ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 86 ชักกระบี่เพื่อเป็นเทพมนุษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 88 องค์หญิงหยูหลินที่เดือดดาล

80Y-ตอนที่ 87 ผ่าภูเขาหมาป่าเป็นสองส่วน


ที่เชิงเขาหมาป่า องค์หญิงหยูหลิน ได้ชักกระบี่ของนางออกมา นางได้ทะลวงผ่านอาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์

ปราณกระบี่ที่พุ่งทะยานของนางได้ไหลผ่านภูเขาหมาป่าทำให้ทุกคนบนเขารู้สึกตื่นตระหนก

“องค์หญิงคนนั้นมาแล้ว!”

“ช่างเป็นกลิ่นอายที่ทรงพลังจริง ๆ นางอยู่ในอาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์”

“นางเป็นแค่เทพมนุษย์! นางจะสามารถสังหารเทพมนุษย์ทั้ง 3 คนได้อย่างไร กระที่งหลอมรวมเข้ากับปราณกระบี่ที่วาดฟันออกไปไกลหลายหมื่นลี้?”

“รีบไปแจ้งท่านราชาเร็วเข้า! ให้เขารีบมาพาตัวนางกลับไปเป็นสนมของเขา! เขาจะต้องทำให้นางให้กำเนิดทายาทจำนวนมาก!”

บนภูเขาหมาป่า ได้มีการพูดคุยกันนับไม่ถ้วน

ทว่าตอนนี้พวกเขาทั้งหมดล้วนตื่นตระหนกกับปราณกระบี่ที่องค์หญิงหยูหลินแสดงออกมา

ปราณกระบี่อันไร้ขอบเขตของนางยังคงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

มันได้ทะยานขึ้นและยกร่างขององค์หญิงหยูหลินลอยขึ้นไปบนอากาศ ฉากนี้คล้ายกับทำให้นางดูเหมือนเทพธิดาแห่งการต่อสู้

นางได้เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สดใสของนางเต็มไปด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า

ใครว่าผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชาย?

องค์หญิงหยูหลิน-นางคืออัจฉริยะในด้านการบ่มเพาะพลัง

ในเวลาเพียงครึ่งปี นางสามารถยกระดับพลังจากขั้นก่อกำเนิดเข้าสู่อาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์

แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเพราะคำสั่งสอนของอาจารย์นั้นดี แต่มันก็คงไร้ประโยชน์หากนางไม่มีพรสวรรค์ที่เพียงพอ

ความมั่นใจขององค์หญิงหยูหลินได้เพิ่มขึ้นมากในขณะนี้

ฟู่!

เสื้อผ้าของนางได้ปลิวไสวกระทั่งผมเพ้าก็ไสวไปตามลม

รัศมีกลิ่นอายพลังรอบตัวของนางค่อนข้างยิ่งใหญ่ทำให้นางดูกล้าหาญอย่างมาก

นางได้กางแขนออกปราณกระบี่ที่ดูเหมือนจะสามารถทะลวงผ่านชั้นฟ้า ได้ปรากฏขึ้นข้างหลังของนางอีกครั้ง

มันได้ส่งแรงกดดันไปทั่วภูเขาหมาป่าทั้งหมด

“อวดดียิ่งนัก!”

บนยอดเขาหมาป่า มีพระราชวังขาว

ไม่ไกลจากพระราชวังขาวก็คือพะราชวังแดง

สองกลุ่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกองกำลังเหยี่ยวมังกรได้อาศัยอยู่ในพระราชวังที่แยกจากกัน

ราชากองกำลังเหยี่ยวมังกรได้อาศัยอยู่ในพระราชวังสีขาว

เขาคอยจัดการงานทั้งหมดเกี่ยวกับกองกำลังเหยี่ยวมังกรอยู่ที่นั่น

ส่วนคนจากนิกายแก่นแท้แห่งชีวิตได้อาศัยอยู่ในพระราชวังแดง พวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส ที่รักษากฏระเบียบ ทุกอย่างในเซียนเป่ย

นี่เป็นฉากหลังของกองกำลังเหยี่ยวมังกร

ที่พระราชวังขาวคอยจัดการงานของประเทศ ส่วน พระราชวังแดง มุ่งเน้นไปที่เส้นทางแห่งเต๋า

เสียงตะโกนอันเยือกเย็นได้ดังขึ้นจากพระราชวังขาว

ราชาเหยี่ยวมังกร-มู่หรงหลิง!

