80Y-ตอนที่ 82 ข่าวที่น่าตกใจ
ตอนกลางคืน
หลินจิ่วเฟิงได้ฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ กับเจ้าแมวขาว
นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนที่พวกเขาได้นอนหลับบนเตียงหยกน้ำแข็ง
หลินจิ่วเฟิงเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้จะกลับไปเงียบสงบสุขเหมือนเดิมในอนาคต
อย่างไรก็ตามหลังจากฟ้าเริ่มมืด ช่วงเวลาแห่งความมืดมิดก็ปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นดิน
แสงจันทร์คล้ายกับสายธารของน้ำตก ที่ไหลลงมากระทบกับร่างกาย
ในคืนที่สวยงามเช่นนี้ หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาวได้หยุดการบ่มเพาะพลังในทันที
พวกเขาเงยหน้าขึ้นและมองดูต้นซากุระสองต้น
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมฉากตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ
หนึ่งชายและแมวหนึ่งตัว
ต้นซากุระทั้งสองต้นได้บานสะพรั่งและเติมเต็มซึ่งกันและกัน
ต้นซากะรุสีชมพูได้ปลิวไสวในสายลมยามค่ำคืน
หลินจิ่วเฟิง ที่มีรูปร่างสูงและผอมเพรียว เขาสวมใส่ชุดคลุมสีขาวเหมือนกับหิมะ
โดยบนไหล่ของเขาได้มีเจ้าแมวขาวยืนอยู่
ฉากนี้ค่อนข้างเงียบสงบและงดงามราวกับภาพวาดที่มีชีวิตชีวา
แต่ฉากที่สวยงามนี้ก็พังทลายลงด้วยเสียงประตู
เอี๊ยด!
ประตูของตำหนักเย็นได้เปิดออกอีกครั้ง
เสียงได้กระจัดกระจายไปทั่ว
หลินจิ่วเฟิงและเจ้าแมวขาวได้มองหน้ากันจนพูดไม่ออก
หลินจิ่วเฟิงได้ใช้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาในการตรวจสอบดูก็พบว่าคนที่เปิดประตูก็คือองค์หญิงหยูหลิน
นางได้จากไปในตอนเช้าและกลับมาตอนเย็นในทันที?
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวร้องเรียก มันมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง และ จำสิ่งที่ หลินจิ่วเฟิง พูดกับมันในวันนั้นได้ สิ่งนี้ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ
ย้อนกลับไป มันบอกว่า หลินจิ่วเฟิง มีอคติมากเกินไป
ตามที่เจ้าแมวขาวได้ทำนายเอาไว้ องค์หญิงหยูหลิน จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
แต่เจ้าแมวขาวก็ไม่คิดว่านางจะมาเร็วขนาดนี้
“เจ้าคิดจะทำยังไงต่อ?”เจ้าแมวขาวได้กล่าวถามหลินจิ่วเฟิง
“พวกเราสังเกตุกันไปก่อน นางไม่ได้มาที่นี่ตัวคนเดียว”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
เขามองเห็นบุรุษหนุ่มด้านหลังองค์หญิงหยูหลิน
จักรพรรดิเต๋อ!
แม้ว่า หลินจิ่วเฟิง จะยังไม่เคยพบจักรพรรดิเต๋อมาก่อนแต่เขาก็จำได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
จักรพรรดิเต๋อดูคล้ายกับตัวเองเล็กน้อย
อีกทั้งยังมีอารมณ์และศักดิ์ศรีที่เป็นของจักรพรรดิ
แม้ว่าจักรพรรดิเต๋อจะไม่ได้จัดการงานราชกิจของราชสำนักโดยตรง แต่เขาก็ได้สั่งสมประสบการณ์มากมายจากคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก
‘องค์หญิงหยูหลินพาจักรพรรดิเต๋อมาที่นี่นางต้องการให้เขาเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนิกายเส้นทางสวรรค์หรือไม่?’ หลินจิ่วเฟิงได้ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้บิดเบือนพื้นที่รอบตัว
เขาได้ยืนนิ่งอยู่กับเจ้าแมวขาว
องค์หญิงหยูหลินได้ปิดประตูตำหนักเย็นและกำลังเดินเข้าไป…
เมื่อจักรพรรดิเต๋อเห็นเขาก็กล่าวถามด้วยความสงสัย“ที่นี่คือตำหนักเย็น สถานที่คุมขังและสำนึกผิดของเชื้อพระวงศ์ เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม?”
องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ“ข้าพาท่านมาที่นี่ก็เพื่อให้ท่านเห็นสมบัติที่เสด็จปู่จักรพรรดิทรงทิ้งไว้เบื้องหลัง สบายใจได้ไม่มีใครอาศัยอยู่ในตำหนักเย็นแห่งนี้”
องค์หญิงหยูหลิน ได้อาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลากว่าสามเดือน นางไม่พบ หลินจิ่วเฟิงเลย
“ไม่มีใครอยู่ในตำหนักเย็น?”จักรพรรดิเต๋อมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย
“ถูกต้อง ข้าได้อาศัยอยู่ที่นี่ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา”องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ
“แต่ข้าจำได้จากบันทึกทางประวัติศาสตร์เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว มีองค์รัชทายาทที่ทำผิดและถูกทำลายฐานการบ่มเพาะพลัง และถูกส่งมาที่ตำหนักเย็นแห่งนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวการเสียชีวิตของเขา”
จักรพรรดิเต๋อได้เดินตามองค์หญิงหยูหลินเข้ามาขณะที่เขาพูด
“ท่านก็รู้ว่าเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ในเวลานั้นแม้แต่จักรพรรดิพระบิดาก็ยังไม่เกิด เราต้องย้อนกลับไปยังรุ่นของเสด็จปู่จักรพรรดิ”องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงจำเรื่องนี้ได้?”จักรพรรดิเต๋อได้กล่าวถามองค์หญิงหยูหลิน
“ทำไม?”องค์หญิงหยูหลินไม่เข้าใจ
“เพราะว่าองค์รัชทายาทที่ถูกคุมขังก็คือพี่ชายแท้ ๆ ของเสด็จปู่จักรพรรดิ พวกเขาเกิดมาจากพระมารดาคนเดียวกัน กล่าวอีกนัยนึงคือเขาก็คือ เสด็จปู่ใหญ่ของพวกเรา”จักรพรรดิเต๋อได้อธิบาย
“ไม่แปลกที่เสด็จปู่จักรพรรดิได้ซ่อนสมบัติและหนังสือมากมายไว้ที่นี่ ที่แท้นี่อาจเป็นการแสดงความเคารพต่อเสด็จปู่ใหญ่ที่ถูกเนรเทศมายังตำหนักเย็นแห่งนี้”องค์หญิงหยูหลิน ได้ตีความเรื่องนี้
“ก็อาจจะ…”จักรพรรดิเต๋อได้สั่นศีรษะ เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับองค์รัชทายาทที่ถูกคุมขังอยู่ที่นี่
บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่องค์หญิงหยูหลินพูดจริง ๆ
ผ่านไปนานกว่า 40 ปี มีความเป็นไปได้ที่เขาจะตายไปแล้ว
“ต้นซากุระสองต้นนี้สวยมาก มันกำลังบานอย่างเต็มที่”
จักรพรรดิเต๋อได้มองดูต้นซากุระทั้งสองต้นนอกลานที่พัก
เขาได้สูดลมหายใจเข้าลึกและรับเอาบรรยากาศที่สดชื่น
“มันเบ่งบานตอนที่ข้ามาถึงที่นี่ก่อนแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะถูกปลูกโดยเสด็จปู่ใหญ่ของพวกเรา”องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
จักรพรรดิเต๋อได้พยักหน้าและมองไปรอบ ๆ
เขาไม่พบอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงตามองค์หญิงหยูหลินเข้าไปที่ลานที่พัก
ในขณะเดียวกัน หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาวก็เฝ้าดูพวกเขาอย่างเงียบ ๆ ใต้ต้นซากุระ
“พวกเขาเรียกเจ้าว่าเสด็จปู่ใหญ่”เจ้าแมวขาวได้กระซิบข้างหูของ หลินจิ่วเฟิง
“องค์หญิงหยูหลิน อาจจะพาจักรพรรดิเต๋อมาที่นี่เพื่ออ่านหนังสือ นางต้องการบอกให้เขารู้ถึงแผนการของนิกายเส้นทางสวรรค์”หลินจิ่วเฟิงได้ตอบกลับ
เขาไม่ได้คิดจะไล่พวกเขาออกไป
มันเป็นเรื่องดีสำหรับจักรพรรดิเต๋อที่จะรู้ที่มาที่ไปของนิกายเส้นทางสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจะได้ระมัดระวังตัว
ด้วยวิธีนี้ จักรพรดริเต๋อจะได้ไม่ถูกนิกายเส้นทางสวรรค์หลอก
เพราะหากสิ่งนี้เกิดขึ้นมันย่อมเป็นจุดจบของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
