66 - ตำราทองคำหน้าเดียว
66 - ตำราทองคำหน้าเดียว
ในระยะไกลเย่ฟ่านตกใจมาก หลุมศพของจักรพรรดิปีศาจนี้มีพลังอะไร? การโจมตีของมันน่ากลัวเกินไปแม้ว่าเขาจะอยู่ไกลๆและใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มหัวใจไว้ก็ยังรู้สึกทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
วิหารโบราณที่งดงามสั่นสะเทือน ผู้คนข้างในต่อสู้อย่างดุเดือด ปีศาจตัวใหญ่หลายตัวดุร้ายคุ้มคลั่ง เจ้าสำนักหลิงซู่ตงเทียนและผู้อาวุโสไท่ซ่างก็ต่อสู้จนดวงตาแดงฉานเช่นกัน
"บูม"
แสงสีฟ้าครามส่องประกาย ร่างของผังป๋อยืนอยู่ที่หน้าประตูวิหารโบราณ ใบหน้าของเขาเป็นสีฟ้าและบินเข้าสู่ประตูท่ามกลางซากศพมากมายที่นอนเรียงรายอยู่ตรงนั้นพร้อมกับโยนซากศพซากหนึ่งออกมา
หัวใจของเย่ฟ่านเต้นแรง เพราะเขาพบว่าผังป๋อได้หันหน้ากลับมามองเขาด้วยสายตาจริงจังก่อนจะพุ่งเข้าไปในวังโดยไม่หันกลับมาอีก
เย่ฟ่านเฝ้าสังเกตศพที่อยู่บนพื้นด้วยความระมัดระวังและพบสิ่งผิดปกติบนศพของอสูรผู้ยิ่งใหญ่ตัวที่ผังป๋อโยนออกมา มันมีแสงสีทองจางๆไหลออกมาจากบาดแผลของเขา หากไม่สังเกตดีๆจะไม่มีทางมองเห็นได้เลย
“เกิดอะไรขึ้น…”
เย่ฟ่านเอื้อมมือออกไปและสัมผัสบาดแผลของซากศพอสูรที่ตกอยู่แทบเท้าของเขา เขารู้สึกเหมือนได้สัมผัสอะไรบางอย่าง แล้วใช้สองนิ้วบีบมันออกมา
ทันใดนั้นแสงสว่างอันเจิดจ้าก็พุ่งเข้ามา และเย่ฟ่านแทบจะลืมตาไม่ขึ้น นี่คือกระดาษสีทองที่ส่องประกายระยิบระยับอย่างไม่สิ้นสุด งดงามและแพรวพราวจนน่าเหลือเชื่อ
กระดาษสีทองแผ่นนี้หนักกว่าโลหะ มันอัดแน่นไปด้วยตัวอักขระโบราณนับไม่ถ้วน และตัวอักษรพวกนั้นเล็กจนแทบจะไม่สามารถมองเห็นได้
อักขระโบราณแต่ละตัวเปรียบเสมือนดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ
หัวใจของเย่ฟ่าน "เต้น" เร็วขึ้น และรู้สึกคอแห้งเล็กน้อย ดวงตาของเขาหรี่ลงในขณะที่สัมผัสกับกระดาษสีทองนั้น
เย่ฟ่านท่วมท้นด้วยความตื่นเต้น ทันใดนั้นเขาก็นึกถึง "เต๋าจิง" ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าสำนักหลิงซู่ตงเทียนและปีศาจตัวใหญ่หลายตัวต่อสู้เพื่อแย่งชิงมัน
กระดาษสีทองแผ่นนี้ดูลึกลับมาก ราวกับว่าทำจากแก่นของดวงอาทิตย์ มันสว่างสดใสจนคนธรรมดาไม่สามารถมองดูได้ ในขณะเดียวกันน้ำหนักของมันก็มากมายมหาศาล
“กระดาษเพียงหน้าเดียวแต่มีตัวอักขระโบราณหลายพันตัว…”เย่ฟ่านหรี่ตาและมองดูกระดาษสีทองสดใสในมืออย่างระมัดระวัง
แต่ด้วยสายตาที่เฉียบคมของเขาเขายังเห็นแต่โครงร่างที่พร่ามัว ที่แกะสลักด้วยลายมือเล็กละเอียด ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเต็มไปด้วยตัวอักษรอัดแน่น
แต่ละคำเปรียบเสมือนดวงดาวไม่สิ้นสุดที่กำลังผลิบานอยู่บนท้องฟ้าอย่างแพรวพราวผิดปกติ
หัวใจของเย่ฟ่านนั้นยากที่จะสงบลง หากเดาไม่ผิดของชิ้นนี้จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของตำรา "เต๋าจิง" ที่เขาปรารถนามากที่สุดอย่างแน่นอน
เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับมันแบบนี้ เขามีความรู้สึกที่ไม่จริง เขาบีบกระดาษสีทองสดใสในมือเป็นเวลานานก่อนจะสงบลง
ในเวลานี้เขานึกถึงผังป๋อที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เมื่อเขาบินข้ามร่างเหล่านี้ไป แววตาที่เขาหันกลับมามองมีความหมายลึกซึ้งอย่างแน่นอน
