395-396
5/10
Ep.395
เฉิงหรานตกใจจนฉี่แทบราด ชักฝีเท้าถอยไม่หยุด
ช่วงเวลานี้ เขากระจ่างแจ้งแก่ใจแล้ว ว่าอย่างไรก็คงไม่อาจฆ่าซูเฉินได้
และเมื่อฆ่าไม่ได้ แล้วจะสู้กันไปทำผายลมอะไร!
‘ไม่ไหวแล้ว! พวกเราต้องรีบหนีจากที่นี่’
ความคิดนี้ผุดเข้ามาในหัวของเฉิงหราน ความเร็วในการล่าถอยค่อยๆไวขึ้น
ระหว่างที่เฉิงหรานกำลังแทรกหายเข้าไปกับฝูงชนรอบด้าน ก็มีเสียงตะโกนด่าทอดังสะท้อนเข้ามาในหูเขา
“มาหนีเอาตอนนี้ ไม่คิดว่ามันสายเกินไปหน่อยหรอ!”
“ซวยล่ะ!”
เฉิงหรานรู้ดี ว่าซูเฉินเจอตัวเขาแล้ว ดังนั้นไม่สนใจอะไรอีก รีดเร้นพลังทั้งหมดที่มี หันหลังวิ่งฝ่าฝูงชนสุดชีวิต
ซูเฉินแสยะยิ้มหยัน สะบัด [ดาบเสริมมนตรา] กวาดไปข้างหน้า
วินาทีต่อมา บรรยากาศเย็นเยียบแผ่ซ่านออกไป
ทุกแห่งหนที่มันพัดผ่าน อุณหภูมิระหว่างสวรรค์และปฐพีจะลดฮวบๆจนต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ราวกับเปลี่ยนภูมิประเทศให้เข้าสู่ดินแดนหิมะ
ทุกสรรพสิ่งรอบตัวล้วนถูกปกคลุมด้วยไอเย็น ผู้คนถูกแช่แข็งในพริบตา
ผู้แข็งแกร่งเกือบร้อยคน รวมไปถึงเฉิงหราน ถูกเปลี่ยนเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง จบชีวิตลงทั้งๆในสภาพอย่างนั้น
“โอ้พระแม่ทรงโปรด!”
“เขาไม่ใช่มนุษย์! วิ่ง!”
ฝูงชนรอบๆ หลังจากได้เห็นกระบวนท่าสังหารอันน่าสยดสยองของซูเฉินจิตใจของพวกเขาพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง หนีกระเจิดกระเจิงเพื่อเอาชีวิตรอดไปทุกทิศทาง
ท่านเตียวหลงและเสือดาวคลั่งหันมองหน้ากัน แยกย้ายหนึ่งซ้ายหนึ่งขวาหลบหนีโดยไม่เอ่ยอะไรซักคำ
เพราะทั้งสองต่างรู้ดี ว่าความแข็งแกร่งของซูเฉิน ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถรับมือได้อีกต่อไป
หากไม่หนี เกรงว่าจะไม่อาจรักษาชีวิตน้อยๆเอาไว้ได้
สำหรับมนุษย์ในที่แห่งนี้ ซูเฉินยังพอปล่อยให้พวกเขาหลบหนีไปได้ แต่ในกรณีของเตียวหลงและเสือดาวคลั่ง ด้วยสถานะคู่แค้นและสัตว์กลายพันธุ์ของพวกเขา ซูเฉินจะไม่มีวันยอมปล่อยหลุดมือไป
“หัวหน้าหวู่ เสี่ยวจือ ตรงนี้ขอฝากพวกคุณแล้ว!” ซูเฉินตะโกน
จำนวนของซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ในที่นี้มีมากกว่า 1,000 ตัว มันจะเสียเวลาถ้าซูเฉินจัดการด้วยตัวเองเพียงลำพัง
[รถศึกอัจฉริยะ] ปลดปล่อยตาข่ายพายุแม่เหล็กออกมาทันที พริบตาเดียวโถมเข้ากลืนซอมบี้นับร้อยตัว
หวู่หยางและคนอื่นๆรีบลงจากรถเช่นกัน ออกไล่ล่าสัตว์กลายพันธุ์ที่กำลังเตลิดหนีไป
ซูเฉินไม่เกียจคร้านอยู่เฉย ปลดปล่อยพลังจิต ชะลอความเร็วศัตรู จากนั้นสะบัดข้อมือ ปลดปล่อยเส้นแสงสีแดงพุ่งไปทางเสือดาวคลั่ง
หลังจากทำทั้งหมดนี้ เขาก็หันเหความสนใจไปยังเตียวหลง กระโจนขึ้นไปเหนือหัว ซัดหนึ่งหมัดลงมา
บังเกิดชุดเสียงหวีดหวิว เงาหมัดปรากฏขึ้นกลางอากาศ ทุกหมัดระดมชกลงไปยังเตียวหลงที่กำลังหลบหนี
เตียวหลงระหว่างกำลังสับฝีเท้าไม่หยุด คล้ายตระหนักถึงบางอย่าง หันศรีษะมอง แต่แล้วภาพในสายตาก็ทำให้ทั้งหัวใจของเขาหล่นวูบลงสู่ก้นบึ้งของหุบเหว
