80Y-ตอนที่ 78 องค์หญิงหยูหลิน
หลังจากได้รับคำแนะนำจากประมุขนิกายหลัวหยู แล้ว จักรพรรดิเต๋อ ก็รู้วิธีการพัฒนาตนเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับก้าวผ่านอาณาจักรพลังต่อไป
เขาพยายามหลีกเลี่ยงการร่วมรักในอีกสามเดือนข้างหน้านี้เพื่อรักษาสถานะสูงสุดของร่างกายของเขา และในที่สุดเขาก็จะสามารถทะลวงผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้ได้
‘ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ไม่เคยมีปราชญ์การต่อสู้อายุ 18 ปีมาก่อน…’
‘ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิพระบิดาหรือเสด็จปู่จักรพรรดิ พวกเขาทั้งคู่ล้วนเป็นผู้ปกครองที่ชาญฉลาดในรุ่นของพวกเขาเอง ข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่พวกเขามีก็คือพวกเขาเสียชีวิตเร็วเกินไป’
จักรพรรดิเต๋อไม่ต้องการเดินรอยตามวิธีเก่าของจักรพรรดิพระบิดาและเสด็จปู่จักรพรรดิของเขา
จักรพรรดิหยวนและจักรพรรดิหมิงล้วนเป็นผู้ปกครองที่ชาญฉลาด
พวกเขาปฏิรูปโลก และ ยังสามารถช่วยเหลือราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาจากการล่มสลาย
ความสำเร็จของพวกเขาไม่มีใครปฏิเสธได้
แต่ทว่า ทั้งจักรพรรดิหยวนและจักรพรรดิหมิงล้วนมีช่วงอายุที่สั้นมาก
การปฏิรูปของพวกเขาเสร็จสมบูรณ์ภายใต้ความพยายามของทั้งคู่
แต่ทว่าแต่ละคนก็มีพระชนม์อายุเพียงแค่ 10 กว่าปีเท่านั้นในฐานะองค์จักรพรรดิ กระทั่งรวบรวมผลงานหลังจากขึ้นครองราชย์พวกเขาก็มีช่วงเวลาไม่เกิน 30 ปี
จักรพรรดิเต๋อ ไม่ต้องการเดินเส้นทางเดียวกับ บิดา และ ปู่ของเขา
ดังนั้นนอกจากศึกษาด้านการบริหารบ้านเมือง เขาก็แสวงหาเส้นทางการบ่มเพาะพลังเช่นเดียวกัน
เขาต้องการเสริมสร้างรากฐานร่างกายที่แข็งแกร่งและมีชีวิตที่ยืนยาว
เขาต้องการที่จะเป็นจักรพรรดิที่มีอายุยืนที่สุดของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
เขาต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในฐานะจักรพรรดิร่วมกันกับภรรยาของเขา
หลังจากออกจากนิกายเส้นทางสวรรค์ จักรพรรดิเต๋อ ก็กลับไปที่พระราชวังต้องห้ามและส่งจดหมายถึงจักรพรรดินีพระมารดาบอกว่าเขาต้องการปลีกวิเวกในอีกสามเดือนต่อจากนี้ เขาจะไม่ออกไปไหนในช่วงเวลานี้
เขาต้องการทะลวงผ่านขั้นพลังปราชญ์การต่อสู้
…
ในตำหนักของจักรพรรดินีพระมารดา,จักรพรรดินีของ หลินเทียนหยวน และ ตอนนี้เป็นพระมารดาของ จักรพรรดิเต๋อ
นางอายุเพียงแค่ 30 กว่าเท่านั้น นางดูไม่แก่เลย
นางอยู่ในวัยที่โตเต็มที่ในฐานะสตรีเพศ
ถึงแม้ว่านางจะอายุเริ่มมาก และ โตเต็มที่แล้ว
แต่นางก็มักจะแต่งกายด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย ให้บรรยากาศความรู้สึกแห่งความสง่าและงดงาม
ในฐานะผู้หญิงที่ดูแลงานราชกิจของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวามาตลอดหลายปี ทักษะในการจัดการของนางไม่สามารถหักล้างได้
ครั้งหนึ่งนางสามารถจัดการวังหลังของจักรพรรดิได้อย่างเป็นระเบียบ ถ้าไม่ใช่เพราะเผ่าวิญญาณขุนเขาได้ใช้เล่ห์กลบางอย่าง หลินเทียนหยวน ก็อาจจะมีความสุขไปกับสนมวังหลังของเขาตลอดชีวิต
นี่คือทักษะและความสามารถในการจัดการของนาง
หลังจากการตายของหลินเทียนหยวน นางก็เริ่มดูแลงานราชกิจของราชสำนักแทน
นางจัดการได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ทำให้ได้รับคำชมอย่างไม่รู้จบจากเจ้าหน้าที่ในราชสำนักรอบตัวนาง
“วันนี้ฝ่าบาทเสด็จไปยังนิกายเส้นทางสวรรค์อีกแล้วหรือไม่?”
