ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 81 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 83 แผนแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์

80Y-ตอนที่ 82 ข่าวที่น่าตกใจ


ตอนกลางคืน

หลินจิ่วเฟิงได้ฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ กับเจ้าแมวขาว

นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนที่พวกเขาได้นอนหลับบนเตียงหยกน้ำแข็ง

หลินจิ่วเฟิงเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้จะกลับไปเงียบสงบสุขเหมือนเดิมในอนาคต

อย่างไรก็ตามหลังจากฟ้าเริ่มมืด ช่วงเวลาแห่งความมืดมิดก็ปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นดิน

แสงจันทร์คล้ายกับสายธารของน้ำตก ที่ไหลลงมากระทบกับร่างกาย

ในคืนที่สวยงามเช่นนี้ หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาวได้หยุดการบ่มเพาะพลังในทันที

พวกเขาเงยหน้าขึ้นและมองดูต้นซากุระสองต้น

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมฉากตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ

หนึ่งชายและแมวหนึ่งตัว

ต้นซากุระทั้งสองต้นได้บานสะพรั่งและเติมเต็มซึ่งกันและกัน

ต้นซากะรุสีชมพูได้ปลิวไสวในสายลมยามค่ำคืน

หลินจิ่วเฟิง ที่มีรูปร่างสูงและผอมเพรียว เขาสวมใส่ชุดคลุมสีขาวเหมือนกับหิมะ

โดยบนไหล่ของเขาได้มีเจ้าแมวขาวยืนอยู่

ฉากนี้ค่อนข้างเงียบสงบและงดงามราวกับภาพวาดที่มีชีวิตชีวา

แต่ฉากที่สวยงามนี้ก็พังทลายลงด้วยเสียงประตู

เอี๊ยด!

ประตูของตำหนักเย็นได้เปิดออกอีกครั้ง

เสียงได้กระจัดกระจายไปทั่ว

หลินจิ่วเฟิงและเจ้าแมวขาวได้มองหน้ากันจนพูดไม่ออก

หลินจิ่วเฟิงได้ใช้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาในการตรวจสอบดูก็พบว่าคนที่เปิดประตูก็คือองค์หญิงหยูหลิน

นางได้จากไปในตอนเช้าและกลับมาตอนเย็นในทันที?

เมี้ยว!

เจ้าแมวขาวร้องเรียก มันมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง และ จำสิ่งที่ หลินจิ่วเฟิง พูดกับมันในวันนั้นได้ สิ่งนี้ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ

ย้อนกลับไป มันบอกว่า หลินจิ่วเฟิง มีอคติมากเกินไป

ตามที่เจ้าแมวขาวได้ทำนายเอาไว้ องค์หญิงหยูหลิน จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง

แต่เจ้าแมวขาวก็ไม่คิดว่านางจะมาเร็วขนาดนี้

“เจ้าคิดจะทำยังไงต่อ?”เจ้าแมวขาวได้กล่าวถามหลินจิ่วเฟิง

“พวกเราสังเกตุกันไปก่อน นางไม่ได้มาที่นี่ตัวคนเดียว”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ

เขามองเห็นบุรุษหนุ่มด้านหลังองค์หญิงหยูหลิน

จักรพรรดิเต๋อ!

แม้ว่า หลินจิ่วเฟิง จะยังไม่เคยพบจักรพรรดิเต๋อมาก่อนแต่เขาก็จำได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น

จักรพรรดิเต๋อดูคล้ายกับตัวเองเล็กน้อย

อีกทั้งยังมีอารมณ์และศักดิ์ศรีที่เป็นของจักรพรรดิ

แม้ว่าจักรพรรดิเต๋อจะไม่ได้จัดการงานราชกิจของราชสำนักโดยตรง แต่เขาก็ได้สั่งสมประสบการณ์มากมายจากคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก

‘องค์หญิงหยูหลินพาจักรพรรดิเต๋อมาที่นี่นางต้องการให้เขาเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนิกายเส้นทางสวรรค์หรือไม่?’ หลินจิ่วเฟิงได้ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ

จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้บิดเบือนพื้นที่รอบตัว

เขาได้ยืนนิ่งอยู่กับเจ้าแมวขาว

องค์หญิงหยูหลินได้ปิดประตูตำหนักเย็นและกำลังเดินเข้าไป…

เมื่อจักรพรรดิเต๋อเห็นเขาก็กล่าวถามด้วยความสงสัย“ที่นี่คือตำหนักเย็น สถานที่คุมขังและสำนึกผิดของเชื้อพระวงศ์ เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม?”

องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ“ข้าพาท่านมาที่นี่ก็เพื่อให้ท่านเห็นสมบัติที่เสด็จปู่จักรพรรดิทรงทิ้งไว้เบื้องหลัง สบายใจได้ไม่มีใครอาศัยอยู่ในตำหนักเย็นแห่งนี้”

องค์หญิงหยูหลิน ได้อาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลากว่าสามเดือน นางไม่พบ หลินจิ่วเฟิงเลย

“ไม่มีใครอยู่ในตำหนักเย็น?”จักรพรรดิเต๋อมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย

“ถูกต้อง ข้าได้อาศัยอยู่ที่นี่ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา”องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ

“แต่ข้าจำได้จากบันทึกทางประวัติศาสตร์เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว มีองค์รัชทายาทที่ทำผิดและถูกทำลายฐานการบ่มเพาะพลัง และถูกส่งมาที่ตำหนักเย็นแห่งนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวการเสียชีวิตของเขา”

จักรพรรดิเต๋อได้เดินตามองค์หญิงหยูหลินเข้ามาขณะที่เขาพูด

“ท่านก็รู้ว่าเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ในเวลานั้นแม้แต่จักรพรรดิพระบิดาก็ยังไม่เกิด เราต้องย้อนกลับไปยังรุ่นของเสด็จปู่จักรพรรดิ”องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงจำเรื่องนี้ได้?”จักรพรรดิเต๋อได้กล่าวถามองค์หญิงหยูหลิน

“ทำไม?”องค์หญิงหยูหลินไม่เข้าใจ

“เพราะว่าองค์รัชทายาทที่ถูกคุมขังก็คือพี่ชายแท้ ๆ ของเสด็จปู่จักรพรรดิ พวกเขาเกิดมาจากพระมารดาคนเดียวกัน กล่าวอีกนัยนึงคือเขาก็คือ เสด็จปู่ใหญ่ของพวกเรา”จักรพรรดิเต๋อได้อธิบาย

“ไม่แปลกที่เสด็จปู่จักรพรรดิได้ซ่อนสมบัติและหนังสือมากมายไว้ที่นี่ ที่แท้นี่อาจเป็นการแสดงความเคารพต่อเสด็จปู่ใหญ่ที่ถูกเนรเทศมายังตำหนักเย็นแห่งนี้”องค์หญิงหยูหลิน ได้ตีความเรื่องนี้

“ก็อาจจะ…”จักรพรรดิเต๋อได้สั่นศีรษะ เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับองค์รัชทายาทที่ถูกคุมขังอยู่ที่นี่

บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่องค์หญิงหยูหลินพูดจริง ๆ

ผ่านไปนานกว่า 40 ปี มีความเป็นไปได้ที่เขาจะตายไปแล้ว

“ต้นซากุระสองต้นนี้สวยมาก มันกำลังบานอย่างเต็มที่”

จักรพรรดิเต๋อได้มองดูต้นซากุระทั้งสองต้นนอกลานที่พัก

เขาได้สูดลมหายใจเข้าลึกและรับเอาบรรยากาศที่สดชื่น

“มันเบ่งบานตอนที่ข้ามาถึงที่นี่ก่อนแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะถูกปลูกโดยเสด็จปู่ใหญ่ของพวกเรา”องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

จักรพรรดิเต๋อได้พยักหน้าและมองไปรอบ ๆ

เขาไม่พบอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงตามองค์หญิงหยูหลินเข้าไปที่ลานที่พัก

ในขณะเดียวกัน หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาวก็เฝ้าดูพวกเขาอย่างเงียบ ๆ ใต้ต้นซากุระ

“พวกเขาเรียกเจ้าว่าเสด็จปู่ใหญ่”เจ้าแมวขาวได้กระซิบข้างหูของ หลินจิ่วเฟิง

“องค์หญิงหยูหลิน อาจจะพาจักรพรรดิเต๋อมาที่นี่เพื่ออ่านหนังสือ นางต้องการบอกให้เขารู้ถึงแผนการของนิกายเส้นทางสวรรค์”หลินจิ่วเฟิงได้ตอบกลับ

เขาไม่ได้คิดจะไล่พวกเขาออกไป

มันเป็นเรื่องดีสำหรับจักรพรรดิเต๋อที่จะรู้ที่มาที่ไปของนิกายเส้นทางสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจะได้ระมัดระวังตัว

ด้วยวิธีนี้ จักรพรดริเต๋อจะได้ไม่ถูกนิกายเส้นทางสวรรค์หลอก

เพราะหากสิ่งนี้เกิดขึ้นมันย่อมเป็นจุดจบของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

หลินจิ่วเฟิง ไม่ต้องการให้เรื่องนี้เกิดขึ้น

เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเคลื่อนไหวอะไรให้มากความ

ดังนั้น หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าวแมวขาวจึงทำได้เพียงแค่เฝ้ามองพวกเขาทั้งสองคน

