439 - ยุคใหม่
439 - ยุคใหม่
ครึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงและเฉียนซู สนทนากันอย่างเฉยเมย
เมื่อหมดเวลาเอี้ยนลี่เฉียงและเฉียนซูก็กลับไปที่ห้องอาหารของแผนกช่างอาวุธอีกครั้ง
“ทุกคนคิดดีแล้วใช่หรือไม่”
เอี้ยนลี่เฉียงยืนบนขั้นบันไดหินและตรวจดูฝูงชน
"ใช่!" หลายร้อยคนตอบในขณะที่บางคนเพียงพยักหน้าในความเงียบ
"ยอดเยี่ยม. บรรดาผู้ที่ตัดสินใจออกจากโรงตีอาวุธ เจ้าไปได้แล้ว!” เอี้ยนลี่เฉียงชี้ไปทางซ้ายของเขาที่ด้านล่างของขั้นบันไดที่เขายืนอยู่
“ที่นั่นจะมีคนจ่ายเงินให้พวกเจ้า พวกเจ้าเดินไปทำเอกสารและสามารถเก็บของจากไปได้ในทันที!”
ไม่กี่ลมหายใจหลังจากที่เอี้ยนลี่เฉียงพูดแบบนั้น ก็มีคนเริ่มเดินไปยังจุดที่เขาชี้
หนึ่ง สอง สาม สี่… สิบเอ็ด สิบสอง…
มีเพียงสิบสองคนเท่านั้นที่ประสงค์จะจากไป บางคนออกมาข้างหน้าด้วยการแสดงออกอย่างสงบ ในขณะที่บางคนงุนงง ในท้ายที่สุด ทุกคนก็ไปที่ด้านหน้าภายใต้สายตาของคนที่เหลือ
ชายทั้งสิบสองคนที่ออกมาดูค่อนข้างเขินอายเมื่อพวกเขาเดินออกมาข้างหน้า
“ปรมาจารย์… ข้าแก่แล้วและข้าได้ทำงานที่โรงผลิตอาวุธมาสองสามทศวรรษแล้ว ในขณะที่ข้ายังเดินได้ ข้าต้องการกลับไปที่บ้านเกิดของข้าที่แคว้นเฉินและปักหลักอยู่ที่นั่นพร้อมกับเปิดร้านเล็กๆ
ต้องขอบคุณท่านที่ดูแลข้ามาตลอดหลายปี แม้กระทั่งช่วยเหลือข้าออกมาจากเรือนจำ เรื่องนี้ข้าจะจดจำไว้ชั่วชีวิต!” ช่างทำอาวุธชราที่มีผมหงอกคำนับเฉียนซูพร้อมกับร้องไห้
เฉียนซูรีบดึงช่างทำอาวุธชราขึ้นมา
“ลุกขึ้น ผู้เฒ่าเฉิน! ไม่จำเป็นต้องมีพิธีการเหล่านี้ทั้งหมด! มันเป็นเพียงธรรมชาติของมนุษย์ที่จะโหยหาบ้านเกิดของตัวเองในวัยชรา!
แม่ทัพใหญ่ไม่ได้ตำหนิผู้ใดที่จะจัดไป เขายังจัดเตรียมเงินให้พวกเจ้าสำหรับเปิดร้านในอนาคต เรื่องนี้ไม่ถือเป็นการทรยศหักหลัง พวกเจ้าสามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด!”
“ขอบคุณในความเมตตาของท่านแม่ทัพใหญ่!”