จักรพรรดินีพระมารดาได้มองไปที่จักรพรรดิเต๋อที่ดูตื่นเต้นและกล่าวถาม
“ขอรับ เสด็จแม่...ข้าพบวิธีที่จะทะลวงผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้แล้ว ในอีกสามเดือนต่อมา ข้าจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นปราชญ์การต่อสู้”จักรพรรดิเต๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
จักรพรรดินีพระมารดาได้กล่าวถามอย่างประหลาดใจ“จริงเหรอ?”
“ขอรับ! เสด็จแม่พูดอยู่เสอมว่าคนของนิกายเส้นทางสวรรค์มีความตั้งใจที่ดี พวกเขาเคยแก้ไขปัญหาให้กับราชวงศ์ของพวกเราอีกทั้งยังสอนสั่งข้า…”
“นอกจากนี้ยังไม่เคยมีปราชญ์การต่อสู้อายุ 18 ปีปรากฏขึ้นในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาของเรามาก่อน”จักรพรรดิเต๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เขาไว้วางใจประมุขนิกายหลัวหยูเป็นอย่างมาก
อารมณ์แห่งความสุขเดิมของจักรพรรดินีพระมารดาได้ดับลงในทันที
นางอดไม่ได้ที่จะตอบกลับ“ลูกข้า เจ้าคือจักรพรรดิ เจ้าไม่สามารถไว้ใจคนแปลกหน้าทั้งหมดได้ แม้ว่าประมุขนิกายหลัวหยู จะไม่มีเจตนาร้ายต่อเจ้า แต่เจ้าก็ห้ามเชื่อใจใครอย่างเต็มที่!”
ความตื่นเต้นของจักรพรรดิเต๋อได้หายไปทันที
เขาทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมา“เสด็จแม่พูดถูก ข้าเข้าใจแล้ว”
จักรพรรดินีพระมารดาต้องการจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่จักรพรรดิเต๋อได้โค้งคำนับและตอบกลับโดยตรง“ข้าต้องการที่จะฝึกฝนต่อ ดังนั้นงานราชกิจต้องรบกวนเสด็จแม่แล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร ท่านก็มีความรู้ความเข้าใจมากกว่าข้า”
จักรพรรดินีพระมารดา เฝ้ามองไปที่จักรพรรดิเต๋อที่จากไปอย่างฉุนเฉียว
นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“ความดื้อรั้นของเขาเหมือนกับพ่อของเขา แม้แต่ความภาคภูมิใจของเขาก็เหมือนกันทุกประการ…”
จักรพรรดิเต๋อคล้ายกับหลินเทียนหยวนมาเกินไป
โดยเฉพาะอารมณ์และการแสดงท่าที
ทุกอย่างของเขาแทบจะแกะสลักออกมาจากแม่พิมพิ์เดียวกันกับ หลินเทียนหยวน
“พ่อของเจ้ามีเสด็จลุงคอยสนับสนุน แต่เจ้า…”
“ข้าสามารถติดต่อเสด็จลุงได้ แต่เจ้าไม่ นั่นหมายความว่าเสด็จลุงไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจ้ามากขนาดนั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจ้าถือว่าประมุขนิกายหลัวหยูเป็นผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้า นี่ช่างเป็นความคิดที่ไร้เดียงสา”จักรพรรดินีพระมารดาได้ถอนหายใจออกมา
นางกังวลเรื่องนี้อย่างแท้จริง
‘เหล่าผู้คนจากที่ราบและชนเผ่าเซียนเป่ย กำลังรวมตัวกันเพื่อสร้างขุมพลังใหม่ที่เรียกว่า กองกำลังเหยี่ยวมังกร!’