พวกเขามองดูองค์หญิงหยูหลินพาจักรพรรดิเต๋อเข้าไปดูกองหนังสือที่บันทึกข้อมูลจากยุคก่อน

มีความประหลาดใจบนใบหน้าของจักรพรรดิเต๋อจากนั้นความเงียบก็ได้ตามมา

“เสด็จพี่ หนังสือพวกนี้บันทึกเรื่องราวของนิกายเส้นทางสวรรค์ท่านควรจะมองพิจารณาให้ดี”องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ

จักรพรรดิเต๋อได้เอื้อมมือไปหยิบมัน

เขาได้นิ่งเงียบเป็นเวลานานและเปิดอ่านหน้าแรกอย่างช้า ๆ

ทุกอย่างเกี่ยวกับนิกายเส้นทางสวรรค์ได้รับการบันทึกอย่างละเอียด

“พวกเขาหลอกข้า!”จักรพรรดิเต๋อกัดฟันแน่น

องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าหน้าที่ในราชสำนักหรือแม้แต่เสด็จแม่จะต่อต้านนิกายเส้นทางสวรรค์ ยังไม่สายเกินไปสำหรับท่านที่จะได้รับรู้เจตนาที่แท้จริงของพวกเขา”

จักรพรรดิเต๋อไม่ได้พูดอะไร

เขาอ่านหนังสือทั้งเล่มอย่างจริงจัง

ความประทับใจที่เขามีต่อนิกายเส้นทางสวรรค์ได้หายไปในทันที

“น้องข้า ขอบใจเจ้ามาก”จักรพรรดิเต๋อได้ขอบคุณองค์หญิงหยูหลินอย่างจริงจัง

ถ้าไม่ใช่เพราะองค์หญิงหยูหลินที่แสดงให้เขาเห็น เขาคงไม่มีวันเชื่อว่า ประมุขนิกายหลัวหยู ที่ดีกับเขา อีกฝ่ายทำไปเพราะมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัว

“เพียงแค่ท่านฟื้นคืนสติกลับมาได้ก็ดีมากแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นจะต้องขอบคุณข้า ท่านควรจะขอบคุณเสด็จปู่จักรพรรดิ เพราะนี่เป็นสมบัติที่เสด็จปู่จักรพรรดิทรงทิ้งไว้ให้พวกเราอย่างแน่นอน”องค์หญิงหยูหลินได้ตอบกลับ

จักรพรรดิเต๋อได้มองไปรอบ ๆ และนิ่งเงียบ

“น้องข้า อีกไม่นานก็ใกล้จะเช้าแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ อย่าได้แตะต้องอะไรที่นี่เลย”

จักรพรรดิเต๋อได้มองดูแสงจันทร์ที่ค่อย ๆ ลับไป

มันใกล้จะรุ่งสางแล้ว

พวกเขาใช้เวลาทั้งคืนในการอ่านหนังสือ

ส่วนหลินจิ่วเฟิงก็ค้างคืนใต้ต้นซากุระ

โชคดีที่จักรพรรดิเต๋อและองค์หญิงหยูหลินจากไปในไม่ช้าประตูตำหนักเย็นก็ได้ปิดตัวลง

พวกเขาไม่ได้นำหนังสือเหล่านี้ไปด้วย

แน่นอนว่าถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ทำ

พวกเขาก็ท่องจำเนื้อหาภายในหนังสือได้ ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะมีหนังสืออยู่หรือไม่ก็ตาม

“คราวนี้ควรจะไม่มีใครมาที่นี่อีก ในที่สุดพวกเราก็สามารถฝึกฝนต่อไปได้อย่างสงบสุข”

หลินจิ่วเฟิง มองไปที่แผ่นหลังของพวกเขาและบ่นพึมพัมอย่างพึงพอใจ

เจ้าแมวขาวก็กลอกตามองไปที่ หลินจิ่วเฟิง“เจ้าก็ยังพูดเหมือนเดิม”

“ถ้าไม่เชื่อก็คอยดู”หลินจิ่วเฟิง ยังคงมั่นใจมากในครั้งนี้

สำหรับพี่น้องคู่นี้ ตำหนักเย็นไม่ใช่สถานที่ที่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว

แน่นอนว่า หลินจิ่วเฟิง พูดถูก

ในเดือนต่อมา ทั้งองค์หญิงหยูหลินและจักรพรรดิเต๋อไม่ได้มาที่ตำหนักเย็นเลย

ในที่สุดความสงบสุขของตำหนักเย็นก็กลับคืนมา

ในที่สุด หลินจิ่วเฟิง ก็ได้ลงชื่อเข้าใช้สถานที่ตามปกติในทุกวัน

หนึ่งเดือนต่อมา ต้าชุน ได้มาหา หลินจิ่วเฟิง

เขาได้นำข่าวที่น่าตกใจมาด้วยในครั้งนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด