391-392
1/10
Ep.391
“ที่แท้เจ้าหมอนี่คือท่านเตียวหลง …” ซูเฉินพึมพำ
เดิมเขาตั้งใจจะไปพบท่านเตียวหลงอยู่แล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้มาบังเอิญเจอกันที่นี่
ด้านหน้าซูเฉิน ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว หันหลังกลับมาก็พบซูเฉิน เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “แกเป็นใคร? มาที่กลุ่มเหอเซิงของพวกเราทำไม?”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่แวะมาดูเฉยๆ” ซูเฉินตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อเห็นว่าซูเฉินไม่ได้จริงจังอะไรกับตน สีหน้าของชายหนุ่มก็เริ่มมืดมนลง กล่าวอย่างมีน้ำโหว่า “เจ้าหนู กลุ่มเหอเซิงของพวกเรา ไมใช่ที่ๆคิดอยากมาก็มาได้ แก--”
แต่ก่อนจะทันได้พูดจบ ซูเฉินก็กวาดสายตามาที่เขา
พริบตานั้น ชายหนุ่มรู้สึกราวกับมีมีดแหลมคม เสียดแทงเข้ามาในหัวใจ ไอเย็นของคมมีดแผ่ซ่าน จนหนาวสะท้านไปทั้งตัว ร่างกายแข็งทื่อ ปากอ้าค้างไว้ทั้งๆแบบนั้นไม่อาจส่งเสียงใดๆได้อีก
ซูเฉินละความสนใจจากชายผู้นี้ เบนสายตาออกไปมองท่านเตียวหลงและคนอื่นๆต่อ
…
“หยวนคุนเผิง เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ไม่คิดไว้หน้าพวกเรานิกายวูหยินหน่อยหรือ?” สีหน้าของเตียวหลงหมองลง ส่งเสียงฮึ่มๆในลำคอ ท่าทีดูไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง
หยวนคุนเผิงคือซอมบี้ที่มีร่างกายกำยำ มันขดริมฝีปาก กล่าวดูแคลน “ถึงนิกายวูหยินของแกจะมีหุบเขาหวางโหย่วคอยให้ท้าย เลยพอมีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้ใช้ขู่มขู่ได้แค่กับผู้อื่นเท่านั้น หากคิดรังแกเมืองซางเทียนของพวกเรา นั่นเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน!”
หุบเขาหวางโหย่วคือหนึ่งในห้ามหาอำนาจในเขตหยูหลิน ทว่าขณะเดียวกันเมืองซางเทียนก็มีมหาจักรพรรดิเฮยหยุนปกครองอยู่เช่นกัน ดังนั้นด้านกำลังรบนับว่าไม่ด้อยไปกว่าหุบเขาหวางโหย่ว
ท่านเตียวหลงตระหนักดี ว่าหยวนคุนเผิงมีคุณสมบัติที่จะเอ่ยเช่นนั้น ดังนั้นข่มอารมณ์โกรธ กล่าวอย่างอดทนว่า “เช่นนั้นจะเอาอย่างไร?”
หยางคุนเผิงกระแอม ขึ้นเสียงว่า “ในเมื่อแกยืนกรานว่านิกายวูหยินต้องได้ 40% งั้นฉันก็ไม่ขอคัดค้าน แต่ในทำนองเดียวกัน ทางเราเมืองซางเทียนก็ขอส่วนแบ่ง 40% ด้วยเช่นกัน”
ทันทีที่คำนี้ประกาศออกมา สีหน้าของขุมกำลังอื่นๆ ดูน่าเกลียดลงอย่างเห็นได้ชัด
ประณาม! พวกแกสองฝ่ายเล่นเหมาไป 80% แล้วพวกเราที่เหลืออีกสิบกว่าฝ่ายจะเหลืออะไร?
ยังไงก็ตาม เนื่องจากไร้กำลัง พวกเขาจึงไม่กล้าโต้แย้ง
“กรรร!”
ในตอนนั้นเอง สัตว์กลายพันธุ์ที่มีลำตัวยาวกว่า 5 เมตร รูปร่างเหมือนเสือดาวได้คำรามออกมา
เห็นได้ชัดว่ามันไม่พอใจกับส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่ท่านเตียวหลงกับหยวนคุนเผิงได้รับ
หากเป็นสัตว์กลายพันธุ์ทั่วๆไป ท่านเตียวหลงกับหยวนคุนเผิงจะไม่รู้สึกกังวลเลย
อย่างไรก็ตาม สัตว์กลายพันธุ์เบื้องหน้านี้ต่างออกไป มันคือเสือดาวคลั่งเลเวล 5 !
นอกจากด้านกำลังรบแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ มันมาจากหุบเขาคงถง ซึ่งเป็นหนึ่งในห้ามหาอำนาจเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
“ดูเหมือนอาเฮียเสือจะไม่พอใจกับการแบ่งผลประโยชน์ของพวกเรา ไม่ทราบท่านเตียวหลงคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการแบ่งผลประโยชน์ในครั้งนี้?”
หยวนคุนเผิงรู้ว่าเสือดาวคลั่งไม่ใช่ตัวตนที่ง่ายจะยั่วยุ ดังนั้นผลักไสปัญหาไปทางท่านเตียวหลง
ท่านเตียวหลงแค่นเสียงเย็น คนอย่างเขาจะไม่ล่วงรู้ความคิดของหยวนคุนเผิงได้อย่างไร?
ยังไงก็ตาม ตกอยู่ในสภาวะชะงักงันเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขาไม่ถือสาหยวนคุนเผิง แต่ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากเรื่องผลประโยชน์อีกครั้งนั้นเอง
จู่ๆซูเฉินก็เอ่ยขึ้น “ทุกท่าน ฉันมีแผนแบ่งผลประโยชน์ดีๆจะนำเสนอ สนใจลองฟังกันหน่อยไหม?”
ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา ทั่วทั้งบริเวณพลันเงียบสงัด
ต่อมา ทุกสายตาต่างจับจ้องไปทางซูเฉิน
เมื่อเห็นว่าคนที่เอ่ยปากเป็นมนุษย์ อีกทั้งยังอายุน้อย ทุกคนก็ตกใจ
ให้ตายเถอะ เจ้าเด็กนี่ไม่กลัวตายเลยหรือ จู่ๆก็โผล่ออกมา?
ไม่รู้รึไงว่ามีขุมกำลังใหญ่มากมายมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แต่ดันทะลึ่งเอ่ยปากว่ามีเรื่องจะเสนอ มันไปเอาความกล้าถึงขนาดนี้มาจากที่ไหน?
คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสรึไงกัน?
อาศัยคุณสมบัติอะไรมาพูดในที่แห่งนี้?
สมองของมันใช่ถูกสนิมเกาะแล้วหรือไม่ จึงเอ่ยสิ่งที่คิดออกมาแบบนี้
หลายคนเกิดข้อสงสัยไปต่างๆนาๆ
ขณะที่ทุกคนกำลังจับจ้องซูเฉินด้วยท่าทีโง่งม ซูเฉินยักไหล่ เดินเข้าไปกลางพื้นที่โล่งอย่างสบายๆ
มองไปยังท่าทางการแสดงออกของเขา ราวกับว่าไม่เห็นหัวใครในที่นี้เลย
สามมหาอำนาจอยู่ที่นี่ แต่ชายหนุ่มเบื้องหน้า กลับทำเหมือนพวกเขาไม่อยู่ในสายตา
แบบนี้มันจะจองหองเกินไปหน่อยไหม?
หลายคนเริ่มก่นด่าในใจ
2/10
Ep.392
“เจ้าหนู แกเป็นใคร รู้รึเปล่าว่าที่นี่คือที่ไหน?” ชายชราเคราแพะที่ยืนอยู่บริเวณนั้น จับจ้องซูเฉินด้วยท่าทีเอาเรื่อง เอ่ยถามเสียงเย็น
ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งจากขุมกำลังใหญ่ แต่ชายหนุ่มเบื้องหน้ากลับก้าวเข้ามาแทรกแซงอย่างไม่ลังเล
นี่เขาต้องมีความกล้ามากถึงขนาดไหนกัน?
ไม่ฉุกคิดสักนิดเลยหรือ ว่าถ้าทำแบบนี้เท่ากับแส่หาที่ตาย?
ซูเฉินปาดจมูกเขา กล่าวอย่างเฉยเมย “ฉันชื่อซูเฉิน มาจากเขตหวงหลิน”
“อะไรนะ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เด็กขนยังไม่ขึ้นจากเขตหวงหลินกล้าหยิ่งผยองถึงขนาดนี้?”
“คิดว่าที่นี่เป็นพื้นที่ขยะเหมือนเขตหวงหลินรึไง?”
เมื่อซูเฉินประกาศที่มาของตนจากปากตัวเอง ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆก็คลายใจลง ไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไป
โดยไม่มีใครสังเกตเลย ว่าใบหน้าของท่านเตียวหลงกำลังแปรเปลี่ยนไป แต่สักพักมันก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธสุดขีด
“เจ้าหนู เห็นแก่วัยที่ยังไม่รู้ความของแก จงทำลายสองมือและสองเท้าของตนเองเสีย แล้วพวกเราจะไว้ชีวิต”
พอได้ยินว่าซูเฉินมาจากเขตหวงหลิน ชายเคราแพะก็แสดงท่าทีรังเกียจออกมา
รูม่านตาของซูเฉินหดลีบลง กล่าวเสียงแผ่วเบาราวกระซิบว่า “ไม่ทราบท่านผู้นี้คือ?”
ชายเคราแพะแค่นเสียงฮึเบาๆ กล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิว่า “เราผู้เฒ่าหัวหน้ากลุ่มเหอเซิง นามเฉิงหราน”
ซูเฉินค่อยๆหรี่ตาลง ในแววตาทอประกายเย็นยะเยือก กล่าวเสียงขรึมว่า “เช่นนั้นเฉิงหราน จงคุกเข่าต่อหน้าฉัน ตบปาก 100 ครั้ง พร้อมทำลายสองแขนของตัวเอง แล้วฉันจะยอมยกโทษให้ในครั้งนี้”
ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา ฝูงชนบังเกิดความโกลาหล
“บ้า..! เจ้าหมอนี่มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
“คนที่อวดดีถึงขนาดนี้ ฉันเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
“คนที่มาจากเขตหวงหลิน เสียสติแบบนี้กันทุกคนเลยรึเปล่า?”
เพราะใครๆก็รู้ ว่าเฉิงหรานไม่ได้เป็นแค่หัวหน้ากลุ่มเหอเซิงเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 ที่แท้จริงอีกด้วย!
ในทางกลับกัน ซูเฉินยังเยาว์วัยนัก ต่อให้เขามีพรสวรรค์ ก็ไม่น่ามีระดับเกินผู้วิวัฒนาการเลเวล 2
แล้วเหตุใดผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 ถึงกล้าหาเรื่องผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 ?
“ประเสริฐ ประเสริฐยิ่ง! เด็กน้อยแกมีความกล้าไม่เลวเลยจริงๆ” ใบหน้าของเฉิงหรานเปลี่ยนเป็นดุร้าย ขบฟันแน่นและกล่าวว่า “เดิมทีฉันตั้งใจจะไว้ชีวิตสุนัขของแก แต่ตอนนี้เราผู้เฒ่าเปลี่ยนใจแล้ว เตรียมโดนถลกหนังได้เลย!”
“ตาแก่ อย่าดีแต่พูด แน่จริงก็เข้ามา! เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะเป็นคนถลกหนังใคร” ซูเฉินกล่าวเย้ยหยัน
“แส่หาที่ตาย!”
มุมปากของเฉิงหรานกระตุก เตรียมกระโจนเข้าไปสัง่สอนซูเฉิน แต่ก็ถูกหยวนคุนเผิงขัดจังหวะเสียก่อน
“เฒ่าเฉิง อย่าเพิ่งรีบร้อน ฉันมีเรื่องจะถามเจ้าเด็กนี่”
ถึงอย่างไรหยวนคุนเผิงก็มาจากเมืองซางเทียน ทั้งยังเป็นซอมบี้เลเวล 5 เฉิงหรานไม่อาจล่วงเกินเขา ดังนั้นได้แต่จำใจยอมหยุดชั่วคราว
ยังไงก็ตาม สายตาของเขายังคงจับจ้องซูเฉินด้วยความเดือดดาล ในแววตาสะท้อนประกายอำมหิต
หยวนคุนเผิงมองซูเฉินด้วยความสนใจ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าหนู แกยังไม่ได้บอกเรื่องการแบ่งผลประโยชน์เลย ไหนลองว่ามาสิ”
เขาไม่เคยพบเคยเจอมนุษย์ที่เย่อหยิ่งเช่นซูเฉินมาก่อนเลย ดังนั้นรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก ต้องการจะรับฟังแผนแบ่งปันผลประโยชน์ของซูเฉิน
ซูเฉินหันไปมองรอบๆ หมุนตัวจนครบที่ยวหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงดังว่า “ฟังให้ดี วิธีการแบ่งผลประโยชน์ของฉันนั้นง่ายมาก นั่นคือหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 5 ทั้งหมดในที่นี้ต้องตกเป็นของฉัน ถ้าใครกล้าปฏิเสธ บิดาจะฆ่าทิ้ง!”
ทันทีที่ประโยคนี้ถูกประกาศออกมา เสมือนอัสนีบาตฟาดผ่า
นรกเถอะ! นี่เขา … เขา ..!
ช่างโอหัง! ก้าวร้าว! หน้าด้านหน้าทน!
ความอวดดีที่แสดงออกมานี้ เรียกได้ว่าในอดีตไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน และเกรงว่าในอนาคตต่อไปก็เช่นกัน คงไม่มีไอ้หน้าไหนกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคนอีกแล้วเช่นกัน
เกือบทั้งหมดตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง
บริเวณโดยรอบจมอยู่ภายใต้ความเงียบงันอันน่าขนลุก
ผ่านไปนาน หยวนคุนเผิงค่อยได้สติ กลืนน้ำลายเอ่ยเสียงขรึม “เจ้าหนู นี่แกจริงจังใช่ไหม?”
ความจองหองของซูเฉิน มันเหนือจินตนาการของเขาไปอย่างสิ้นเชิง นี่ยิ่งทำให้เขาเริ่มรู้สึกสนใจซูเฉินมากขึ้นไปอีก