80Y-ตอนที่ 83 แผนแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์
ต้าชุนได้มาที่นี่เพื่อส่งอาหารและไวน์ตามปกติ เขาได้บอกเล่ากับหลินจิ่วเฟิงเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาในเดือนที่ผ่านมานี้
หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาวได้ฟังอย่างเงียบ ๆ ด้านหลังประตู
ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันไม่มีอะไรร้ายแรง
แต่เมื่อพวกเขาได้ฟังพวกเขาก็ตกตะลึง
“เจ้าว่าอะไรนะ?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
เขาดูเหมือนจะฟังผิด
“องค์ชาย มีการรวมตัวของชนเผ่าในที่ราบเซียนเป่ยพวกเขาได้ก่อตั้งประเทศขึ้นมาใหม่ที่มีนามว่า กองกำลังเหยี่ยวมังกรแห่งเซียนเป่ย”
“พวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากนิกายแก่นแท้แห่งชีวิต ด้วยความช่วยเหลือของพวกเขา ตอนนี้พวกเขาได้รวบรวมอิทธิพลในที่ราบเซียนเป่ยได้แล้ว และ มีกองกำลังติดอาวุธนับล้านภายใต้คำสั่งของเขา และทั้งหมดนั้นก็แข็งแกร่งอย่างมาก”
“อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูหนาว บนดินแดนที่ราบต่างก็ทุกข์ทรมานจากพายุหิมะที่ไม่เคยพบพานมานับพันปี อากาศที่นั่นก็เหน็บหนาวมาก กระทั่ง แกะ,วัว หรือแม้แต่ ชาวเซียนเป่ย นับไม่ถ้วนก็ล้วนแข็งตาย”
“ดังนั้น มู่หรงหลิง จึงได้ออกคำสั่งให้บุกราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาก่อนฤดูหนาวจะมาถึง…”
“ในขั้นต้น มู่หรงหลิงได้ยื่นเจรจาสันติวิธีแก่ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา หากไม่ต้องการให้พวกเขาทำการบุกรุก ก็ต้องส่งองค์หญิงแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวามา แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์”
“นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนที่แล้ว…”
หลินจิ่วเฟิง ขมวดคิ้วแน่น
เขานึกถึงตอนที่เขารีบไปที่ราบและสังหารปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน บนภูเขาสวรรค์
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะปราชญ์การต่อสู้ทูเหมินได้รวบรวมอิทธิพลในเซียนเป่ยและคิดจะบุกราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาเมื่อฤดูหนาวมาถึง
ในเวลานั้นเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักและจักรพรรดิก็ล้วนตกอยู่ในทางตันโดยสมบูรณ์
แต่ละคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง จนกระทั่งไม่สามารถโน้มน้าวและตัดสินใจอะไรได้
จักรพรรดิหมิงไม่มีทางเลือกนอกจากมาขอความช่วยเหลือจากหลินจิ่วเฟิง
สิ่งนี้ได้นำไปสู่เรื่องราวของเขาที่เข้าไปสู่ดินแดนที่ราบในคืนที่หิมะตก และ สังหารปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน บนภูเขาสวรรค์ จากนั้นเขาก็ตระหนักรู้ในชีวิตไตด้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เรื่องนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชาวเซียนเป่ยในตอนนั้นยอมจำนน
แต่หลายทศวรรษต่อมาชนเผ่าเซียนเป่ยก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
และพลังของพวกเขาก็อันตรายกว่าแต่ก่อนมาก แม้แต่ความทะเยอทะยานของพวกเขาก็ยิ่งใหญ่กว่าเมื่อก่อนเช่นเดียวกัน
พวกเขาคิดจะนำทัพนับล้านบุกราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
และยังขอให้ทางราชวงศ์ส่งองค์หญิงหยูหลินไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เพื่อแลกกับความสงบสุข
มีเพียงองค์หญิงคนเดียวในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาของรุ่นนี้ซึ่งก็คือองค์หญิงหยูหลิน
หลินจิ่วเฟิง ได้พบนางที่ตำหนักเย็นก่อนหน้านี้แล้ว
เขายังคงเข้าไปในความฝันของนางและให้คำแนะนำแก่นางเป็นเวลาสามเดือนขณะเดียวกันก็ยังสอนทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุดให้กับนาง เพื่อที่จะให้นางไร้เทียมทานในหมู่ปราชญ์การต่อสู้
อาจกล่าวได้ว่า องค์หญิงหยูหลิน เป็นผู้สืบทอดของ หลินจิ่วเฟิง
นางยังคงมีความเกี่ยวข้องกับ หลินจิ่วเฟิงทางสายเลือด อีกทั้งนางยังได้ฝึกฝนทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุดของเขาอีกด้วย
หลินจิ่วเฟิง ไม่สามารถนั่งดูเฉย ๆ โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไร
เขาจะไม่มีวันยอมให้นาง ซึ่งคล้ายกับเทพธิดาตัวน้อย ไปแต่งงานกับใครบางคนจากดินแดนที่ราบที่น่ารังเกียจนั่น
“ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ตอบสนองเรื่องนี้อย่างไร?”