“เขาตั้งใจเรียกข้าตามเข้าไปข้างในหรือเปล่า”
เย่ฟ่านคิดถึงความเป็นไปได้นี้ในทันที อย่างไรก็ตามตัวตนที่ไม่รู้จักซึ่งครอบครองร่างของผังป๋อไม่ควรใจดีเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าตำราสีทองที่เขามอบให้นั้นเป็นเพียงเหยื่อล่อให้เย่ฟ่านตามเข้าไป
“หรือว่าแท้ที่จริงแล้วเขาคือผังป๋อ!”เย่ฟ่านคิดอย่างรวดเร็วถึงความเป็นไปได้นี้
ผังป๋อพยายามแย่งชิงสิทธิ์ในการควบคุมร่างกายของตัวเอง บางทีเขาอาจครอบครองร่างกายชั่วคราวในขณะนั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดอีกครั้งเย่ฟ่านก็รู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้มีน้อยมาก และผังป๋อคงไม่มีทางเอาชนะสิ่งที่พยายามยึดครองร่างกายของเขาอยู่ได้อย่างแน่นอน
“หรือว่าบางทีพวกเขาอาจประนีประนอมกัน...”เย่ฟ่านคิดอยู่ครู่หนึ่ง โดยคิดว่าการมีอยู่ที่ไม่รู้จักและผังป๋ออาจประนีประนอมกันชั่วคราวและบรรลุข้อตกลงในการส่งมอบ "เต๋าจิง" ออกมาโดยไม่มีใครรู้
เย่ฟ่านคิดอย่างรอบคอบและรู้สึกว่าการที่ผังป๋อสามารถส่งมอบ "เต๋าจิง" ออกมาได้เขาคงไม่ได้รับอุบัติเหตุชั่วคราว
เมื่อนึกถึงข้อความปีศาจที่ปรากฏบนใบหน้าของผังป๋อเย่ฟ่านก็จมอยู่ในความเป็นห่วงอีกครั้ง
ตัวตนที่ไม่รู้จักน่าจะเป็นเผ่าอสูร แต่เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากปีศาจตัวใหญ่เหล่านั้น เขาไม่สนใจ "เต๋าจิง" ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เลย
เย่ฟ่านลงมือค้นหาศพอื่นๆอีกครั้งอย่างระมัดระวังและไม่พบอะไรเลย กระดาษสีทองมีเพียงหน้าเดียว อันที่จริงหนังสือทองคำเล่มนี้มีค่ามากกว่าสมบัติใดๆแล้ว
เย่ฟ่านต้องการที่จะเห็นตัวอักษรพวกนี้ให้ชัดเจนเขาจึงพยายามสื่อสารถึงทะเลแห่งความทุกข์ของตัวเองเพื่อใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ในการอ่านมัน
ในตอนต้นของหน้านี้ มีอักษรโบราณขนาดใหญ่สามตัวที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่นดวงจันทร์สามดวงที่ตั้งอยู่ตรงนั้น มันส่องแสงสว่างไสวสวยงามและเปล่งปลั่ง
เมื่อมองลงมาจะเห็นว่าลายมือที่ถูกเขียนบนกระดาษแผ่นนี้เล็กมากแทบมองไม่เห็นตัวอักษร แต่มันให้ความรู้สึกงดงามและทรงพลังทั้งยังต้องการมองให้ลึกซึ้งกว่านี้
ในเวลาเพียงครู่เดียวดวงตาของเย่ฟ่านกลายเป็นสีแดงก่ำและหลั่งน้ำตาออกมามากมายโดยไม่ตั้งใจ เขารีบมองออกไปด้านนอกเพื่อผ่อนคลายสายตา
"นี่ต้องเป็นตำรา " เต๋าจิง " อย่างแน่นอน..."
เย่ฟ่านไม่ยอมแพ้หลังจากพักผ่อนสักครู่เขาก็ตั้งสมาธิเพื่อสื่อสารกับทะเลแห่งความทุกข์อีกครั้ง และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอ่านตัวอักษรให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
"กงล้อทะเล!"
อักขระโบราณสี่ตัวสุดท้าย มีขนาดใหญ่มากและมองเห็นได้ง่ายอย่างชัดเจน ในทำนองเดียวกันยกเว้นอักขระโบราณทั้งสี่นี้ อักขระอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆกลับไม่สามารถแยกแยะได้เนื่องจากมันมีขนาดเล็กมากเกินไป
เย่ฟ่านรีบมองออกไปด้านนอกอีกครั้งและหัวใจของเขาก็เต้นแรง ตอนนี้เขาเกือบจะแน่ใจแล้วว่ากระดาษสีทองนี้ต้องเป็นส่วนหนึ่งของตำราเต๋าจิงอย่างแน่นอน!
สิ่งที่เรียกว่ากงล้อทะเลแม้ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่ามันหมายถึงกงล้อแห่งชีวิตและทะเลแห่งความทุกข์ ซึ่งเป็นที่ที่พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลออกมาและเป็นรากฐานของการฝึกฝนจิตวิญญาณ
ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าสำนักหลิงซู่ตงเทียนกล่าวว่านี่เป็นตำราส่วนที่สำคัญที่สุดของเต๋าจิง เพราะนี่เป็นปฐมบทที่แท้จริงของการเปิดแหล่งกำเนิดของพลังศักดิ์สิทธิ์
ผู้อาวุโสอู๋ชิงเฟิงเคยกล่าวไว้ว่าตราบใดที่พวกเขารักษากงล้อแห่งชีวิตและทะเลแห่งความทุกข์ไม่ให้พวกมันมีริ้วรอย ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาอาจมีโอกาสกลายเป็นเซียนที่แท้จริงได้
หลิงซู่ตงเทียนแม้ว่าจะเป็นสำนักที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาตงเทียนทั้งหมด แต่พวกเขาก็มีความเชี่ยวชาญมากที่สุดในการสร้างรากฐานเซียน
บางทีสาเหตุที่ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะในอดีตบรรพบุรุษของหลิงซู่ตงเทียนน่าจะเคยครอบครองตำราแผ่นนี้มาก่อน
เย่ฟ่านเก็บตำราทองคำแผ่นนี้อย่างระมัดระวัง เขารู้ว่าเรื่องนี้จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตายโดยไร้ที่กลบฝัง ต่อให้เขามอบมันให้เจ้าสำนักหลิงซู่ตงเทียนสุดท้ายเขาก็ต้องถูกฆ่าปิดปากอย่างแน่นอน
ในช่วงเวลานี้เย่ฟ่านกำลังคิดว่าเขาจะลี้ภัยไปยังตงเทียนที่อยู่ใกล้เคียงหรือไม่ ตำราเต๋าจิงดังกล่าวถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าและในขณะเดียวกันมันก็เหมือนกับระเบิดลูกใหญ่ที่เขาพกติดตัวไปด้วย
การได้รับตำราทองคำเพียงหน้าเดียวก็เพียงพอแล้ว เย่ฟ่านไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ความแข็งแกร่งของเขาห่างไกลจากทุกคนที่อยู่ที่นี่ สิ่งที่เขาทำได้คือต้องหนีไปให้เร็วที่สุด
เขารีบวิ่งลงจากภูเขาโดยใช้วิธีการลึกลับที่บันทึกไว้ใน "เต๋าจิง" ด้ายสีทองเส้นเล็กๆที่อยู่ในทะเลแห่งความทุกข์ของเขากระจัดกระจายออกไปทั่วแขนขา
แต่ในขณะนี้เย่ฟ่านก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาด และกระดาษสีทองในอ้อมอกของเขาดูเหมือนจะสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ในตอนแรกเย่ฟ่านไม่ได้สนใจมากนัก จนกระทั่งในที่สุดเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือก และกระดาษสีทองก็ดูเหมือนจะประสานเข้ากับผิวหนังของเขาโดยตรง
“เกิดอะไรขึ้น…”
เย่ฟ่านรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ตำราเล่มนี้มีความสำคัญกับเขามากเกินไป หากมันสูญหายไปเช่นนี้มันจะเป็นความสูญเสียสำหรับเขาอย่างถึงที่สุด
"มันเป็นไปได้ยังไงกัน?"
เย่ฟ่านแทบไม่อยากเชื่อข้อเท็จจริงต่อหน้าเขา แม้ว่าเจ้าสำนักหลิงซู่ตงเทียนจะเป็นคนขโมยมันด้วยตนเองก็ไม่มีทางที่มันจะหายไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว?
ในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกว่าพลังชีวิตในร่างกายของเขากำลังเดือดพล่าน วิธีการลึกลับที่บันทึกไว้ในเต๋าจิงเริ่มเคลื่อนไหวด้วยตัวเองโดยที่เขาไม่สามารถควบคุมมันได้
"อะไร!"
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจมากในตอนนี้ เขารู้สึกว่าทะเลแห่งความทุกข์ของเขานั้นดูไม่ปกติ เหมือนมีอะไรมากกว่านั้น เขารีบมองเข้าไปข้างใน ภาพที่เห็นทำให้เขาตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ในทะเลแห่งความทุกข์ของเขาตอนนี้มีกระดาษสีทองแผ่นหนึ่งล่องลอยอยู่ในนั้น!