80Y-ตอนที่ 77 ประมุขนิกายหลัวหยู
หลังจากเอาชนะ ราชาปีศาจ ด้วยฝ่ามือเดียว หลินจิ่วเฟิง ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เขาได้ผนึกทางเข้าออกเดียวและไม่สนใจที่จะมองดูการแสดงออกถึงความโศกเศร้าของปีศาจที่อยู่ด้านล่าง
“ยืนยันการเข้าใช้!”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับกล่องมิติกระบี่ 1 กล่อง!]
ทันใดนั้นกล่องกระบี่ก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าของ หลินจิ่วเฟิง
มันมีสีดำสนิทและมีลวดลายลึกลับที่สลักเอาไว้ทำให้มันดูเท่อย่างมาก
[กล่องมิติกระบี่ : สามารถกักเก็บกระบี่ได้จำนวนนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ ยังสามารถหล่อเลี้ยงกระบี่ที่อยู่ภายในได้อีกด้วย กระทั่งการปรับปรุงระดับและคุณภาพของพวกมัน!]
หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่กล่องมิติกระบี่
ดวงตาของเขาได้เป็นประกาย
มันมีคุณสมบัติที่ทรงพลังและสะดวกเกินไป
เพราะท้ายที่สุดเขาก็มีกระบี่ล้ภค่ามากมาย
กระบี่สังหารปีศาจและกระบี่กระดูก
โดยเฉพาะกระบี่กระดูก…
มันมีมากกว่า 365 เล่มและทั้งหมดได้ถูกเก็บไว้ในตันเถียนของเขา เขาค่อย ๆ หล่อเลี้ยงมันโดยใช้ฐานการบ่มเพาะพลังของตนเอง
แต่วิธีการหล่อเลี้ยงพวกมันย่อมไม่เร็วเท่ากับการหล่อเลี้ยงพวกมันในกล่องกระบี่ที่เหมาะสมอย่างแน่นอน
ไม่เพียงแต่มันสามารถซ่อมแซมความเสียหายจากตัวกระบี่ได้ ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพของกระบี่ได้อีกด้วย เมื่อเวลาผ่านไป พลังของกระบี่ที่ซ่อนอยู่ภายในก็จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
มันเหมือนกับกับการฆ่านกหลายตัวด้วยหินก้อนเดียว!
นี่เป็นสิ่งของที่ดี
หลินจิ่วเฟิง ได้เรียกกระบี่กระดูกกว่า 365 เล่มออกมาและใส่มันลงไปในกล่องมิติกระบี่พร้อมกับกระบี่สังหารปีศาจ
ภายที่ภายในกล่องมิติกระบี่นั้นกว้างใหญ่อย่างมากมันสามารถเก็บกระบี่ได้นับไม่ถ้วน
กระบี่อันล้ำค่าของ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้ใช้พื้นที่ภายในมากนัก
ตัวกล่องเองก็ยังมีสภาพเหมือนเดิมราวกับว่าไม่เคยใส่กระบี่จำนวนมากเก็บเข้าไป
น้ำหนักของมันก็เท่าเดิม มันสามารถสะพายไว้ที่หลังได้…
กระทั่งถือไว้ในมือหรือเก็บไว้ในตันเถียน
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ กล่องมิติกระบี่ เขาวางแผนที่จะเติมพื้นที่ทั้งหมดของกล่องมิติกระบี่ด้วยกระบี่ของเขาในอนาคต และ เมื่อเขาต้องการพวกมันเขาจะเรียกกระบี่หลายหมื่นเล่มออกมาโดยตรง แน่นอนว่ามันย่อมเป็นภาพตระการตาอย่างมาก
“รางวัลสำหรับการลงชื่อเข้าใช้ครั้งนี้ค่อนข้างดี ข้าหวังว่าจะได้รับกระบี่ล้ำค่ามากพอในการลงชื่อเข้าใช้ในอนาคต”หลินจิ่วเฟิง ได้เดินออกจากพระราชวังใต้ดินด้วยอารมณ์ที่ดี
จากนั้นเขาก็ยังคงไตร่ตรองอย่างเงียบ ๆ เกี่ยวกับ เต๋าที่ยิ่งใหญ่ของโลกในตำหนักเย็น
เขายังมีช่องว่างที่ให้ปรับปรุงอยู่อีกมาก
…
ในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา จักรพรรดิเต๋อที่ได้รับการศึกษาความรู้จากเจ้าหน้าที่ในราชสำนักมาโดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้เขาอายุ 18 ปีและแต่งงานแล้ว การแต่งงานครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดย จักรพรรดินีที่เป็นพระมารดา
ภรรยาของเขาเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนและสามารถจัดการระเบียบครอบครัวได้อย่างแน่นอน
ที่สำคัญที่สุดนางเป็นผู้หญิงที่จักรพรรดเต๋อชอบ
จักรพรรดินีพระมารดา รู้ดีถึงผลที่ตามมาของการบังคับให้จักรพรรดิแต่งงานกับสตรีที่ตนเองมิได้ชอบ
นางเคยสัมผัสเรื่องนี้มาก่อน
ถ้าไม่ใช่เพราะนางให้ความรักกับ หลินเทียนหยวน และ หลินจิ่วเฟิง ได้สอนบทเรียนให้แก่เขา นางอาจจะไม่ได้เป็นจักรพรรดินีพระมารดาแห่งราชวงศ์ในปัจจุบัน
ดังนั้นนางจึงให้สิทธิ์แก่จักรพรรดิเต๋อในการเลือกของเขาเอง
ทว่าทุกสิ่งอย่างก็ยังอยู่ภายในขอบเขตที่จักรพรรดินีพระมารดากำหนด
หลังจากการแต่งงานของพวกเขา จักรพรรดินีพระมารดา ก็ค่อย ๆ สละอำนาจของนางและปล่อยให้จักรพรรดิเต๋อเรียนรู้ต่อจากเจ้าหน้าที่ในราชสำนักเพื่อขึ้นเป็นจักรพรรดิที่เหมาะสม
แต่ทว่าจักรพรรดิเต๋อสนใจที่จะบ่มเพาะพลังและฝึกฝนให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าการเป็นจักรพรรดิที่ดี
ภายใต้จังหวะแห่งโชค จักรพรรดิเต๋อได้พบกับประมุขนิกายเส้นทางสวรรค์และได้กราบอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ เขาได้เรียนรู้วิธีการบ่มเพาะพลังอย่างจริงจัง
อีกทั้งนิกายเส้นทางสวรรค์ยังสั่งสอนจักรพรรดิเต๋อด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
ประมุขนิกายได้ให้คำแนะนำเขาเป็นการส่วนตัว
จักรพรรดิเต๋อได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดดและเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง
เขาเชื่อว่าตนเองเป็นอัจฉริยะของยุคนี้
เนื่องเพราะมีจักรพรรดิเต๋อเป็นศิษย์ นิกายเส้นทางสวรรค์จึงสามารถตั้งรากฐานที่มั่นคงในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาได้
แน่นอนว่า นอกเหนือจากการสั่งสอนจักรพรรดิเต๋อ ตำแหน่งที่เหลือของพวกเขาก็ล้วนเป็นเพียงแค่ตำแหน่งที่ว่างเปล่า
เจ้าหน้าที่ในราชสำนักอนุญาติให้พวกเขาเข้ามาในราชสำนักของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาได้
แต่พวกเขาไม่อนุญาติให้นิกายเส้นทางสวรรค์เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการราชกิจของรัฐ
จักรพรรดินีพระมารดาก็มีความคิดเช่นเดียวกัน
นางไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น
ดังนั้นนิกายเส้นทางสวรรค์จึงได้สร้างนิกายนอกเมืองหลวง
ที่นั่นพวกเขาได้เริ่มตั้งหลักตั้งแหล่ง
วันนี้จักรพรรดิเต๋อได้เดินทางเข้าสู่นิกายเส้นทางสวรรค์และเริ่มศึกษากับอาจารย์ของเขา ประมุขนิกายหลัวหยู เขาได้อยู่ที่นั่นและเรียนรู้วิธีที่จะทะลวงพลังขั้นปราชญ์การต่อสู้
จักรพรรดิเต๋อในวัย 18 ปีกำลังจะทะลวงผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขามีทรัพยากรบ่มเพาะพลังจำนวนมากที่สามารถเข้าถึงได้
