80Y-ตอนที่ 87 ผ่าภูเขาหมาป่าเป็นสองส่วน
ที่เชิงเขาหมาป่า องค์หญิงหยูหลิน ได้ชักกระบี่ของนางออกมา นางได้ทะลวงผ่านอาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์
ปราณกระบี่ที่พุ่งทะยานของนางได้ไหลผ่านภูเขาหมาป่าทำให้ทุกคนบนเขารู้สึกตื่นตระหนก
“องค์หญิงคนนั้นมาแล้ว!”
“ช่างเป็นกลิ่นอายที่ทรงพลังจริง ๆ นางอยู่ในอาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์”
“นางเป็นแค่เทพมนุษย์! นางจะสามารถสังหารเทพมนุษย์ทั้ง 3 คนได้อย่างไร กระที่งหลอมรวมเข้ากับปราณกระบี่ที่วาดฟันออกไปไกลหลายหมื่นลี้?”
“รีบไปแจ้งท่านราชาเร็วเข้า! ให้เขารีบมาพาตัวนางกลับไปเป็นสนมของเขา! เขาจะต้องทำให้นางให้กำเนิดทายาทจำนวนมาก!”
…
บนภูเขาหมาป่า ได้มีการพูดคุยกันนับไม่ถ้วน
ทว่าตอนนี้พวกเขาทั้งหมดล้วนตื่นตระหนกกับปราณกระบี่ที่องค์หญิงหยูหลินแสดงออกมา
ปราณกระบี่อันไร้ขอบเขตของนางยังคงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
มันได้ทะยานขึ้นและยกร่างขององค์หญิงหยูหลินลอยขึ้นไปบนอากาศ ฉากนี้คล้ายกับทำให้นางดูเหมือนเทพธิดาแห่งการต่อสู้
นางได้เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สดใสของนางเต็มไปด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า
ใครว่าผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชาย?
องค์หญิงหยูหลิน-นางคืออัจฉริยะในด้านการบ่มเพาะพลัง
ในเวลาเพียงครึ่งปี นางสามารถยกระดับพลังจากขั้นก่อกำเนิดเข้าสู่อาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์
แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเพราะคำสั่งสอนของอาจารย์นั้นดี แต่มันก็คงไร้ประโยชน์หากนางไม่มีพรสวรรค์ที่เพียงพอ
ความมั่นใจขององค์หญิงหยูหลินได้เพิ่มขึ้นมากในขณะนี้
ฟู่!
เสื้อผ้าของนางได้ปลิวไสวกระทั่งผมเพ้าก็ไสวไปตามลม
รัศมีกลิ่นอายพลังรอบตัวของนางค่อนข้างยิ่งใหญ่ทำให้นางดูกล้าหาญอย่างมาก
นางได้กางแขนออกปราณกระบี่ที่ดูเหมือนจะสามารถทะลวงผ่านชั้นฟ้า ได้ปรากฏขึ้นข้างหลังของนางอีกครั้ง
มันได้ส่งแรงกดดันไปทั่วภูเขาหมาป่าทั้งหมด
“อวดดียิ่งนัก!”
บนยอดเขาหมาป่า มีพระราชวังขาว
ไม่ไกลจากพระราชวังขาวก็คือพะราชวังแดง
สองกลุ่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกองกำลังเหยี่ยวมังกรได้อาศัยอยู่ในพระราชวังที่แยกจากกัน
ราชากองกำลังเหยี่ยวมังกรได้อาศัยอยู่ในพระราชวังสีขาว
เขาคอยจัดการงานทั้งหมดเกี่ยวกับกองกำลังเหยี่ยวมังกรอยู่ที่นั่น
ส่วนคนจากนิกายแก่นแท้แห่งชีวิตได้อาศัยอยู่ในพระราชวังแดง พวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส ที่รักษากฏระเบียบ ทุกอย่างในเซียนเป่ย
นี่เป็นฉากหลังของกองกำลังเหยี่ยวมังกร
ที่พระราชวังขาวคอยจัดการงานของประเทศ ส่วน พระราชวังแดง มุ่งเน้นไปที่เส้นทางแห่งเต๋า
เสียงตะโกนอันเยือกเย็นได้ดังขึ้นจากพระราชวังขาว
ราชาเหยี่ยวมังกร-มู่หรงหลิง!
เขาเห็นว่าองค์หญิงหยูหลินผู้นี้กล้าหาญเพียงใด
นางกล้าที่จะชักกระบี่และลงมือกับภูเขาหมาป่าของเขา
นี่เป็นการยั่วยุชาวเซียนเป่ยอย่างแท้จริง
ในใจของชาวเซียนเป่ย ภูเขาหมาป่า คือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงแห่งเดียวของพวกเขา
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเหล่าผู้มีอำนาจมากมายจากราชวงศ์ก่อนหน้านี้ถึงได้ทำลายภูเขาหมาป่าไปและสามารถข่มขู่ชาวเซียนเป่ยได้
ทว่าภายหลังต่อมาเหล่าคนที่คิดจะท้าทายดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้กว่า 9 ใน 10 ส่วนล้วนมีจุดจบที่ไม่ดี
และตอนนี้ องค์หญิงหยูหลิน ก็กำลังท้าทายชาวเซียนเป่ย
ขณะที่ มู่หรงหลิงตะโกนออกมา รัศมีกลิ่นอายแห่งการปราบปรามก็พังทลายลงมา
ราวกับว่าผืนนภากำลังถล่มลงมายังพื้นโลก มันแสดงให้เห็นถึงรอยแตกร้าว
“เป็นเพียงแค่เทพมนุษย์ คิดจะต่อกรกับภูเขาหมาป่าแห่งนี้?”
“ข้าจะข่มเหงเจ้าและจับเจ้ามาให้กำเนิดทายาทให้แก่ข้า ด้วยความสามารถของเจ้า มันคงจะเสียเปล่าหากเจ้าไม่ได้ให้กำเนิดทายาทแก่ข้าสัก 10-20 คน”
กลิ่นอายพลังขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้น
มันมาพร้อมกับแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ใบหน้าขององค์หญิงหยูหลินเย็นลงเล็กน้อย นางมองดูกลิ่นอายพลังอันกว้างใหญ่ที่สามารถปกคลุมท้องฟ้าได้อย่างสมบูรณ์
นางได้หยุดเดินทันที
“อย่าได้หยุด จงก้าวต่อไป พยายามทำสิ่งที่เจ้าต้องการให้ได้ในคราวเดียว”
หลินจิ่วเฟิง ได้ให้ความสนใจกับสถานการณ์มาโดยตลอด
ในช่วงเวลานี้ เขาได้เตือนองค์หญิงหยูหลิน
เมื่อใดก็ตามที่อีกฝ่ายรู้สึกหวาดกลัวพวกเขาก็จะล้มเหลวอย่างเลี่ยงไม่ได้ มันจะดีกว่าหากพวกเขาทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะเอาชนะ
ถ้านางถอยกลับตอนนี้ นางจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้อื่น
และนางจะไม่สามารถควบคุมชะตากรรมของตนเองได้
สิ่งนี้จะกลายเป็นข้อผูกมัดนาง
เมื่อได้ยินเสียงนั้นรัศมีกลิ่นอายพลังของนางก็ระเบิดออกมาโดยตรง
“เจ้าคิดจะให้ข้ากำเนิดทายาทให้กับเจ้า ไว้รอชาติหน้าเถอะ!”
องค์หญิงหยูหลิน ได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมกับกลิ่นอายพลังกระบี่ที่นางสะสมเอาไว้มาด้วย
พลังปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวได้ปรากฏขึ้นพร้อมกับองค์หญิงหยูหลิน
นางตั้งใจแน่วแน่และไม่กลัวผลลัพธ์ที่จะตามมา
บูม! บูม!
พื้นที่หลายร้อยลี้รอบตัวขององค์หญิงหยูหลินล้วนถูกคลื่นกระแทกจนพังทลายไม่เป็นท่า
“เป็นเพียงแค่มดคิดจะเขย่าต้นไม้...เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไป!”มู่หรงหลิง ได้สูดลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา
ใบหน้าของเขาเย็นชามากขณะที่เขาเคาะมือข้างนึงลงในระหว่างที่อยู่หน้าพระราชวังขาว
เขาราวกับเทพเจ้าที่ชาวเซียนเป่ยนั้นสรรเสริญ
ตั้งแต่ต้นจนจบเขายังคงหยิ่งผยองในท่าทีของตนเอง
“เจ้าก็เป็นเทพมนุษย์ ข้าก็เป็นเทพมนุษย์ ข้ามีความสามารถมากพอที่จะฆ่าเจ้า!”
