80Y-ตอนที่ 86 ชักกระบี่เพื่อเป็นเทพมนุษย์
ในดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยความมืด เกล็ดหิมะได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นทีละน้อย
ราวกับว่าสวรรค์กำลังโปรยเกล็ดหิมะนี้มาเพื่อปกคลุมสิ่งสกปรกด้วยโลกสีขาวอันบริสุทธิ์
แม้ว่าจะในคืนที่มีหิมะตกหนักแต่ดินแดนภายใต้รัศมีหลายหมื่นลี้รอบภูเขาหมาป่าก็ยังคงทำงานกันอยู่ ผู้คนในภูเขาหมาป่าต่างก็อยู่ในที่พักของพวกเขาจุดกองไฟขณะที่พูดคุยกัน
พวกเขาทั้งหมดกำลังตั้งหน้าตั้งตารอผลกำไรหลังจากการปล้นราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าปราณกระบี่จะพุ่งเข้ามาจากระยะไกลนี้
มันราวกับเสียงฟ้าฟาดผ่าที่แผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า
ปราณกระบี่อันเยือกเย็นได้ส่องสว่างยามค่ำคืน ความสว่างของมันได้สะท้อนภาพมายาให้กับผู้ที่พบเห็น
พวกเขาราวกับได้เห็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก
มันช่างสวยงามไร้ที่ติ
ความงดงามของเกล็ดหิมะที่ร่วงโรยไม่อาจเทียบได้กับปราณกระบี่เล่มนี้
ชาวเซียนเป่ยนับไม่ถ้วนต่างก็เห็นปราณกระบี่นี้ทอดยาวออกไปไหลหมื่นลี้
ความสว่างของมันได้กินเวลานาน
แสงสว่างได้ถูกจุดขึ้นเหนือภูเขาหมาป่า
เหล่าคนนับไม่ถ้วนต่างวิ่งออกมาดูด้วยความประหลาด
“กระบี่ศักดิ์สิทธิ์!”
ชาวเซียนเป่ยได้คุกเข่าลงภายใต้พลังกระบี่นี้
ในทางกลับกันสีผิวของยอดฝีมือบางคนได้เปลี่ยนไปอย่างมาก
พวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติทำให้พวกเขารีบร้อนที่จะไป
ระยะทางหลายหมื่นลี้ไม่ใช่ระยะทางที่ไกลสำหรับเทพมนุษย์
พวกเขามาถึงโดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 เค่อ เท่านั้น
แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นในสายตาของยอดฝีมือในเซียนเป่ย ทำให้พวกเขารู้สึกสั่นสะท้าน
ภูเขาที่ใหญ่ที่สุดด้านหน้าภูเขาหมาป่าได้ถูกตัดขาดสะบั้นในขณะนี้ ท่อนบนของภูเขาได้ร่วงหล่นลงสู่พื้น
การตัดนี้ทั้งเรียบและแบนอย่างมาก
มีเพียงเสียงลมที่วาบหวิวบังเกิดขึ้น
เทียบกับพื้นหลังของกระบี่เล่มนี้ เสียงลมที่วาบหวิวกลับดูน่ากลัวยิ่งกว่า
คืนนี้หิมะได้ตกแรงเป็นพิเศษ
เทพมนุษย์ได้ค้นพบถ้ำที่กองไฟได้ถูกดับ
สายตาของพวกเขาได้จับจ้องมองไปยังร่างขององค์หญิงหยูหลิน
เสน่ห์ของนางได้ปรากฏขึ้นพร้อมกับกลิ่นอายพลังที่หลงเหลืออยู่
มันทำให้ร่างกายของพวกเขาแข็งค้างราวกับเผชิญหน้ากับถ้ำน้ำแข็ง
พายุหิมะภายนอกยังคงดำเนินต่อไป
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าและจดจ่อไปยังทิศทางของตำแหน่งองค์หญิงหยูหลิน
กลิ่นอายพลังที่หลงเหลืออยู่ทำให้พวกเขาได้สติกลับมา
“พวกเขาตายแล้ว?”เทพมนุษย์คนนึงได้กล่าวพูดออกมาด้วยสีหน้าขมขื่น
เขาค้นพบร่างของเทพมนุษย์ทั้งสามที่เคยมีตัวตนก่อนหน้านี้
ตอนนี้พวกเขาได้สลายหายไปพร้อมกับกลิ่นอายพลัง
แม้แต่เศษขี้เถ้าของพวกเขาก็ยังไม่หลงเหลือ
เมื่อพายุหิมะพัดผ่านกลิ่นอายพลังของพวกเขาก็หายไปอย่างสมบูรณ์
เทพมนุษย์ 2-3 คนที่เพิ่งมาถึงได้มองหน้ากัน
“องค์หญิงคนนี้แข็งแกร่งมากขนาดไหนกัน?”เทพมนุษย์คนนึงได้ลอบกลืนน้ำลายและพึมพัมออกมาด้วยความตกใจ
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น”เทพมนุษย์อีกคนได้กล่าวถามอย่างกังวล
คนอื่น ๆ ได้สั่นศีรษะอย่างช่วยไม่ได้
ในคืนนี้ บางคนถึงกับพูดไม่ออก บางคนก็ตกใจ บางคนก็โกรธ กระทั่งบางคนยังรู้สึกสับสน
หลังจากการโจมตีของ หลินจิ่วเฟิง องค์หญิงหยูหลิน ก็เห็นเทพมนุษย์ทั้ง 3 สลายหายไปในความว่างเปล่า
นางรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจแสดงให้เห็นถึงพลังนี้
การสังหารเทพมนุษย์เหล่านี้เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจเพราะเขาเพียงแค่ต้องการแสดงกระบวนท่าให้นางได้รับชม
แต่ทว่าเทพมนุษย์ที่เผชิญหน้ากับปราณกระบี่นี้ล้วนเป็นเพียงแค่มดแมลงเท่านั้น
‘ท่านอาจารย์...แข็งแกร่งขนาดไหนกัน?’