นอกจากความสามารถในการรวบรวมทรัพยากรของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ก็ยังมีคำแนะนำจากประมุขนิกายหลัวหยู ไม่แปลกที่เขาจะสามารถฝึกฝนได้เร็วขนาดนี้
“ฝ่าบาท สิ่งที่พระองค์ต้องทำตอนนี้ก็คือการปรับแต่งร่างกายให้ไปถึงจุดสูงสุด ในขณะเดียวกัน ก็ต้องผนึกพลังที่สำคัญของพระองค์เอาไว้เพื่อไม่ให้มันรั่วไหลออกมา มีเพียงการทำตามเงื่อนไขเหล่านี้เท่านั้น พระองค์ถึงจะสามารถก้าวข้ามไปได้”
ประมุขนิกายหลัวหยู ได้ให้คำแนะนำของเขา
จักรพรรดิเต๋อเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามที่สืบเชื้อสายมาจากจักรพรรดิหมิงและจักรพรรดิหยวน
เขามีส่วนคล้ายกับ หลินจิ่วเฟิง เล็กน้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของ ประมุขนิกายหลัวหยู ใบหน้าของเขาไม่สามารถช่วยได้จนเปลี่ยนเป็นสีแดง
เขารีบตอบกลับ“ท่านอาจารย์ คราวหน้าข้าจะระวังให้มากกว่านี้”
เขาเพิ่งแต่งงานใหม่และภรรยาที่เขาแต่งก็มาจากคนที่เขาเลือกเอง ภรรยาของเขาเป็นคนที่เขาชื่นชอบ ทั้งคู่ได้ครองรักกันอย่างสุดซึ้ง มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการนัดพบกันบ่อย ๆ
แต่กิจกรรมเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นสาเหตุของการรั่วไหลของพลังสำคัญในร่างกายของเขา ทำให้เขาไม่สามารถรักษาสถานะสูงสุดของร่างกายเอาไว้ได้ และ ยิ่งเป็นเหตุผลให้เขาไม่สามารถก้าวข้ามอาณาจักรพลังขั้นต่อไป
ประมุขนิกายหลัวหยู มองเห็นถึงปัญหาของจักรพรรดิเต๋อ และ ชี้ทางสว่างให้เขา
เมื่อเห็นจักรพรรดิเต๋อรู้สึกเขินอาย เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“ฝ่าบาท…”
“มันเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์จะร่วมรักกันดังนั้นพระองค์ไม่จำเป็นจะต้องอาย…”
“แน่นอนว่า พระองค์ยังต้องผลิตทายาทสืบราชวงศ์ แต่ทว่าพระองค์ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ในอีกสามเดือนต่อจากนี้ มีเพียงทางนี้เท่านั้น ที่พระองค์จะสามารถทะลวงผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้ได้”
จักรพรรดิเต๋อได้ตอบกลับอย่างจริงจัง“ข้าเข้าใจแล้ว…”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำท่านอาจารย์”
“ฝ่าบาท โปรดทอดพระเนตรนิกายที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ของเรา พระองค์สามารถเดินเล่นรอบ ๆ ได้ เพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและบรรเทาความกังวลในใจ”ประมุขนิกายหลัวหยู ได้ยิ้มและตอบกลับ
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นท่านอาจารย์ข้าขอตัว”จักรพรรดิเต๋อได้พยักหน้าและเดินจากไป
ประมุขนิกายหลัวหยูมองไปที่จักรพรรดิเต๋อที่จากไปด้วยใบหน้าที่สงบ
“เจ้าได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิน้อยนี้แล้ว”
นักพรตเต๋าเฒ่าได้เดินออกมาจากด้านหลังของประมุขนิกายหลัวหยู
ใบหน้าของนักพรตเต๋ามีความพึงพอใจอย่างมาก
“ตราบใดที่เจ้าปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ พวกเขาย่อมสัมผัสมันได้อย่างแน่นอน…”
“จักรพรรดิน้อย คนี้นี้มีความคิดเป็นของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะล้างสมองเขา แต่เขายังคงให้ค่ากับความสัมพันธ์ของพวกเราดังนั้นเราจะต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างดี มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะสามารถควบคุมราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาได้”ประมุขนิกายหลัวหยู ได้ตอบกลับเบา ๆ
“นี่อาจจะไม่ใช่แผนที่ไม่ดี แต่ข้าได้ยินมาว่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก รัฐมนตรี หรือแม้แต่จักรพรรดินีพระมารดา ก็ไม่ชื่นชอบนิกายเส้นทางสวรรค์ของเรา พวกเขาพยายามกีดกันพวกเราออกจากงานราชกิจของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา”นักพรตเต๋าได้ตอบกลับ
“ก็แค่พวกปราชญ์สิ้นคิด กลุ่มคนชรา และ สตรีนางหนึ่ง…”
“มีอะไรให้ต้องใส่ใจ?”ประมุขนิกายหลัวหยูได้ตอบกลับอย่างดูถูก
“ข้าเพียงแค่ต้องทำให้จักรพรรดิเต๋อเต้นอยู่บนฝ่ามือของ้ขา ข้าจะใช้ความสัมพันธ์ของข้ากับเขาให้เขารวบรวมสมบัติล้ำค่าในโลกหล้ามาให้ จากนั้นข้าจะค่อย ๆ เปิดเผยพลังที่แท้จริงของนิกายเส้นทางสวรรค์ออกมา…”
“เมื่อถึงเวลานั้นราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาก็ทำได้เพียงแค่ยอมให้เราเป็นหมากที่ใช้สอยได้ง่าย หากเราไม่พอใจกับผลงานของพวกเขาภายใต้เรา เราก็สามารถมองหาราชวงศ์อื่นได้”
ประมุขนิกายหลัวหยูได้อธิบายอย่างเย็นชา
นิกายเส้นทางสวรรค์ของเขาไม่เต็มใจที่จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
สิ่งที่เขาต้องการก็คือเปลี่ยนราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาทั้งหมดให้กลายเป็นผู้ติดตามจำนวนมากของนิกายเส้นทางสวรรค์แทน ให้ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา
หากทำเช่นนี้ได้สำเร็จ ในยุคสมัยใหม่นี้นิกายเส้นทางสวรรค์จะต้องเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน
“ข้ารู้สึกโล่งใจที่เจ้าคิดแบบนี้ แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะพัฒนาความรู้สึกที่มีต่อจักรพรรดิน้อยคนนี้”นักพรตเต๋าเฒ่าพึงพอใจกับคำตอบที่ว่านั่น
“ข้าเป็นคนจากยุคเมื่อหลายพันปีก่อน ข้าจะใจอ่อนเพราะเด็กอายุ 18 คนนึงได้อย่างไร”ประมุขนิกายหลัวหยู ได้กล่าวอย่างดูถูก
เมื่อเขาอยู่กับจักรพรรดิเต๋อ เขาได้สอนสั่งอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ
แต่ความจริงใจเหล่านั้นก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเขา
หากไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ เลย เขาก็จะเลิกสนใจจักรพรรดิเต๋อในทันที
“รออีกสักสองสามปี…”
“พวกเราเพิ่งเริ่มสร้างรากฐานได้ไม่นาน ตอนนี้พวกเราต้องค่อย ๆ รวบรวมความแข็งแกร่งของเราและรื้อฟื้นพลังของนิกายเส้นทางสวรรค์ให้กลับมา…”
“สำหรับตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงทำงานภายใต้ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาไปก่อน”ประมุขนิกายหลัวหยูได้ตอบกลับ