอย่าง
[รถศึกอัจฉริยะ] ได้รับคำสั่ง ก็หักเลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง มุ่งหน้าตรงไปยังจุดสีน้ำเงิน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ภาพของรถฐานทัพก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ รถฐานทัพคันนี้คือจุดสีน้ำเงินที่แสดงก่อนหน้านี้
หลังจากหยุดรถฐานทัพได้สำเร็จ ซูเฉินก็เปิดประตู ก้าวไปหาอีกฝ่าย
ในขณะเดียวกัน ชายสองคนได้ก้าวลงมาจากรถฐานทัพฝั่งตรงข้าม แต่พอเห็นหน้าซูเฉินชัดๆ ทั้งสองก็ตื่นตกใจกลัวขึ้นมาทันที โค้งคำนับพร้อมตะโกนว่า “ผู้อาวุโส!”
“อา .. ที่แท้ก็เป็นคุณลุงนี่เอง”
ตอนแรก ซูเฉินกวาดมองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อพบว่าหนึ่งในนั้นคือชายเคราแดงหลิวหยวนที่เจอกันในเทือกเขาฉางกู่เมื่อไม่กี่วันก่อน ก็คลายใจลง
“ผู้อาวุโส ผู้น้อยชื่อหลิวหยวน เรียกแค่ชื่อก็ได้” หลิวหยวนสั่นเทาไปทั้งตัว
ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่าซูเฉินแข็งแกร่งขนาดไหน เมื่อซูเฉินเคารพ เรียกเขาคุณลุง เลยไม่รู้สึกอะไร
แต่หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งอันน่าตกใจของซูเฉินแล้ว เขาก็ไม่กล้าให้อีกฝ่ายเรียกคุณลุงอีก
ซูเฉินไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เอ่ยถามต่อว่า “พวกคุณสองคนมาจากเมืองซางเทียนใช่ไหม?”
“ขอรับ”
หลิวหยวนตอบอย่างรีบร้อน
“งั้นตอนนี้สถานการณ์ในเมืองซางเทียนเป็นอย่างไร?” ซูเฉินถามอย่างใจเย็น
“ผู้อาวุโส ตอนนี้เมืองซางเทียนได้กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว” หลิวหยวนตอบตามความจริง
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าท่าทีของซูเฉินแข็งค้างไป
แม้ว่าขนาดของเมืองซางเทียนจะไม่ใหญ่เท่ากับเมืองทงเทียนก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าเป็เมืองใหญ่แห่งหนึ่ง แล้วจู่ๆจะกลายเป็นซากปรักหักพังได้อย่างไร?
ใครกันที่สามารถทำลายเมืองใหญ่เช่นนั้นได้?
“พวกคุณพอรู้ไหมว่ามันล่มสลายลงได้ยังไง?” ซูเฉินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
หลิวหยวนส่ายหัวอย่างว่างเปล่า แสดงท่าทีว่าไม่รู้เหมือนกัน
ผู้เฒ่าหยูด้านข้างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “ผู้อาวุโส เราผู้เฒ่าคาดว่าอาจเป็นเพราะการพังทลายของทางผ่านเขตแดนข้างในเมือง”
“จริงสิ นั่นก็มีโอกาสเป็นไปได้!” ซูเฉินฉุกคิดได้ในทันที
พลังทำลายล้างที่เกิดจากการล่มสลายของทางผ่านเขตแดน มันน่ากลัวมาก
ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งล่าสุดในเมืองทงเทียน มันได้ทำลายล้างเมืองไปกว่าครึ่ง
ขณะที่เมืองซางเทียนไม่ใหญ่เท่าเมืองทงเทียน ดังนั้นการถูกทำลายทั้งเมืองในคราเดียว มีโอกาสเป็นไปได้
เมื่อคิดออกว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้น ซูเฉินถามอีกครั้งว่า “แถวนี้มีคลื่นซอมบี้หรือคลื่นสัตว์กลายพันธุ์อยู่บ้างไหม?”