เขาเห็นว่าองค์หญิงหยูหลินผู้นี้กล้าหาญเพียงใด

นางกล้าที่จะชักกระบี่และลงมือกับภูเขาหมาป่าของเขา

นี่เป็นการยั่วยุชาวเซียนเป่ยอย่างแท้จริง

ในใจของชาวเซียนเป่ย ภูเขาหมาป่า คือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงแห่งเดียวของพวกเขา

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเหล่าผู้มีอำนาจมากมายจากราชวงศ์ก่อนหน้านี้ถึงได้ทำลายภูเขาหมาป่าไปและสามารถข่มขู่ชาวเซียนเป่ยได้

ทว่าภายหลังต่อมาเหล่าคนที่คิดจะท้าทายดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้กว่า 9 ใน 10 ส่วนล้วนมีจุดจบที่ไม่ดี

และตอนนี้ องค์หญิงหยูหลิน ก็กำลังท้าทายชาวเซียนเป่ย

ขณะที่ มู่หรงหลิงตะโกนออกมา รัศมีกลิ่นอายแห่งการปราบปรามก็พังทลายลงมา

ราวกับว่าผืนนภากำลังถล่มลงมายังพื้นโลก มันแสดงให้เห็นถึงรอยแตกร้าว

“เป็นเพียงแค่เทพมนุษย์ คิดจะต่อกรกับภูเขาหมาป่าแห่งนี้?”

“ข้าจะข่มเหงเจ้าและจับเจ้ามาให้กำเนิดทายาทให้แก่ข้า ด้วยความสามารถของเจ้า มันคงจะเสียเปล่าหากเจ้าไม่ได้ให้กำเนิดทายาทแก่ข้าสัก 10-20 คน”

กลิ่นอายพลังขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้น

มันมาพร้อมกับแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว

ใบหน้าขององค์หญิงหยูหลินเย็นลงเล็กน้อย นางมองดูกลิ่นอายพลังอันกว้างใหญ่ที่สามารถปกคลุมท้องฟ้าได้อย่างสมบูรณ์

นางได้หยุดเดินทันที

“อย่าได้หยุด จงก้าวต่อไป พยายามทำสิ่งที่เจ้าต้องการให้ได้ในคราวเดียว”

หลินจิ่วเฟิง ได้ให้ความสนใจกับสถานการณ์มาโดยตลอด

ในช่วงเวลานี้ เขาได้เตือนองค์หญิงหยูหลิน

เมื่อใดก็ตามที่อีกฝ่ายรู้สึกหวาดกลัวพวกเขาก็จะล้มเหลวอย่างเลี่ยงไม่ได้ มันจะดีกว่าหากพวกเขาทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะเอาชนะ

ถ้านางถอยกลับตอนนี้ นางจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้อื่น

และนางจะไม่สามารถควบคุมชะตากรรมของตนเองได้

สิ่งนี้จะกลายเป็นข้อผูกมัดนาง

เมื่อได้ยินเสียงนั้นรัศมีกลิ่นอายพลังของนางก็ระเบิดออกมาโดยตรง

“เจ้าคิดจะให้ข้ากำเนิดทายาทให้กับเจ้า ไว้รอชาติหน้าเถอะ!”

องค์หญิงหยูหลิน ได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมกับกลิ่นอายพลังกระบี่ที่นางสะสมเอาไว้มาด้วย

พลังปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวได้ปรากฏขึ้นพร้อมกับองค์หญิงหยูหลิน

นางตั้งใจแน่วแน่และไม่กลัวผลลัพธ์ที่จะตามมา

บูม! บูม!

พื้นที่หลายร้อยลี้รอบตัวขององค์หญิงหยูหลินล้วนถูกคลื่นกระแทกจนพังทลายไม่เป็นท่า

“เป็นเพียงแค่มดคิดจะเขย่าต้นไม้...เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไป!”มู่หรงหลิง ได้สูดลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา

ใบหน้าของเขาเย็นชามากขณะที่เขาเคาะมือข้างนึงลงในระหว่างที่อยู่หน้าพระราชวังขาว

เขาราวกับเทพเจ้าที่ชาวเซียนเป่ยนั้นสรรเสริญ

ตั้งแต่ต้นจนจบเขายังคงหยิ่งผยองในท่าทีของตนเอง

“เจ้าก็เป็นเทพมนุษย์ ข้าก็เป็นเทพมนุษย์ ข้ามีความสามารถมากพอที่จะฆ่าเจ้า!”