“กองกำลังเหยี่ยวมังกรมักจะบุกรุกอาณาเขตของพวกเราอยู่เสมอ หน่วยข่าวกรองได้รายงานมาว่า มีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวบางอย่างยืนอยู่ข้างพวกเขา ทำให้พวกเขากล้าที่จะเคลื่อนไหว และ มันเป็นขุมพลังที่เราไม่สามารถประเมินได้”
“แต่ทว่าเจ้ากลับไม่เคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยจริง ๆ …”
จักรพรรดินีพระมารดา รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
บางทีลูกชายของนางอาจจะไม่เหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดิแต่ควรเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แท้จริงมากกว่า
แต่นางไม่มีทางเลือก
นางมีเพียงลูกชายและลูกสาวเพียงคนเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาก็ไม่เคยอนุญาติให้สตรีขึ้นครองบัลลังก์มาตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์เมื่อหลายร้อยปีก่อน
ดังนั้นมีเพียงจักรพรรดิเต๋อเท่านั้น
แต่การกระทำของจักรพรรดิเต๋อได้สร้างความเหนื่อยล้าให้กับจักรพรรดินีพระมารดาอย่างมาก
‘ข้าควรจะบอกเขาหรือไม่ว่าเขามีปู่ทวดที่ทรงพลังมากกว่านิกายเส้นทางสวรรค์’ จักรพรรดินีพระมารดาได้ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ
นางได้ใช้มือหนุนศีรษะของนาง การกระทำอันละเอียดอ่อนของนางและความกังวลบนใบหน้าทำให้เกิดภาพอันงดงามที่ไม่มีใครเคยเห็น
…
หลินจิ่วเฟิง ปู่ทวดของจักรพรรดิเต๋อ
เป็นเวลากว่าหลายสิบปีแล้วนับตั้งแต่เขามาถึงโลกนี้
หลินจิ่วเฟิง ยังรู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรมากมาย แต่เขาได้กลายเป็นปู่ทวดไปแล้ว
วันนี้เจ้าแมวขาวได้ถาม หลินจิ่วเฟิง เกี่ยวกับการทำงานภายในราชวงศ์
หลินจิ่วเฟิง ได้กอดเจ้าแมวขาวและอธิบายเกี่ยวกับการทำงานภายในราชวงศ์อย่างช้า ๆ
ขณะที่เขาพูด หลินจิ่วเฟิง ก็ได้ตระหนักว่าตนเองเป็นปู่ทวดไปแล้ว
เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของจักรพรรดิหยวน
จักรพรรดิหมิงเป็นหลานชายของเขา
จักรพรรดิเต๋อเป็นลูกของหลานชายของเขา
พวกเขามีเชื้อสายเดียวกัน
ลูกขององค์ชายคนอื่น ๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ หลินจิ่วเฟิง
แต่สายเลือดโดยตรงของจักรพรรดิหยวนยังมีความใกล้ชิดกับ หลินจิ่วเฟิง อยู่บ้าง
หลินเทียนหยวน มีลูกสองคน ลูกชายและลูกสาวอย่างละคน
ลูกชายของเขาก็คือจักรพรรดิเต๋อ
ส่วนลูกสาวได้รับพระราชทานยศเป็นองค์หญิงหยูหลิน
องค์หญิงหยูหลิน เป็นน้องสาวของจักรพรรดิเต๋อ และ เป็นลูกสาวของ หลินเทียนหยวน เป็นองค์หญิงเพียงคนเดียวของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
นางมีสถานะสูงส่ง
“เจ้าไม่เคยพบหลานของเจ้าเลย?”เจ้าแมวขาวได้กล่าวถาม
“ทำไมข้าจะต้องไปพบ?พวกเขาต่างก็มีชีวิตเป็นของตัวเองซ้ำข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับข้าตลอดชีวิตของพวกเขา เหตุใดข้าจะต้องไปหาพวกเขา?”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ชีวิตนั้นยาวนานเกินไป เจ้าดูจะพูดเรื่องพวกนี้เร็วเกินไปหน่อย”
เจ้าแมวขาวได้ปฏิเสธหลินจิ่วเฟิง
“แต่ข้ารู้สึกว่าตนเองอาจจะไม่ไปพบพวกเขาตลอดชีวิต”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวอย่างมั่นใจ
เขาสามารถมีอายุอยู่ได้นานนับพันปี
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งคู่ยังอยู่ในส่วนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมืองหลวง ในขณะที่ หลินจิ่วเฟิง ได้อาศัยอยู่ในตำหนักเย็น ที่ไม่มีใครสนใจ
ดังนั้นพวกเขาจะมีการติดต่อกันได้อย่างไร?