องค์หญิงหยูหลิน ได้มองไปที่อีกฝ่าย
การปรากฏตัวของนางที่มาพร้อมกับปราณกระบี่อันแข็งแกร่งคล้ายกับฝนดาวตกขนาดใหญ่
ฝนดาวตกนี้ได้ปรากฏขึ้นในอากาศและพยายามจะสังหาร มู่หรงหลิง ที่หยิ่งผยอง!
“เมื่อหลายพันปีก่อน ข้าคือดวงดาวที่สว่างที่สุดบนที่ราบ…”
“ข้าได้ทะลวงผ่านอาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์ในยุคที่พลังงานทางโลกกำลังถดถอย…”
“จากนั้นข้าก็ได้ผนึกตัวเองเป็นเวลากว่า 3,000 ปีและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในยุคใหม่นี้”
“ข้ามีความสามารถที่จะกลายเป็นเซียนอมตะ ข้ามีอนาคตที่สดใสกำลังรออยู่ ตัวตนของข้าไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถเทียบเคียงได้”
ใบหน้าของ มู่หรงหลิง ได้กลายเป็นเย็นชาสุดแสนกระทั่งความภาคภูมิใจของเขายังเผยออกมา
“ดังนั้นจงก้มหน้ายอมจำนนแก่ข้าซะ!”
ทันใดนั้น มู่หรงหลิง ก็ประกบมือทั้งสองข้าง
บูม!
ภูเขาถล่มและผืนปฐพีได้แยกออกจากกัน
ท้องฟ้าราวกับพังทลายลงมา ฉากเหล่านี้เต็มไปด้วยความโกลาหลไร้สิ้นสุด
ผลกระทบจากการโจมตีของเขาได้กวาดล้างทุกสิ่งโดยตรง
“เราทั้งคู่เป็นเทพมนุษย์…”
“แม้ว่าอาณาจักรพลังของพวกเราจะเหมือนกัน แต่สายเลือดของพวกเราก็ต่างกัน!”
“ข้าคือท้องฟ้าส่วนเจ้าคือผืนปฐพีมันไม่สามารถนำมาเทียบกันได้!”
มู่หรงหลิง หัวเราะเยาะขณะที่เขายืนอยู่บนยอดของภูเขาหมาป่า เขาได้ไขว่มือไปด้านหลังและมองดูฉากเบื้องหน้าด้วยความเย่อหยิ่ง
เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ!
ครื่นน!
องค์หญิงหยูหลินได้ปลดปล่อยปราณกระบี่ของนาง
ปราณกระบี่ของนางได้พุ่งชนเข้ากับกลิ่นอายพลังของมู่หรงหลิง
ภายใต้สายตาของคนนับล้าน เสียงที่แตกหักได้ดังกึกก้องไม่หยุด
พลังปราณกระบี่ของนางไม่สามารถเทียบกับกลิ่นอายพลังของ มู่หรงหลิง ได้เลย
พลังของเขาได้ทำลายปราณกระบี่ทั้งหมดขององค์หญิงหยูหลิน
การโจมตีเดียวของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะยกเลิกฐานการบ่มเพาะพลังทั้งหมดของนาง
หลังจากนางพลาดท่ากลายเป็นคนพิการจากการโจมตีนี้ นางจะกลายเป็นเพียงเครื่องจักรที่ใช้ผลิตทายาทเท่านั้น
เผชิญหน้ากับการโจมตีตัวต่อตัว องค์หญิงหยูหลิน ค้นพบว่ามันยากที่จะควบคุมร่างกายของตนเอง
พลังของอีกฝ่ายคล้ายกับมังกรหิมะอันไร้สิ้นสุดที่กำลังแยกเขี้ยวและง้างกรงเล็บของมัน
มันกำลังพุ่งเข้ามาใส่นางและบดขยี้นางด้วยขากรรไกรของมันโดยตรง
นางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
นางก็แค่ไหลไปตามกระแส
ช่องว่างระหว่างทั้งสองใหญ่เกินไป อย่างีท่ มู่หรงหลิง กล่าว
องค์หญิงหยูหลิน มองดูด้วยความสิ้นหวัง
มังกรร้ายตัวนี้กำลังใกล้เข้ามาหานางมากขึ้นเรื่อย ๆ
แกร๊ก!