องค์หญิงหยูหลิน ได้มองไปที่อีกฝ่าย

การปรากฏตัวของนางที่มาพร้อมกับปราณกระบี่อันแข็งแกร่งคล้ายกับฝนดาวตกขนาดใหญ่

ฝนดาวตกนี้ได้ปรากฏขึ้นในอากาศและพยายามจะสังหาร มู่หรงหลิง ที่หยิ่งผยอง!

“เมื่อหลายพันปีก่อน ข้าคือดวงดาวที่สว่างที่สุดบนที่ราบ…”

“ข้าได้ทะลวงผ่านอาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์ในยุคที่พลังงานทางโลกกำลังถดถอย…”

“จากนั้นข้าก็ได้ผนึกตัวเองเป็นเวลากว่า 3,000 ปีและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในยุคใหม่นี้”

“ข้ามีความสามารถที่จะกลายเป็นเซียนอมตะ ข้ามีอนาคตที่สดใสกำลังรออยู่ ตัวตนของข้าไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถเทียบเคียงได้”

ใบหน้าของ มู่หรงหลิง ได้กลายเป็นเย็นชาสุดแสนกระทั่งความภาคภูมิใจของเขายังเผยออกมา

“ดังนั้นจงก้มหน้ายอมจำนนแก่ข้าซะ!”

ทันใดนั้น มู่หรงหลิง ก็ประกบมือทั้งสองข้าง

บูม!

ภูเขาถล่มและผืนปฐพีได้แยกออกจากกัน

ท้องฟ้าราวกับพังทลายลงมา ฉากเหล่านี้เต็มไปด้วยความโกลาหลไร้สิ้นสุด

ผลกระทบจากการโจมตีของเขาได้กวาดล้างทุกสิ่งโดยตรง

“เราทั้งคู่เป็นเทพมนุษย์…”

“แม้ว่าอาณาจักรพลังของพวกเราจะเหมือนกัน แต่สายเลือดของพวกเราก็ต่างกัน!”

“ข้าคือท้องฟ้าส่วนเจ้าคือผืนปฐพีมันไม่สามารถนำมาเทียบกันได้!”

มู่หรงหลิง หัวเราะเยาะขณะที่เขายืนอยู่บนยอดของภูเขาหมาป่า เขาได้ไขว่มือไปด้านหลังและมองดูฉากเบื้องหน้าด้วยความเย่อหยิ่ง

เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ!

ครื่นน!

องค์หญิงหยูหลินได้ปลดปล่อยปราณกระบี่ของนาง

ปราณกระบี่ของนางได้พุ่งชนเข้ากับกลิ่นอายพลังของมู่หรงหลิง

ภายใต้สายตาของคนนับล้าน เสียงที่แตกหักได้ดังกึกก้องไม่หยุด

พลังปราณกระบี่ของนางไม่สามารถเทียบกับกลิ่นอายพลังของ มู่หรงหลิง ได้เลย

พลังของเขาได้ทำลายปราณกระบี่ทั้งหมดขององค์หญิงหยูหลิน

การโจมตีเดียวของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะยกเลิกฐานการบ่มเพาะพลังทั้งหมดของนาง

หลังจากนางพลาดท่ากลายเป็นคนพิการจากการโจมตีนี้ นางจะกลายเป็นเพียงเครื่องจักรที่ใช้ผลิตทายาทเท่านั้น

เผชิญหน้ากับการโจมตีตัวต่อตัว องค์หญิงหยูหลิน ค้นพบว่ามันยากที่จะควบคุมร่างกายของตนเอง

พลังของอีกฝ่ายคล้ายกับมังกรหิมะอันไร้สิ้นสุดที่กำลังแยกเขี้ยวและง้างกรงเล็บของมัน

มันกำลังพุ่งเข้ามาใส่นางและบดขยี้นางด้วยขากรรไกรของมันโดยตรง

นางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย

นางก็แค่ไหลไปตามกระแส

ช่องว่างระหว่างทั้งสองใหญ่เกินไป อย่างีท่ มู่หรงหลิง กล่าว

องค์หญิงหยูหลิน มองดูด้วยความสิ้นหวัง

มังกรร้ายตัวนี้กำลังใกล้เข้ามาหานางมากขึ้นเรื่อย ๆ

แกร๊ก!