‘แล้วเหตุใดเสด็จพี่จักรพรรดิถึงมีหน้าตาคล้ายกับเขามาก?’
องค์หญิงหยูหลินไม่ใช่คนโง่
หลังจากนางเห็น หลินจิ่วเฟิง นางก็นึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างพี่ชายของนางกับเขา
หลินจิ่วเฟิง นั้นมีลักษณะคล้ายกับจักรพรรดิหยวน
แต่ลูกชายของจักรพรรดิหยวน-หลินเทียนหยวน ไม่ได้มีส่วนคล้ายกับหลินจิ่วเฟิง
ดังนั้นใครจะไปคาดคิดว่าหลานชายของจักรพรรดิหยวนจะมีส่วนละม้ายคล้ายกันกับเขา
‘ข้าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ด้วยความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ในครั้งนี้ ข้าย่อมสามารถแก้ไขปัญหาในปัจจุบันได้อย่างแน่นอน’องค์หญิงหยูหลินได้ครุ่นคิด
ผู้ที่ทำงานหนักมากพอย่อมได้รับผลตอบแทนอย่างแน่นอน
ดังนั้นนางจึงเดินทางไปยังภูเขาหมาป่าต่อ
ขณะที่นางเดิน นางก็พยายามทบทวนการเคลื่อนไหวที่ หลินจิ่วเฟิง แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้
มันทั้งยอดเยี่ยมและไร้เทียมทาน การเคลื่อนไหวเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ กลับทำให้คนๆ นึงรู้สึกสั่นสะท้านจากก้นบึ้งของหัวใจ
องค์หญิงหยูหลินจำได้แม่นว่า หลินจิ่วเฟิง ได้เคลื่อนไหวท่าทางอย่างไร
อีกฝ่ายได้ฟาดฟันปราณกระบี่แยกนภาออกเป็นสองส่วนและสังหารเทพมนุษย์
ทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์สมควรเป็นทักษะที่ได้รับฉายาว่าเป็นหนึ่งในทักษะกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
เพราะจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้มากเกินทำให้ องค์หญิงหยูหลิน คล้ายกับลืมความหนาวเย็นในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี้ไปแล้ว ขณะที่นางเดินนางไม่แม้แต่จะสัมผัสได้ถึงเกล็ดหิมะที่ตกลงมาบนผิวของนาง
เป็นเพระานางให้ความสนใจในการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้มาเกินไป พลังปราณกระบี่ ในร่างกายของนางก็ทรงพลังขึ้นกระทั่งมันได้แผ่ขยายออกมาปกป้องร่างกายของนางจากความหนาวเย็น
“จากนี้ไปจงใช้กระบี่แห่งจิตใจวาดฟันไปตลอดเส้นทาง มันจะทำให้กลิ่นอายพลังของเจ้าแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ หากเจ้าสามารถฟาดฟันได้นับหมื่นครั้งก่อนจะไปถึงภูเขาหมาป่า เจ้าจะสามารถบรรลุเงื่อนไขขั้นต่ำสำหรับการใช้ทักษะกระบี่นี้อย่างราบรื่น”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
ดวงตาขององค์หญิงหยูหลินได้เปล่งประกายขณะที่นางพยักหน้า“เจ้าค่ะท่านอาจารย์!”