“พูดถึงเรื่องนี้ ถึงอาจจะฟังดูแปลกๆไปบ้าง เดิมทีแถวนี้มีซอมบี้อยู่มากมาย แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้น้อยยังไม่เห็นซอมบี้แม้แต่ตัวเดียว ราวกับว่าซอมบี้ทั้งหมดได้หายไปจากเขตหยูหลิน” หลิวหยวนอธิบาย
เรื่องนี้มันแปลกจริงๆด้วย ซูเฉินรู้สึกได้รางๆว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับการตายของมหาจักรพรรดิเฮยหยุน
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ซูเฉินก็กล่าวอย่างเป็นกันเอง “เอาล่ะ ไม่มีคำถามแล้ว ขอโทษที่รวบกวน เชิญไปเถอะ”
“ผู้อาวุโส เช่นนั้นพวกเราขอลา!”
หลิวหยวนกับผู้เฒ่าหยูคล้ายได้รับคำกล่าวนิรโทษกรรม วิ่งเหยาะๆกลับขึ้นไปบนรถฐานทัพ และขับจากไปอย่างรวดเร็ว
ซูเฉินกลับมาที่นี่ หรี่ตาครุ่นคิดพลางมองลงบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
เนื่องจากเมืองซางเทียนไม่มีซอมบี้อีกแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีกต่อไป เป้าหมายต่อไปคือเทือกเขาคงถง
“เสี่ยวจือ มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาคงถง”
8/10
Ep.408
[รถศึกอัจฉริยะ] ล็อคตำแหน่งเทือกเขาคงถง เร่งความเร็วมุ่งหน้าไป
ห้าวันให้หลัง บนหน้าจอควบคุมส่วนกลางก็เริ่มเห็นที่ตั้งของเทือกเขาคงถง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่นี่ก็เหมือนกับเมืองซางเทียน มีจุดสีแดงอยู่น้อยมากๆบนเทือกเขาคงถง
หรือความหมายก็คือ สัตว์กลายพันธุ์ที่อยู่ข้างในได้อพยพออกไปหมดแล้ว เหมือนกับว่าพวกมันรู้ว่าซูเฉินจะมาฆ่า เลยหลบหนีไปล่วงหน้า
การหายตัวไปอย่างปริศนาของซอมบี้ในเขตนี้ บวกกับเรื่องที่สัตว์กลายพันธุ์ในเทือกเขาคงถงย้ายถิ่นฐาน ซูเฉินรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ครุ่นคิดอยู่นาน ซูเฉินก็ตัดสินใจดูแผนที่ ค้นหาสถานที่ต่อไป
ต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ได้วิ่งวนไปรอบๆเขตหยูหลิน ไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจอย่างขุนเขาเทียนฉี , หุบเขาหวางโหย่ว , ภูเขาฉีหลิน ล้วนแวะไปเยี่ยมเยือนทั้งสิ้น
ทว่าขุมกำลังเหล่านั้นก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับเมืองซางเทียน ทั้งหมดล้วนถูกทำลาย
และระหว่างทาง ซูเฉินยังค้นพบเรื่องแปลกประหลาดอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือในช่วงหลายวันมานี้ เขาพบมนุษย์น้อยลง น้อยลงจนสังเกตเห็นได้ชัด
ตามหลักเหตุและผลแล้ว เมื่อซอมบี้กับสัตว์กลายพันธุ์หายตัวไป มนุษย์สมควรมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น พวกเขาน่าจะมีอะไรให้ทำมากกว่าเดิม
เมื่อนึกยังไงก็นึกไม่ออก ซูเฉินไม่คิดให้เปลืองสมอง สุดท้ายตัดสินใจออกจากเขตหยูหลิน ลองไปเสี่ยงโชคในเขตสุดท้ายอย่างเตอหลินดู
หากต้องการเข้าสู่เขตเตอหลิน วิธีที่ง่ายที่สุดคือเดินทางผ่านอุโมงค์
หลังจากพบทางเข้าอุโมงค์ที่ใกล้ที่สุดบนหน้าจอควบคุมส่วนกลางแล้ว ซูเฉินก็ออกคำสั่งให้ [รถศึกอัจฉริยะ] มุ่งหน้าไป
ไม่กี่วันต่อมา ระหว่างเดินทางก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์
ขณะที่เขากำลังเดินทางผ่านเมืองเล็กๆที่เรียกว่า ‘หลานซี’ ซูเฉินก็ต้องพบกับเรื่องน่าประหลาดใจ เพราะกำลังเกิดการต่อสู้ดุเดือดขึ้นที่นั่น