หลินจิ่วเฟิง ไม่ต้องการให้เรื่องนี้เกิดขึ้น
เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเคลื่อนไหวอะไรให้มากความ
ดังนั้น หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าวแมวขาวจึงทำได้เพียงแค่เฝ้ามองพวกเขาทั้งสองคน
พวกเขามองดูองค์หญิงหยูหลินพาจักรพรรดิเต๋อเข้าไปดูกองหนังสือที่บันทึกข้อมูลจากยุคก่อน
มีความประหลาดใจบนใบหน้าของจักรพรรดิเต๋อจากนั้นความเงียบก็ได้ตามมา
“เสด็จพี่ หนังสือพวกนี้บันทึกเรื่องราวของนิกายเส้นทางสวรรค์ท่านควรจะมองพิจารณาให้ดี”องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ
จักรพรรดิเต๋อได้เอื้อมมือไปหยิบมัน
เขาได้นิ่งเงียบเป็นเวลานานและเปิดอ่านหน้าแรกอย่างช้า ๆ
ทุกอย่างเกี่ยวกับนิกายเส้นทางสวรรค์ได้รับการบันทึกอย่างละเอียด
“พวกเขาหลอกข้า!”จักรพรรดิเต๋อกัดฟันแน่น
องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าหน้าที่ในราชสำนักหรือแม้แต่เสด็จแม่จะต่อต้านนิกายเส้นทางสวรรค์ ยังไม่สายเกินไปสำหรับท่านที่จะได้รับรู้เจตนาที่แท้จริงของพวกเขา”
จักรพรรดิเต๋อไม่ได้พูดอะไร
เขาอ่านหนังสือทั้งเล่มอย่างจริงจัง
ความประทับใจที่เขามีต่อนิกายเส้นทางสวรรค์ได้หายไปในทันที
“น้องข้า ขอบใจเจ้ามาก”จักรพรรดิเต๋อได้ขอบคุณองค์หญิงหยูหลินอย่างจริงจัง
ถ้าไม่ใช่เพราะองค์หญิงหยูหลินที่แสดงให้เขาเห็น เขาคงไม่มีวันเชื่อว่า ประมุขนิกายหลัวหยู ที่ดีกับเขา อีกฝ่ายทำไปเพราะมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัว
“เพียงแค่ท่านฟื้นคืนสติกลับมาได้ก็ดีมากแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นจะต้องขอบคุณข้า ท่านควรจะขอบคุณเสด็จปู่จักรพรรดิ เพราะนี่เป็นสมบัติที่เสด็จปู่จักรพรรดิทรงทิ้งไว้ให้พวกเราอย่างแน่นอน”องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ
จักรพรรดิเต๋อได้มองไปรอบ ๆ และนิ่งเงียบ
“น้องข้า อีกไม่นานก็ใกล้จะเช้าแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ อย่าได้แตะต้องอะไรที่นี่เลย”
จักรพรรดิเต๋อได้มองดูแสงจันทร์ที่ค่อย ๆ ลับไป
มันใกล้จะรุ่งสางแล้ว
พวกเขาใช้เวลาทั้งคืนในการอ่านหนังสือ
ส่วนหลินจิ่วเฟิงก็ค้างคืนใต้ต้นซากุระ
โชคดีที่จักรพรรดิเต๋อและองค์หญิงหยูหลินจากไปในไม่ช้าประตูตำหนักเย็นก็ได้ปิดตัวลง
พวกเขาไม่ได้นำหนังสือเหล่านี้ไปด้วย
แน่นอนว่าถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ทำ
พวกเขาก็ท่องจำเนื้อหาภายในหนังสือได้ ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะมีหนังสืออยู่หรือไม่ก็ตาม
“คราวนี้ควรจะไม่มีใครมาที่นี่อีก ในที่สุดพวกเราก็สามารถฝึกฝนต่อไปได้อย่างสงบสุข”
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่แผ่นหลังของพวกเขาและบ่นพึมพัมอย่างพึงพอใจ
เจ้าแมวขาวก็กลอกตามองไปที่ หลินจิ่วเฟิง“เจ้าก็ยังพูดเหมือนเดิม”
“ถ้าไม่เชื่อก็คอยดู”หลินจิ่วเฟิง ยังคงมั่นใจมากในครั้งนี้
สำหรับพี่น้องคู่นี้ ตำหนักเย็นไม่ใช่สถานที่ที่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว
แน่นอนว่า หลินจิ่วเฟิง พูดถูก
ในเดือนต่อมา ทั้งองค์หญิงหยูหลินและจักรพรรดิเต๋อไม่ได้มาที่ตำหนักเย็นเลย
ในที่สุดความสงบสุขของตำหนักเย็นก็กลับคืนมา
ในที่สุด หลินจิ่วเฟิง ก็ได้ลงชื่อเข้าใช้สถานที่ตามปกติในทุกวัน
หนึ่งเดือนต่อมา ต้าชุน ได้มาหา หลินจิ่วเฟิง
เขาได้นำข่าวที่น่าตกใจมาด้วยในครั้งนี้