แต่ทว่าในเวลานี้กล่องเก็บกระบี่ด้านหลังของนางก็ได้ปะทุพลังออกมา
ท่ามกลางสายลมและหิมะที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าแสงสว่างได้ปรากฏขึ้น
ลำแสงกระบี่หลายเล่มได้พุ่งออกมาจากข้างใน
สิ่งนี้แตกต่างจากความขาวของเกล็ดหิมะ เพราะความขาวของมันคล้ายกับกระดูกของคน
ลำแสงกระบี่ได้ทอเข้าหากันก่อกำเนิดเป็นรูปแบบกระบี่ที่รองรับร่างขององค์หญิงหยูหลิน
มังกรร้ายที่มีขนาดใหญ่มหึมาได้อ้าปากของมันขึ้นเพื่อที่จะกลืนกินนาง
ฟุ่บ!
แสงกระบี่กว่า 365 เล่มได้ระเบิดพร้อมกัน
เมื่อพวกมันมาบรรจบกัน พวกมันก็เจาะลุชั้นฟ้าโดยตรง และ ทำลายการโจมตีของ มู่หรงหลิง
บูม!
มังกรร้ายที่มีขนาดใหญ่ได้ระเบิดหายไป
ดวงตาขององค์หญิงหยูหลินได้เป็นประกาย
นางร้องออกมาอย่างมีความสุข“ท่านอาจารย์!”
ในช่วงเวลาสำคัญท่านอาจารย์ได้ช่วยชีวิตนางอีกครั้ง
“ข้าจะสอนทักษะกระบี่ที่เรียกว่าทักษะกระบี่กระดูกมรณะ จงสัมผัสมันด้วยใจ”เสียงของ หลินจิ่วเฟิง ได้ดังขึ้นในหูขององค์หญิงหยูหลิน
องค์หญิงหยูหลิน ได้จดจ่อกับสัมผัสการรู้ทันที
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหลินจิ่วเฟิงได้ควบคุมกระบี่กระดูกและเคลื่อนไหวภายใต้การกระทำขององค์หญิงหยูหลิน
ทะยานสู่ท้องฟ้า!
หลินจิ่วเฟิง ที่ควบคุมกระบี่กว่า 365 เล่ม พวกมันล้วนดูน่าหวาดกลัวอย่างมาก
พวกมันได้ลอยอยู่รอบตัวขององค์หญิงหยูหลินโดยตรง
“หลอมรวม!”
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหลินจิ่วเฟิงที่เข้าสิงองค์หญิงหยูหลินเขาได้ตะโกนออกมาด้วยเสียงของนาง
กระบี่กระดูกที่เรียกออกมาได้รายเรียงกันเป็นแถว
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
กระบี่กระดูกเหล่านี้คล้ายกับกำลังหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง
มันได้สร้างแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่มาจากกระบี่เพียงเล่มเดียว
หลินจิ่วเฟิง ที่ควบคุมร่างกายขององอค์หญิงหยูเขาได้จับด้ามกระบี่กระดูกขนาดใหญ่นี้
จากนั้นเขาก็ฟันมันออกไป!
บูม!!
ในเวลานี้ทุกคนบนที่ราบต่างสัมผัสได้ถึงปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังปรากฏขึ้น
ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก กระทั่ง มู่หรงหลิง ก็เช่นเดียวกัน
สีหน้าของเขาได้กลายเป็นน่าเกลียด
กระบี่กระดูกที่ฟาดลงไปมันไม่ได้สังหาร มู่หรงหลิง โดยตรง
แต่กลับแยกภูเขาหมาป่าออกเป็นสองส่วน
ผืนปฐพีและภูเขาได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ที่ราบทั้งหมดล้วนเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่
แม้แต่กระทั่งหลายหมื่นลี้ที่อยู่ห่างจากพรมแดนของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนนี้
ในสายตาของชาวเซียนเป่ยนับล้าน ‘องค์หญิงหยูหลิน’ ได้แยกภูเขาหมาป่าออกเป็นสองส่วนด้วยการโจมตีการฟันกระบี่เพียงครั้งเดียว
พระราชวังขาวและพระราชวังแดงได้ถูกแยกออกจากกัน