นางได้ฟันกระบี่ออกไป
ฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง
ชักกระบี่และฟาดฟัน
องค์หญิงหยูหลินได้เดินไปบนหิมะ
นางไม่ได้บินและไม่ได้ใช้ทักษะเคลื่อนไหวใด ๆ เพื่อให้ตัวเองเคลื่อนที่เร็วขึ้น
ทุกย่างก้าวของนางล้วนสร้างบ่อหลุมหิมะขึ้น
นางใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกกระบี่แห่งจิตใจ
ทุกจังหวะที่นางเคลื่อนไหวนางก็พยายามฝึกฝนกระบี่แห่งจิตใจด้วย
นางได้ฟันกระบี่ออกไปโดยไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียว
การฟาดฟันแต่ละครั้งได้ยาวนานและมันไม่เคยหยุดนิ่ง
องค์หญิงหยูหลินมีความพยายามเป็นอย่างมาก
นางได้เดินทางข้ามคืน
การเดินทางไปยังภูเขาหมาป่าควรจะใช้เวลาไม่นานหากพิจารณาจากฐานการบ่มเพาะพลังของนาง
แต่ทว่านางที่เดินทางทั้งคืนก็ยังไปไม่ถึงที่นั่น
นางได้เดินไปบนหิมะ และ ฝึกฝนกระบี่แห่งจิตใจ
ด้วยกล่องกระบี่ด้านหลังของนาง องค์หญิงหยูหลิน ราวกับผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังก้าวผ่านความยากลำบากของตนเอง
นางได้เดินต่อไปอย่างสงบและแน่วแน่
แต่ทว่าโลกภายนอกกลับกลายเป็นโกลาหลเพราะปราณกระบี่เมื่อคืนนี้
ปราณกระบี่หลายหมื่นลี้ได้ทำให้ทั่วทั้งโลกตกตะลึง
ในชั่วข้ามคืน ข่าวก็ได้แพร่กระจายออกไปราวกับไฟป่า
ในเมืองหลวงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา จักรพรรดิเต๋อรู้สึกตกใจทันทีที่ได้รับข่าว
จากนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
น้องสาวของเขาแข็งแกร่งมากจริง ๆ
แม้แต่เจ้าหน้าที่ในราชสำนักก็ตกใจกับข่าวนี้
เมื่อเข้าสู่ที่ราบในตอนกลางวัน พวกเขาก็ได้ยินว่านางได้สังหารเทพมนุษย์
พอตกกลางคืน นางก็ได้สังหารเทพมนุษย์อีก 3 คน
อีกทั้งยังปลดปล่อยปราณกระบี่ออกไปไกลหลายหมื่นลี้
นางยังคงเป็นองค์หญิงน้อยที่ดูน่ารักคนนั้นอยู่หรือไม่?
แม้แต่ ประมุขนิกายและนักพรตเต๋าของนิกายเส้นทางสวรรค์ก็ยังพูดไม่ออก
ข่าวสองเรื่องได้มาในวันเดียวกัน
องค์หญิงหยูหลินที่ทุกคนคิดว่านางประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป ได้แสดงให้โลกหล้าล้วนตกตะลึงกับความสามารถของนาง
“จะต้องมีคนคอยชี้นำนางอยู่ข้างหลังแน่นอน มิฉะนั้นนางไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ได้!”ประมุขนิกายหลัวหยู มั่นใจในเรื่องนี้
นักพรตเต๋าเฒ่าได้พยักหน้า“เจ้าคิดว่าเป็นใคร?”
“คงจะเป็นผู้อาวุโสที่ซ่อนเร้นในเมืองหลวงราชวงศ์ เขาคือคนเดียวกับคนที่จัดการปีศาจเมื่อ 5 ปีก่อน จะต้องเป็นเขาแน่!”ประมุขนิกายหลัวหยู ได้ตอบกลับ
“ดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งมาก”นักพรตเต๋าได้ตอบกลับอย่างเย็นชา“พวกเราต้องตามหาเขาให้พบ เขาจะกลายเป็นอปสรรคต่อเป้าหมายของเราในการกลืนกินราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา”
ประมุขนิกายหลัวหยูได้พยักหน้า“ข้าจะ…”
…
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังพูดถึงองค์หญิงหยูหลิน…
นางก็เดินทางมาถึงเชิงเขาหมาป่าแล้ว
“ตั้งแต่สมัยโบราณ มีแม่ทัพผู้กล้าหาญหลายคนได้เดินทางมาที่นี่และข่มขู่พวกชาวเซียนเป่ยไม่ให้พวกเขาแม้แต่จะกล้าเงยหน้าขึ้น”
“จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีสตรีคนใดทำเช่นนี้มาก่อน”
“แต่วันนี้,ข้าจะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์”
ใบหน้าขององค์หญิงหยูหลินได้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น
นางยังคงแสดงท่าทีน่ารักออกมา
เด็กสาวอายุ 16 ปี ไม่สามารถบรรยายเสน่ห์ที่แท้จริงของผู้หญิงออกมาได้ แต่ทว่านางก็คล้ายกับเทพธิดาวัยแรกแย้ม
คำพูดของนางนั้นชัดเจนมาากและนางค่อนข้างแน่วแน่ที่จะทำตามเป้าหมายของนาง
บนฐานของภูเขาหมาป่า องค์หญิงหยูหลิน ได้สะพายกล่องกระบี่ไว้บนหลังของนาง
จากนั้นนางก็ดึงกระบี่ของนางออกมา
สายตาของนางมั่นคงมาก!
การชักกระบี่ของนางค่อนข้างรวดเร็ว
หลังจากฝึกฝนกระบี่แห่งจิตใจนับหมื่นครั้ง-กลิ่นอายพลังที่นางสะสมมาก็ระเบิดออกมาโดยตรง
บูม!
บนฐานของภูเขาหมาป่า องค์หญิงหยูหลินได้ทะลวงผ่านเข้าสู่อาณาจักรพลังขั้นเทพมนุษย์