จากนั้น ได้ยินเพียงเสียงดังตูม ตูม ตูม ร่างของท่านเตียวหลงถูกกลืนหายไปกับเงาหมัดบนท้องฟ้า ทั้งตนทั้งร่างถูกชก กดดันจนจมหายลงไปใต้พื้นดิน
หลิวหยวนและเฒ่าหยูบนรถฐานทัพที่อยู่ไกลออกไป ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ พวกเขาเกือบหัวใจวายตาย
[หมัดดาวตก] ที่ซูเฉินปลดปล่อยออกมา ทั้งงดงามและยิ่งใหญ่ เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหาร ไม่สามารถอธิบายเป็นคำอื่นได้เลยนอกจากคำว่า ‘น่าสยดสยอง’
นี่มันเกินกว่าจินตนาการของหลิวหยวนและเฒ่าหยูอย่างสิ้นเชิง
“เฒ่าหยู พวกเรารีบไปกันดีกว่า” หลิวหยวนเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว กล่าวน้ำเสียงสั่นเครือ
“นั่นสิ ไปเถอะ รีบไป!”
เฒ่าหยูตอบรับอย่างไม่ลังเล
แม้พวกเขาจะไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับซูเฉิน ทั้งยังไม่มีความเกลียดชังใดๆต่อกัน อย่างไรก็ตาม ผู้แข็งแกร่งมักอารมณ์แปรปรวน ดังนั้นไม่กล้าเสี่ยงรั้งอยู่ต่อ
อีกด้านหนึ่ง [รถศึกอัจฉริยะ] ปลดปล่อยตาข่ายพายุแม่เหล็กเพียงสองสามรอบ ซอมบี้ทั้งหมดก็ถูกฆ่าตาย
หวู่หยางและคนอื่นๆร่วมมือกับ [นักรบจักรกล] สามารถสังหารสัตว์กลายพันธุ์ไปแล้วกว่า 90% เหลือแค่ไม่กี่ตัวที่หนีรอดไปได้
ส่วนเสือดาวคลั่งเลเวล 5 เวลานี้มันถูก [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ดูดเลือดจนเนื้อหนังแห้งเหี่ยวไปเป็นที่เรียบร้อย
6/10
Ep.396
[จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] สามารถสังหารเสือดาวคลั่งได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เรื่องนี้สร้างความประทับใจแก่ซูเฉินเป็นอย่างมาก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ระดับของพวกมันล้วนอยู่ในเลเวล 5 เท่ากัน ดังนั้นกำลังรบสมควรเท่าเทียม
สาเหตุที่เสือดาวคลั่งพ่ายแพ้ ทั้งหมดเป็นเพราะปากแหลมของ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ]
ปากแหลมที่เหมือนกับเข็มดูดเลือดของมัน เรียกได้เลยว่าไร้เทียมทาน สามารถเจาะทะลวงเนื้อหนังของเสือดาวคลั่งได้อย่างง่ายดาย
จากนั้น อาศัยความสามารถในการกลืนกินที่ทรงพลังดั่งชื่อของมัน สูบเลือดจากเสือดาวคลั่งจนแห้งเหือด
ด้วยวิธีนี้ ยุงวัชระเลยสามารถสังหารเสือดาวคลั่งได้อย่างหมดจด
ประสิทธิภาพการต่อสู้ของ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ซูเฉินค่อนข้างพอใจมาก
จากนั้น เขาก็เลิกสนใจคนอื่น หันมาเก็บชิ้นส่วน
“คุณได้รับ [อัญมณีฟิวชั่น] *1 , ชิ้นส่วนที่ต้องการ (1/1) , จำนวนองค์ประกอบครบแล้ว คุณต้องการเลือกปลดล็อคหรือแลกเปลี่ยนเป็นแต้มพลังงาน?”
“ปลดล็อค”
ซูเฉินใส่ [อัญมณีฟิวชั่น] ลงในถุงเก็บของ แต่ขณะที่เขากำลังเตรียมจะเก็บชิ้นส่วนอื่นต่อ ทันใดนั้นก็พลันรับรู้ได้ถึงคลื่นความผันผวนของพลังชีวิตอันแรงกล้าออกมาจากทางด้านหน้า
ส่วนตำแหน่งของมัน เหมือนจะมีต้นตอมาจากหลุมลึกที่อยู่ไม่ไกล
และภานในหลุมลึกแห่งนั้น มีร่างของเตียวหลงที่ถูก [หมัดดาวตก] ระดมชกใส่อยู่
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นคลื่นความผันผวนที่เกิดขึ้น ใช่เกี่ยวข้องกับเตียวหลงหรือไม่?