การแสดงออกของ หลินจิ่วเฟิง ได้กลายเป็นเย็นชาเล็กน้อย
ต้าชุนได้ถอนหายใจออกมา“คนส่วนใหญ่ในราชสำนักหรือแม้แต่ประชาชนทั่วไปต่างก็เห็นชอบที่จะให้องค์หญิงหยูหลินแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ออกไปเพื่อแลกกับความสงบสุข”
การแสดงออกของหลินจิ่วเฟิงได้กลายเป็นเย็นชากว่าเดิม
เขาได้บีบแก้วในมือจนแตกละเอียด
“องค์ชาย ชนเผ่าเซียนเป่ยในอดีตไม่สามารถเทียบกับปัจจุบันได้เลย กองกำลังเหยี่ยวมังกร นี้แข็งแกร่งอย่างมาก โดยเฉพาะ นิกายแก่นแท้แห่งชีวิต ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามาจากไหน แต่พวกเขามีกำลังรบเทพมนุษย์หลายร้อยคน หากพวกเขาทั้งหมดลงมือก็เพียงพอที่จะปราบปรามชายแดนของเราได้”
“หากเราปฏิเสธพวกเขา ผู้คนนับล้านที่อาศัยอยู่ในชายแดนจะต้องประสบเคราะห์กรรมครั้งใหญ่”
ต้าชุนได้อธิบายเรื่องราวในราชสำนักให้หลินจิ่วเฟิงฟัง
หากพวกเขาเลือกที่จะต่อสู้ มันจะต้องยืดเยื้อไปตลอดจนกระทั่งถึงฤดูหนาว และ มันจะเหมือนกับเหตุการณ์ที่จักรพรรดิหมิงประสบปัญหาในตอนนั้น
และเมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้นจะมีผู้เสียชีวิตจากสงครามจำนวนมากอย่างแน่นอน
ดังนั้นเพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิด การส่งองค์หญิงไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ก็ฟังดูจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผล
แต่นั่นมันก็แค่มุมมองที่มีเหตุผล ยังมีมุมมองด้านอารมณ์ที่ต้องพิจารณา
“จักรพรรดิเต๋อว่าอย่างไรบ้าง?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม
เขารู้ว่าความโกรธนี้ไร้ประโยชน์
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจบลงด้วยการปฏิเสธอย่างไม่ใส่ใจ
ถ้าเขาต้องการปกป้ององค์หญิงหยูหลินจากการแต่งงาน เขาจะต้องมองหาวิธีอื่นเพื่อจัดการกับกองกำลังเหยี่ยวมังกร
นอกจากนี้ ราคาของวิธียังต้องอยู่ในขอบเขตที่ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาจะสามารถทนรับได้
“โดยพื้นฐานแล้วจักรพรรดิเต๋อก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่เจ้าหน้าที่ในราชสำนักต่างได้เกลี่ยกล่อมให้เขาเห็นด้วย ดังนั้นเขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงมันโดยการหลบซ่อนตัวเพื่อการบ่มเพาะพลัง”ต้าชุนได้ถอนหายใจออกมา
จักรพรรดิเต๋อได้หลีกเลี่ยงโดยการหลบซ่อนตัวไปบ่มเพาะพลัง
เขาต้องการที่จะพัฒนาตัวเองอย่างบ้าคลั่งเพื่อหาทางกำจัด กองกำลังเหยี่ยวมังกร
“ช่างเป็นเด็กที่คิดง่ายจริง ๆ”หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะ
จักรพรรดิเต๋อควรจะหาทางแก้ไข แทนที่จะหลบซ่อนตัวและฝึกฝน
“จักรพรรดิเต๋อยังไม่ได้ตัดสินใจ ดังนั้นนี่เป็นสาเหตุให้เจ้าหน้าที่ในราชสำนักโต้เถียงกันไม่หยุดหย่อน ทุกวันพวกเขาจะถามว่าฝ่าบาทจะตัดสินใจเรื่องนี้อย่างไร”ต้าชุนได้สั่นศีรษะ
“องค์ชาย ข้าจะเฝ้าสังเกตุการณ์เรื่องนี้ต่อไป หากมีข่าวอะไรเพิ่มเติมข้าจะรีบมาแจ้งให้ท่านทราบในการเยี่ยมเยือนครั้งต่อไป”
เมื่อ เห็นว่า หลินจิ่วเฟิง กินเสร็จแล้ว ต้าชุนก็เก็บข้าวของและจากไป
หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาว ได้ยืนอย่างเคร่งขรึมด้านหลังประตูตำหนักเย็น
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวได้ร้องเรียก“ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้าพบเจ้าครั้งแรก เจ้าก็ไปที่ราบนั่นตัวคนเดียว คราวนี้เจ้าวางแผนจะไปอีกแล้วใช่หรือไม่?”
หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น“ข้าสามารถไปที่ราบและแก้ปัญหานี้ได้ แต่ข้าต้องการดูว่าองค์หญิงหยูหลินคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ในเรื่องนี้ บุคคลสำคัญเพียงคนเดียวก็คือองค์หญิงหยูหลิน
นางเป็นคนที่เสียสละ ดังนั้น หลินจิ่วเฟิง จึงอยากจะพบนาง
พูดถึงนาง
องค์หญิงหยูหลิน ก็ค่อย ๆ เดินมาและปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกตำหนักเย็น นางดูเศร้าเล็กน้อยขณะที่นางหยิบกุญแจออกมาและเปิดประตู
จากนั้นนางก็เดินผ่านหลินจิ่วเฟิงและเจ้าแมวขาวเข้าไปในลานที่พัก
หลินจิ่วเฟิงและเจ้าแมวขาวได้ซ่อนตัวตนอีกครั้งทำให้องค์หญิงหยูหลินมองไม่เห็น
“นางดูอารมณ์ไม่ดี”เจ้าแมวขาวได้ตอบกลับ
“คงจะเป็นเรื่องแปลกหากนางยังอารมณ์ดีอยู่”หลินจิ่วเฟิงได้พึมพัมเล็กน้อย
หลินจิ่วเฟิง พาเจ้าแมวขาวไปที่ลานที่พัก
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงบ่นอันไม่พอใจขององค์หญิงหยูหลิน
“เสด็จปู่จักรพรรดิ ทางราชสำนักบังคับให้ข้าต้องแต่งงานกับมู่หรงหลิง”
“พวกเขาบอกว่าถ้าข้าไม่เห็นด้วย ข้าจะเป็นคนที่ทอดทิ้งผู้คนนับล้านที่อยู่ชายแดน และพวกเขาจะถูกกวาดล้างโดยกองกำลังของเซียนเป่ย”
“ความผิดบาปแเช่นนี้เกินกว่าที่ข้าจะแบกรับได้”
เสียงขององค์หญิงหยูหลินดูนุ่มนวลและอ่อนแอ
นางรู้สึกผิดแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาดัง ๆ
นางควรจะบอกแม่ของนางดีหรือไม่?
เพียงแต่แม่ของนางยุ่งกับการจัดการงานราชกิจของรัฐมาโดยตลอด
นางไม่สามารถเพิ่มความเครียดและความกังวลให้แก่นางได้
หรือนางควรจะบอกเสด็จพี่จักรพรรดิของนาง?