เจ้าแมวขาวได้พึมพัมออกมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าอีกไม่นานเจ้าจะได้พบกับหลานของเจ้า”
หลินจิ่วเฟิง ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร
เขาเอื้อมมือไปลูบเจ้าแมวขาว และ ไม่ได้หักล้างคำพูดของมัน
ถึงกระนั้นเขาก็ปฏิเสธที่จะเชื่อคำพูดของเจ้าแมวขาว
…
ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา พระราชวังต้องห้าม
สตรีสาวสวยนางหนึ่งในชุดคลุมผ้าที่งดงามพร้อบกับรอยยิ้มหวาน ๆ ได้เดินเข้าไปยังสถานที่เก็บพระธาตุอันล้ำค่าของจักรพรรดิหยวนและจักรพรรดิหมิง
“ต้องมีสมบัติซ่อนอยู่ในที่เก็บพระธาตุของเสด็จพ่อและเสด็จปู่อย่างแน่นอน!”
“พี่ชายจักรพรรดิ ก็ฝึกฝนทุกวันคืน เขาถึงกลับกล้าเยาะเย้ยข้าและสงสารความสามารถอันน้อยนิดของข้า ช่างเหลวไหลสิ้นดี ข้าจะต้องมองหาสมบัติและแข็งแกร่งขึ้นจนทำให้พี่ชายจักรพรรดิมองข้าใหม่ให้ได้!”
เด็กสาวบริสุทธิ์ได้มองหากองวัตถุขนาดใหญ่อย่างตื่นเต้น
นางก็คือองค์หญิงเพียงคนเดียวของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา องค์หญิงหยูหลิน
นางได้รับความสนใจมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่นางไม่ได้พัฒนาบุคลิกที่เย่อหยิ่งของนาง กลับกันบุคคลิกของนางกลับดูน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
นางรู้วิธีที่จะสงสารคนแปลกหน้า
โดยรวมแล้วนางเป็นเด็กสาวที่น่ารักมาก
“หืม อะไรกันเนี่ย เหตุใดมันถึงมาอยู่ในสถานที่เก็บพระธาตุของเสด็จปู่?”องค์หญิงหยูหลินได้ค้นพบกุญแจบางอย่าง
มันดูเก่ามากและไม่น่าจะใช่สำหรับพระราชวังนี้
นางได้มองดูมันอย่างสนใจ
“มันคือกุญแจเปิดพระราชวังของอ๋องเจิ้นเป่ย!”
องค์หญิงหยูหลินขมวดคิ้วแน่นและคิดอย่างรอบคอบ
นางเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“อ๋องเจิ้นเป่ย นี่คือ ท่านอ๋องที่เสียชีวิตมาตั้งแต่หลายปีก่อนมิใช่หรือ?”
“ท่านอ๋องนี้ถูกคุมขังในพระราชวังของตนเอง หลังจากเขาเสียชีวิต พระราชวังก็ถูกเปลี่ยนเป็นตำหนักเย็นในเวลาต่อมา”องค์หญิงหยูหลิน ได้ขมวดคิ้วแน่น
“เหตุใด เสด็จปู่จักรพรรดิ ถึงเก็บกุญแจนี้ไว้?”
“อีกทั้งเขายังจงใจซ่อนมันอีก?”
ดวงตาของ องค์หญิงหยูหลินค่อย ๆ สว่างขึ้น