และทั้งสองฝ่ายต่างเป็นมนุษย์
ฝ่ายหนึ่งสวมชุดเครื่องแบบสีดำ คล้ายมาจากขุมกำลังหนึ่ง มีจำนวนหลายร้อยคน
อีกด้านหนึ่งน่าจะเป็นชาวเมืองหลานซี พวกเขามีจำนวนหลักพัน แต่กำลังถูกอีกฝ่ายสังหารลงอย่างต่อเนื่อง
เรื่องแบบนี้ อันที่จริงซูเฉินไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ขณะที่กำลังจะจากไป สายตาเขาดันไปเห็นคนรู้จักเข้า
คนรู้จักที่ว่ามิใช่ใครอื่น เป็นชายชราหงอกขาวที่มีโชคชะตาได้พบเจอกันหลายต่อหลายครั้ง
ในเวลานี้ สภาพของชายชราหงอกขาวไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว ดูน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง ขณะนี้เขากำลังถูกล้อมโดยชายชุดดำสามคน ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
“ทุกที่ที่ฉันไป จะต้องเจอกับผู้เฒ่าคนนี้ทุกทีเลยสิน่า สงสัยจะมีวาสนาต่อกันจริงๆ” ซูเฉินพึมพำ ตั้งใจจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ลงจากรถ ซูเฉินก้าวไปข้างหน้าอย่างสบายๆ เมื่อเขาใกล้เข้าไป ก็ขึ้นเสียงตะโกน “หยุดเดี๋ยวนี้!”
เสียงตะโกนดังก้อง ราวอสนีบาตฟาดผ่า สถานการณ์อลหม่านชะงักงันลงในพริบตา
แต่ที่หยุดน่ะไม่ใช่เพราะเสียงตระโกนเพียงอย่างเดียว แต่ทั้งหมดต่างตระหนักดี ว่าชายแปลกหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา คือยอดฝีมืออย่างแน่นอน เลยไม่มีใครกล้าเอะอะผลีผลาม
ชายชราหงอกขาวรู้สึกว่าเสียงนี้ค่อนข้างคุ้นเคย เมื่อหันไปมอง และพบว่าผู้มาเยือนคือซูเฉิน ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างอธิบายไม่ถูก
เขาวิ่งเหยาะๆไปเบื้องหน้าซูเฉิน แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “ผู้อาวุโส”
“ท่านลุง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย?” ซูเฉินถาม
ชายชราหงอกขาวรีบอธิบาย “ผู้อาวุโส คนพวกนี้จู่ๆก็ต้องการจับตัวพวกเรา เมื่อเร็วๆนี้ผู้คนจำนวนมากในเขตหยูหลินก็เพิ่งถูกจับตัวไปเหมือนกัน”
“อ้อ”
ซูเฉินอุานออกมาเบาๆ ลอบกล่าวในใจว่า ‘มิน่าเล่า จำนวนประชากรในเขตหยูหลินถึงลดลงจนสังเกตเห็นได้ชัด ที่แท้คงถูกกลุ่มชายชุดดำพวกนี้จับตัวไปนี่เอง’
“ไอ้หนู ขอแนะนำว่าอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า เดี๋ยวจะเอาชีวิตมาทิ้งซะเปล่าๆ”
ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าดำคล้ำได้ก้าวออกมาจากกลุ่มชายชุดดำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หลังจากกวาดสายตามองซูเฉินด้วยความเย็นชา ก็เอ่ยเตือนขึ้น
ซูเฉินปาดจมูกเขา เอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “แล้วถ้าฉันอยากยุ่งล่ะ?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า …”
ชายหน้าคล้ำหัวเราะดุร้าย แค่นเสียงเย็นชา “ไอ้หนู รู้ไหมว่าพวกเราเป็นผู้ใตับังคับบัญชาของใคร? ถ้าแกกล้าต่อต้านพวกเรา ที่รออยู่มีเพียงความตาย!”
ซูเฉินเบ้ปาก “ก็บอกมาสิ ว่าไอ้โง่คนไหนคือหัวหน้าของพวกแก?”
“ถ้าพูดแล้วเกรงว่าแกจะหวาดกลัวจนช็อคตาย!”
ชายหน้าดำคล้ำยืดอกตรง กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “บุคคลท่านนั้นคือซูเฉิน --
--พวกเราทุกคนคือผู้ใต้บังคับบัญชาของนายท่านซู!”