เสด็จพี่จักรพรรดิของนางย่อมไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
แต่ผลที่ตามมาก็คือประชาชนทั่วไปที่อยู่ชายแดนจะถูกลากมาเกี่ยวข้องด้วย
ดูเหมือนว่านางมีเพียงทางเลือกเดียว
แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์!
องค์หญิงหยูหลิน รู้สึกผิดมากนางมาที่นี่และแสร้งทำเป็นพูดคุยกับเสด็จปู่จักรพรรดิเท่านั้น
นางได้ซ่อนตัวอยู่ในมุมคนเดียวและกอดเข่าด้วยความเศร้าเสียใจ
เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง ได้เปล่งประกาย
เขาได้พูดเบา ๆ“แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไร?”
“ท่านอาจารย์ลึกลับ!”องค์หญิงหยูหลินได้มองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ
นางจำเสียงของ หลินจิ่วเฟิงได้ เพราะนางได้ในฝันตลอดสามเดือนที่ผ่านมา
เพียงแต่นางหันซ้ายหันขวาก็ไม่พบใคร
นางคิดว่าอาจารย์ที่ลึกลับคนนี้ไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป อีกฝ่ายเป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณที่หลงเหลืออยู่ในโลกนี้
“ถ้าไม่มีทางเลือกอื่น ข้าย่อมต้องแต่งงานกับเขา”องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ
นางมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
แม้ว่านางจะรู้สึกผิด แต่นางยังต้องคำนึงถึงความประหลาดของประชาชนนับล้าน
“แล้วนิกายเส้นทางสวรรค์ที่เจ้าเอ่ยถึงก่อนหน้านี้?”
หลินจิ่วเฟิง ยังคงถามต่อไป
“พวกเขาบอกว่าตนเองไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับนิกายแก่นแท้แห่งชีวิตที่สนับสนุนกองกำลังเหยี่ยวมังกร ทว่า พวกเขาสามารถปกป้องเมืองหลวงได้ แต่สำหรับปัญหานี้พวกเขาไม่สามารถจัดการได้”องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับอย่างใจเย็น
นับตั้งแต่จักรพรรดิเต๋อค้นพบความจริงของนิกายเส้นทางสวรรค์ พวกเขาก็ค่อย ๆ ห่างเหินกัน นิกายเส้นทางสวรรค์ ไม่โง่พอที่จะเป็นศัตรูกับนิกายแก่นแท้แห่งชีวิตเพียงเพื่อทำให้จักรพรรดิเต๋อพึงพอใจ
“ท่านคิดว่าข้าควรทำอย่างไร?”องค์หญิงหยูหลิน ได้ขอความช่วยเหลือจากหลินจิ่วเฟิง
“ไปยังที่ราบ”หลินจิ่วเฟิงได้ตอบกลับ
“อา…”องค์หญิงหยูหลินได้กระพริบตา นี่เป็นทางเลือกเดียวงั้นสินะ?
“ไปยังที่ราบและสร้างเส้นทางที่อาบชโลมไปด้วยเลือด โดยการตัดศีรษะของเหยี่ยวมังกรตัวนี้”
“ในเมื่อพวกเขาต้องการความงามของเจ้า ดังนั้นเจ้าควรจะไปที่นั่นเป็นการส่วนตัว”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวอย่างใจเย็น
แต่ดวงตาของเขาได้กลายเป็นเย็นชา
“ข้าทำไม่ได้…”
องค์หญิงหยูหลินได้สั่นศีรษะ แม้ว่านางจะต้องการ แต่นางเป็นผู้บ่มเพาะพลังปราชญ์การต่อสู้เท่านั้น
นางสามารถมาถึงขั้นตอนปัจจุบันได้เพราะการฟื้นฟูพลังงานทางโลก
และตอนนี้ก็มีปราชญ์การต่อสู้มากมายในโลกยังมีการดำรงอยู่ของเทพมนุษย์ที่แพร่หลายออกไปอีก ดังนั้นางจึงไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้โดยลำพัง
“มีกล่องเก็บกระบี่อยู่ในลานที่พัก นำมันติดตัวไปพร้อมกับเจ้าและเดินทางไปยังที่ราบเพื่อสังหารศัตรู ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวอย่างเย็นชา