แต่ทว่าในเวลานี้กล่องเก็บกระบี่ด้านหลังของนางก็ได้ปะทุพลังออกมา

ท่ามกลางสายลมและหิมะที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าแสงสว่างได้ปรากฏขึ้น

ลำแสงกระบี่หลายเล่มได้พุ่งออกมาจากข้างใน

สิ่งนี้แตกต่างจากความขาวของเกล็ดหิมะ เพราะความขาวของมันคล้ายกับกระดูกของคน

ลำแสงกระบี่ได้ทอเข้าหากันก่อกำเนิดเป็นรูปแบบกระบี่ที่รองรับร่างขององค์หญิงหยูหลิน

มังกรร้ายที่มีขนาดใหญ่มหึมาได้อ้าปากของมันขึ้นเพื่อที่จะกลืนกินนาง

ฟุ่บ!

แสงกระบี่กว่า 365 เล่มได้ระเบิดพร้อมกัน

เมื่อพวกมันมาบรรจบกัน พวกมันก็เจาะลุชั้นฟ้าโดยตรง และ ทำลายการโจมตีของ มู่หรงหลิง

บูม!

มังกรร้ายที่มีขนาดใหญ่ได้ระเบิดหายไป

ดวงตาขององค์หญิงหยูหลินได้เป็นประกาย

นางร้องออกมาอย่างมีความสุข“ท่านอาจารย์!”

ในช่วงเวลาสำคัญท่านอาจารย์ได้ช่วยชีวิตนางอีกครั้ง

“ข้าจะสอนทักษะกระบี่ที่เรียกว่าทักษะกระบี่กระดูกมรณะ จงสัมผัสมันด้วยใจ”เสียงของ หลินจิ่วเฟิง ได้ดังขึ้นในหูขององค์หญิงหยูหลิน

องค์หญิงหยูหลิน ได้จดจ่อกับสัมผัสการรู้ทันที

จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหลินจิ่วเฟิงได้ควบคุมกระบี่กระดูกและเคลื่อนไหวภายใต้การกระทำขององค์หญิงหยูหลิน

ทะยานสู่ท้องฟ้า!

หลินจิ่วเฟิง ที่ควบคุมกระบี่กว่า 365 เล่ม พวกมันล้วนดูน่าหวาดกลัวอย่างมาก

พวกมันได้ลอยอยู่รอบตัวขององค์หญิงหยูหลินโดยตรง

“หลอมรวม!”

จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหลินจิ่วเฟิงที่เข้าสิงองค์หญิงหยูหลินเขาได้ตะโกนออกมาด้วยเสียงของนาง

กระบี่กระดูกที่เรียกออกมาได้รายเรียงกันเป็นแถว

ฟุ่บ!

ฟุ่บ!

ฟุ่บ!

กระบี่กระดูกเหล่านี้คล้ายกับกำลังหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง

มันได้สร้างแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่มาจากกระบี่เพียงเล่มเดียว

หลินจิ่วเฟิง ที่ควบคุมร่างกายขององอค์หญิงหยูเขาได้จับด้ามกระบี่กระดูกขนาดใหญ่นี้

จากนั้นเขาก็ฟันมันออกไป!

บูม!!

ในเวลานี้ทุกคนบนที่ราบต่างสัมผัสได้ถึงปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังปรากฏขึ้น

ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก กระทั่ง มู่หรงหลิง ก็เช่นเดียวกัน

สีหน้าของเขาได้กลายเป็นน่าเกลียด

กระบี่กระดูกที่ฟาดลงไปมันไม่ได้สังหาร มู่หรงหลิง โดยตรง

แต่กลับแยกภูเขาหมาป่าออกเป็นสองส่วน

ผืนปฐพีและภูเขาได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ที่ราบทั้งหมดล้วนเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่

แม้แต่กระทั่งหลายหมื่นลี้ที่อยู่ห่างจากพรมแดนของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนนี้

ในสายตาของชาวเซียนเป่ยนับล้าน ‘องค์หญิงหยูหลิน’ ได้แยกภูเขาหมาป่าออกเป็นสองส่วนด้วยการโจมตีการฟันกระบี่เพียงครั้งเดียว

พระราชวังขาวและพระราชวังแดงได้ถูกแยกออกจากกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด