80Y-ตอนที่ 79 พบโดยบังเอิญ
มีเพียงคนเดียวที่มาที่ตำหนักเย็นในทุกเดือน
นอกเหนือจากเวลาส่งอาหารแล้วตำหนักเย็นก็มักจะถูกปิดล้อมไปด้วยความเงียบสงัด
ความเงียบนี้คล้ายกับต้นมะเดื่อที่โดดเดี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง
หลินจิ่วเฟิง ยังสงสัยว่าบางครั้งเขาควรปลูกดอกไม้เพื่อทำให้ผ่อนคลายอารมณ์ดีหรือไม่
เนื่องจากไม่มีใครอื่นเข้ามาในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง จึงคุ้นเคยกับการอยู่คนเดียวกับเจ้าแมวขาวดังนั้นเขาจะมักไม่สนใจทางเข้าของตำหนักเย็น
หลินจิ่วเฟิง รู้ว่าวันไหน ต้าชุนจะมาส่งอาหารทุกเดือน
และต้าชุนจะมาช่วงเวลาที่แน่นอนสม่ำเสมอ อีกฝ่ายจะไม่มารบกวนเขาหากไม่ถึงเวลา
ผลก็คือ หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาวไม่ได้สังเกตุเห็นนางฟ้าตัวน้อยกำลังเดินเข้ามาหน้าทางเข้าของตำหนักเย็นในวันนี้
องค์หญิงหยูหลินได้ถือลูกกุญแจเก่าในมือ
นางได้มองไปรอบ ๆ และพึมพัมออกมา“นี่คือส่วนหนึ่งของพระราชวังร้างที่อ๋องเจิ้นเป่ยทิ้งไว้ท้ายที่สุดมันก็ถูกดัดแปลงเป็นตำหนักเย็นของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา”
“ตัวตำหนักทรุดโทรมลงอย่างแท้จริง การปล่อยให้สิ่งของเหล่านี้เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาช่างเปล่าประโยชน์โดยแท้”องค์หญิงหยูหลินอดไม่ได้ที่จะสั่นศีรษะ
นางค่อย ๆ เดินไปที่ประตูของตำหนักเย็นและมองดูสิงโตหินที่ถูกทำลายไปตามกาลเวลา นางได้เอื้อมมือไปเช็ดออกเผยให้เห็นชั้นฝุ่น
“ที่นี่ไม่มีร่องรอยของใครเลย เหตุใดเสด็จปู่จักรพรรดิถึงเก็บกุญแจเอาไว้?”องค์หญิงหยูหลินมองไปที่สิงโตหินด้วยความอยากรู้
ประตูทางเข้าตำหนักเย็นปกคลุมไปด้วยฝุ่น
ภายในมีลูกกุญแจที่ออกแบบมาโดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ
มีเพียงลูกกุญแจของมันเท่านั้นที่เปิดได้
องค์หญิงหยูหลิน ได้เคาะประตูก็ไม่มีเสียงตอบรับ
“กุญแจนี้น่าจะใช้เปิดได้ข้าจะเข้าไปดูข้างใน”
องค์หญิงหยูหลินได้สอดลูกกุญแจเข้าไป
แกร๊ก!
ประตูของตำหนักเย็นที่ไม่ได้เปิดออกเป็นเวลานานได้กลับมาชีวิตชีวาอีกครั้ง
มันได้ส่งเสียง ‘เอี๊ยด’ ออกมาขณะที่มันถูกผลักออก
องค์หญิงหยูหลิน ขมวดคิ้วแน่นนางพยายามเพิ่มพละกำลังมากขึ้นในการผลักของนาง
บูม!
ท้ายที่สุดประตูตำหนักเย็นก็ถูกผลักออกโดยตรง
สิ่งที่ต้อนรับนางไม่ใช่สิ่งสกปรก
แต่กลับเป็นทางเดินที่ราบเรียบและลานที่พักที่ปราศจากวัชพืช
ซึ่งมันแตกต่างจากสิ่งที่องค์หญิงหยูหลินคิดไว้มาก
นางมองดูฉากนี้ด้วยความสงสัยและยืนนิ่ง
ในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาวได้ตื่นขึ้นจากการทำสมาธิ พวกเขาได้มองหน้ากันอย่างแปลกใจ
มีคนเข้ามายังตำหนักเย็น!
สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว
หลินจิ่วเฟิง จำได้ว่าตั้งแต่เขาถูกเนรเทศมายังตำหนักเย็น มีเพียงคนจากนิกายซากศพเท่านั้นที่พยายามแอบเข้ามาภายใน
แต่หลังจากที่สองคนสุดท้ายถูกฆ่าตาย พวกเขาก็ไม่กล้าส่งใครมาอีก
นอกเหนือจากพวกเขาก็มีเพียง จักรพรรดิหยวน,จักรพรรดิหมิง และ คน 3 กลุ่มที่ประกอบไปด้วย นักบวชหนุ่ม,นักพรตเต๋าทั้งสอง และ บุรุษร่างใหญ่
นอกจากบุคคลเหล่านี้แล้ว ก็ไม่มีใครเข้ามายังตำหนักเย็นโดยสมัครใจ
หลังจากการสวรรคตของจักรพรรดิหมิง ประตูตำหนักเย็นก็ไม่เคยเปิดออกมานานกว่า 5 ปี มันได้ถูกปิดอย่างแน่นหนาเสมอ
แต่วันนี้…
มีคนเปิดประตูทางเข้าของตำหนักเย็นโดยไม่คาดคิด-และมันเป็นเพียงเด็กสาวแปลกหน้า
หลินจิ่วเฟิง ได้ตรวจสอบด้วยจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนางจนเห็นรูปร่างหน้าตาของนาง
นางเป็นเด็กสาวที่สวยมาก
นางอายุประมาณ 10 ปลาย ๆ ดังนั้นร่างกายของนางจึงไม่ได้เปล่งประกายอะไรนอกจากร่างของเด็กสาวในช่วงวัยเยาว์ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างแท้จริง ในเวลานี้ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นหลังจากสังเกตุตำหนักเย็น
“นางเป็นคนรู้จักเจ้า?”เจ้าแมวขาวมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง อย่างสงสัย
หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ“ข้าไม่รู้จักนาง”
“แล้วนางมาที่นี่ทำไม?”เจ้าแมวขาวได้กระโดดขึ้นไปบนกำแพงและมองดูมันมองเห็นองค์หญิงหยูหลินที่กำลังเดินเข้ามาใกล้
แม้แต่เจ้าแมวขาวก็อดชื่นชมความงามของนางไม่ได้
เจ้าแมวขาวพบว่านี่มันแปลก
เด็กสาวคนนี้แต่งกายด้วยชุดดูดีมีราคา ท่าทางของนางก็ยังเห็นได้ชัดว่านางมาจากตระกูลที่ไม่ธรรมดา
แล้วเหตุใดนางถึงมาที่ตำหนักเย็นสถานที่ที่ทุกคนคอยหลีกเลี่ยง?
เจ้าแมวขาวได้ยกกรงเล็บขึ้น
มันพยายามพุ่งออกไปโจมตีนาง
มันต้องการปกป้องอาณาเขตของตนเอง
มันจะไม่ยอมให้คนเพศเดียวกันเข้ามาโดยไม่ตั้งใจ
ตราบใดที่มีสตรีกล้ารุกล้ำเข้ามาในตำหนักเย็นแห่งนี้มันจะไล่มันออกไป
องค์หญิงหยูหลินมองไปที่ตำหนักเย็นที่ดูสะอาดและพึมพัมออกมา“ที่นี่ดูไม่เหมือนกับตำหนักเย็นที่ผู้คนอธิบายว่าเป็นสถานที่ที่ทำให้หลายคนกลายเป็นบ้าได้เลย เนื่องจากเสด็จปู่จักรพรรดิทรงทิ้งกุญแจเอาไว้ แสดงว่าเขาจะต้องเคยมาที่นี่มาก่อน…”
“มันคงไม่มีปัญหาอะไร หากข้าจะเข้าไปดูข้างใน”
องค์หญิงหยูหลินได้ก้าวเข้าไปในตำหนักเย็น
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวได้ร้องออกมาและกำลังจะโจมตี
มันต้องการปกป้องอาณาเขตของมันและไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไป
บูม!
แต่ในเวลาต่อมา พื้นที่ก็หยุดนิ่ง
ร่างของเจ้าแมวขาวได้แข็งค้างอยู่บนกำแพงและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
“เหตุใดเจ้าถึงหยุดข้า?”เจ้าแมวขาวกล่าวถามหลินจิ่วเฟิงด้วยท่าทีโกรธจัด
มันต้องการจะปกป้องดินแดนของมัน
สัตว์ทุกตัวล้วนมีอาณาเขต มันเป็นเรื่องปกติที่มันจะทำเช่นนี้
หลินจิ่วเฟิง ได้เอื้อมมือออกไปและอุ้มมันลงมา
เขาลูบไปที่อีกฝ่ายและตอบกลับ“อย่าทำร้ายนาง นางไม่ใช่คนนอก”
“ไม่ใช่คนนอก?”เจ้าแมวขาวรู้สึกสับสน
“ไหนเจ้าบอกไม่รู้จักนางไง?”เจ้าแมวขาวได้กล่าวถาม
ดวงตาคู่นี้ของมันได้กระพริบอย่างคาดหวัง
หลินจิ่วเฟิง รู้สึกอายเล็กน้อยและตอบกลับ“นางเป็นหนึ่งในสองคนที่เราคุยกันเมื่อวานนี้”
หนึ่งในสองคนที่คุยกันเมื่อวาน?
เด็กทั้งสองคนที่เป็นหลานของ หลินจิ่วเฟิง เพราะพวกเขาเป็นลูกชายและลูกสาวของหลินเทียนหยวน
คนที่มาที่นี่ในวันนี้สมควรเรียก หลินจิ่วเฟิง ว่า ’ปู่ทวด’
เจ้าแมวขาวไม่ได้โกรธอีกต่อไป มันมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง อย่างสงสัย“เมื่อวานมีใครบางคนสาบานว่าจะไม่ติดต่อกับพวกเขา เหตุใดตอนนี้หลานของเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าเจ้าคาดหวังให้สิ่งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก?”
หลินจิ่วเฟิง ยังคงไร้ความรู้สึกเขาไม่ได้ตอบกลับ
วิธีเดียวที่จะแก้ไขความอึดอัดในใจได้คือแสร้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาได้แสดงสีหน้าเย็นชาออกมาเล็กน้อย
เจ้าแมวขาวที่อยู่ตรงหน้าอกของ หลินจิ่วเฟิง มันได้พูดออกมาอย่างโกรธเคือง“หากเจ้ายังคงตีหน้าซื่อเช่นนี้อีก ข้าจะไม่คุยกับเจ้าอีกต่อไป”
หลินจิ่วเฟิง ได้ลูบไล้มันเบา ๆ และตอบกลับ“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้ติดต่อกัน นี่เป็นเรื่องจริง บางทีนางอาจจะเข้ามาที่นี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองหลังจากที่พบว่าที่นี่ไม่มีอะไรนางก็จะจากไปในทันที”
“เจ้าไม่คิดจะออกไปพบนาง?”เจ้าแมวขาวรู้สึกประหลาดใจ
“ถ้าออกไปพบจะเริ่มต้นคุยกันยังไง?”หลินจิ่วเฟิงได้ตอบกลับ
เจ้าแมวขาวรู้สึกพูดไม่ออก
เขาไม่รู้จะพูดอะไรหากทั้งสองพบกัน
ขณะที่ชายและแมวกำลังทะเลาะกัน องค์หญิงหยูหลิน ก็ได้ปิดประตูตำหนักเย็นไปแล้วครึ่งทาง
จากนั้นนางก็เดินไปตามทางเดินผ่านลานที่พักจนเข้าสู่ที่พักของ หลินจิ่วเฟิง
นี่เป็นลานที่พักที่ หลินจิ่วเฟิง อาศัยอยู่
หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาวมองหน้ากันอย่างตกตะลึง
“ยังไม่ได้จัดการพื้นที่ให้เรียบร้อยเลย”เจ้าแมวขาวได้โพล่งออกมา
หลินจิ่วเฟิง ก็ตระหนักได้เช่นเดียวกัน
เขากำลังจะจัดสถานที่ให้เรียบร้อยแต่ทว่าองค์หญิงหยูหลินก็ผลักประตูเข้ามาแล้ว
หลินจิ่วเฟิง ได้มองเห็นองค์หญิงหยูหลินโดยตรง
ในเวลานี้ เจ้าแมวขาวก็หยุดหายใจเช่นเดียวกัน
เพียงแต่มันพบว่าองค์หญิงหยูหลินราวกับไม่สามารถมองเห็น หลินจิ่วเฟิง ที่ยืนอยู่ในลานที่พัก นางได้เดินตรงเข้ามาและมองไปรอบ ๆ อย่างประหลาดใจ
เจ้าแมวขาวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ถ้า หลินจิ่วเฟิง ไม่ต้องการให้ใครค้นพบ เขาก็ไม่ถูกค้นพบอย่างแน่นอน
แต่ทว่าภายในลานบ้านเขาไม่ได้จัดเก็บสิ่งของให้เรียบร้อย
องค์หญิงหยูหลินได้โพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ“มีใครอยู่ที่นี่หรือไม่?”
“เตียงนี้เย็นดีจัง”องค์หญิงหยูหลินได้กระโดดและนั่งลงบนเตียงหยกน้ำแข็งและพึมพัมออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ข้าสัมผัสได้ว่าพลังปราณในร่างกายกำลังพลุ้งพล่าน นี่ขนาดข้านั่งเพียงแค่ชั่วครู่เดียว ฐานการบ่มเพาะพลังของข้าก็ได้รับการสนับสนุนอย่างมาก”ความประหลาดใจที่น่ายินดีขององค์หญิงหยูหลินได้ดำเนินต่อไป
“มีหนังสือมากมายที่นี่ มันคืออะไร?”
องค์หญิงหยูหลิน มองเห็นหนังสือที่สตรีศักดิ์สิทธิ์มอบให้ หลินจิ่วเฟิง
นางได้พลิกอ่านหนังสือ จากนั้นสีหน้าของนางก็กลายเป็นจริงจัง
ในที่สุดนางก็ปิดปากของนาง
“นี่ควรจะเป็นสมบัติที่เสด็จปู่ทิ้งไว้ให้ ข้าค้นพบมันแล้ว!”
องค์หญิงหยูหลินอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
โลกใบใหม่ได้เปิดขึ้นสำหรับนาง
ทั้ง หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาวได้มองหน้ากันอยู่ครู่นึง
ในที่สุดพวกเขาก็ทำได้เพียงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
พวกเขาจะจัดการกับผู้หญิงคนนี้อย่างไรดี?