หัวใจของซูเฉินบังเกิดข้อสงสัย ขมวดคิ้วก้าวไปข้างหน้า
แต่ทันใดนั้นเอง ร่างๆหนึ่งพลันกระโดดขึ้นมาจากหลุม
“ที่แท้ก็เป็นแก” หางตาของซูเฉินกระตุก
ผู้ที่กระโดดขึ้นมา มิใช่ใครอื่น เป็นเตียวหลงนั่นแหละ
ทว่าสภาพของเตียวหลงในเวลานี้ ผิวหนังปริแตก มีบาดแผลตามตัวมากมาย
แต่ที่น่าแปลกก็คือ เลือดที่ไหลเวียนอยู่ตามบาดแผล มิใช่สีแดงสด หากเป็นสีเหลืองทอง
และด้วยกระแสเลือดสีทองที่ไหลวน มันได้ช่วยสมานบาดแผลเหล่านั้น ค่อยๆรักษาอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“ที่แท้แกก็มีกายรักษา!” ซูเฉินประหลาดใจมาก
กายรักษา เขาเคยเจอมันแค่ครั้งเดียวตอนสู้กับหนอนโลหิตในบ้านตระกูลหยาง
แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าเตียวหลงเองก็มีกายรักษาเช่นกัน
“เจ้าหนู รู้ดีเหมือนกันนี่” ท่านเตียวแค่นเสียงเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ผู้ที่มีกายรักษา สามารถกล่าวได้ว่าเป็นอมตะ ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว แกยังอยากจะสู้กับฉันอีกไหม?”
ได้ยินคำถามนี้ ซูเฉินอดหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ ต่อให้อีกฝ่ายมีกายรักษาที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อถูกโจมตีร้ายแรง ความตายก็อยู่ใกล้พวกเขาเพียงแค่เอื้อม
ความสามารถนี้ หากถูกท่าโจมตีธรรมดา ก็อาจเรียกได้ว่าเป็นอมตะก็จริง ทว่าหากกายรักษาต้องเผชิญกับการโจมตีทรงพลังที่ร้ายแรงถึงตายซ้ำๆ ก็สามารถถูกสังหารได้เช่นกัน
ก็เหมือนกับในตอนของหนอนโลหิต มันยังคงสามารถรักษาร่างกายเอาไว้ได้ ไม่ถูกสังหารตายในทีเดียว
ดังนั้น สรุปได้ว่าท่านเตียวหลงกำลังแสร้งทำเป็นเก่งต่อหน้าเขา แท้จริงแล้วร่างกายเขาร่อแร่เต็มที
“แกคิดว่ามีแค่กายรักษาอย่างเดียว จะมีคุณสมบัติมากพอให้ต่อรองกับฉันแล้วหรอ?” ซูเฉินหัวเราะดูแคลน
แม้โดนหยามหยั่น แต่เตียวหลงกลับไม่โกรธเคือง เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “แน่นอนว่าฉันยังมีวิธีอื่นอีก และด้วยวิธีนี้ เกรงว่าแกจะไม่สามารถทนได้”
ซูเฉินปาดจมูกเขา เขาไม่รู้หรอกว่าเตียวหลงแค่กำลังขู่ หรือมีไพ่ตายใบอื่นอยู่ในมือจริงๆ
แต่ยังไงซะ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ซูเฉินก็มั่นใจในตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่หวาดกลัวมัน
“ไอ้แก่ ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกจะเป็นมังกร หรืองูใหญ่ จะอะไรก็ช่างแม่งเถอะ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน อย่าริบังอาจขดตัวเลื้อยไปมาให้รำคาญลูกตา!” ซูเฉินแค่นเสียงเย็นชา
เตียวหลงผู้นี้ลอบติดต่อกับเผ่าเต่าเขียว ซึ่งมีความแค้นฝังลึกกับเขา ฉะนั้นเขาจะปล่อยพวกมันไปได้อย่างไร?
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเตียวหลงกลายเป็นมืดมน กัดฟันและกล่าวว่า “เด็กน้อย ยามใดที่พลังที่แท้จริงของฉันถูกปลดปล่อยออกมา มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน”
“นี่แกขู่ฉัน?” ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวหยามเหยียด “แต่ต่อให้เป็นแบบนั้นจริง ฉันก็ไม่เห็นแกอยู่ในสายตาอยู่ดี”
“โอหัง!”
เตียวหลังโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง แหกปากร้องสุดเสียง “เช่นนั้น! วันนี้ฉันจะเป็นคนสอนให้แกได้รู้เอง!! ว่าความสิ้นหวังคืออะไร!!!”