ช่างทำอาวุธชราพูดผ่านริมฝีปากที่สั่นเทาของเขาและกำลังจะคุกเข่าต่อหน้าเอี้ยนลี่เฉียง แต่เอี้ยนลี่เฉียงก็รีบเข้ามาประคองชายชราไม่ให้คุกเข่าลง
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุ 20 ปี เกาศีรษะและพูดอย่างเขินอาย
“ครั้งสุดท้ายที่แม่มาหาข้า… ส-นาง… บอกข้าว่าต้องการให้ข้ากลับบ้านเพื่อแต่งงานและมีบุตร…”
ทหารอีกคนหนึ่งเดินออกมาพูดว่า “พ่อแม่ของข้าแก่แล้ว และพี่ชายของข้าขาหักเมื่อปีที่แล้ว ถ้าข้าไม่กลับไป จะไม่มีใครสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้…”
…
ทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง ไม่ว่าพวกเขาจะพูดความจริงหรือไม่แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องการที่จะออกจากแผนกช่างอาวุธ
เฉียนซูเหลือบมองไปที่ผู้คนที่ก้าวไปข้างหน้าแล้วหายใจเข้าลึก ๆ
“เนื่องจากแม่ทัพใหญ่ได้พูดและพวกเจ้าทุกคนต่างก็มีปัญหาในตัวเอง เราจะจากกันด้วยเงื่อนไขที่ดี และไม่คิดจะสร้างความลำบากให้แก่ใคร
หากพวกเจ้าพบเจอปัญหาในอนาคตให้พวกเจ้ากลับมาหาข้าที่แผนกช่างอาวุธหากข้าพอจะช่วยได้ก็จะช่วยอย่างเต็มที่ เมื่อพวกเจ้าไปแล้วก็อย่าทำขายหน้าแผนกช่างอาวุธของเรา!”
“ขอบคุณปรมาจารย์ช่างทำอาวุธ! ขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่!” ทุกคนโค้งคำนับเฉียนซูและเอี้ยนลี่เฉียง
เฉียนซูเรียกหัวหน้าพ่อบ้านของเขาและสั่งว่า
“ช่วยพวกเขาจัดข้าวของและดำเนินการกับเอกสาร มอบเงินสิบตำลึงให้พวกเขาและลงบัญชีส่วนตัวของข้า อย่าสร้างความลำบากใจให้กับพวกเขา ให้พวกเราจากกันด้วยดี”
"ขอรับ!"
หัวหน้าพ่อบ้านคำนับเฉียนซู จากนั้นเรียกทหารอีกสองสามคนเพื่อพาคนทั้งสิบสองคนออกจากห้องอาหาร
“เราจะรอสักครู่จนกว่าพ่อบ้านจูและคนอื่นๆจะกลับมา พวกเขาต้องได้ยินที่เหลือด้วย!” เอี้ยนลี่เฉียงบอกเฉียนซู
เฉียนซูพยักหน้า
“เอาล่ะ ทำตามสิ่งที่เจ้าคิด!”
…
เนื่องจากคนที่จากไปอาศัยอยู่ในค่ายทหารและไม่มีของใช้ส่วนตัวมากนัก นอกจากเสื้อผ้าและของมีค่าบางอย่าง พวกเขาจึงสามารถเก็บทุกอย่างไว้ในกระเป๋าเดินทางธรรมดาๆ
ผ่านไปประมาณสิบนาที หัวหน้าพ่อบ้านก็กลับมาพร้อมกับทหารสองสามนายเพื่อรายงานว่าชายทั้งสิบสองคนทำเอกสารเสร็จแล้วและออกจากย่านโรงตีเหล็กไปแล้วเช่นกัน
ตอนนั้นเองที่เอี้ยนลี่เฉียงที่รออยู่ก็ยิ้มออกมาและเริ่มพูดในขณะที่เขามองไปยังผู้คนที่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะอยู่ต่อ
“ก่อนอื่น ข้าขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ตัดสินใจอยู่เบื้องหลัง พวกเจ้าทุกคนได้เลือกตัวเลือกที่สำคัญที่สุดและโชคดีที่สุดในชีวิตของเจ้า
ข้าสังเกตว่าพวกเจ้าบางคนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้ยินว่าผู้ที่จากไปจะได้รับเงินสิบเหรียญ โดยคิดว่ามันเป็นเงินจำนวนมาก
ให้ข้าบอกเจ้าว่าต่อจากนี้ไป ค่าจ้างรายปีของเจ้าในย่านช่างทำอาวุธจะมากกว่ายี่สิบตำลึงเป็นอย่างต่ำ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นทหาร ช่างอาวุธ หรือแม้แต่ผู้หญิงทำอาหารก็จะได้รับค่าแรงขั้นต่ำนี้อย่างแน่นอน!
พวกเราทุกคนที่อยู่ในแผนกช่างทำอาวุธของมณฑลหวงหลงจะกลายเป็นบุคคลที่น่าอิจฉาไม่เพียงแต่แผนกช่างทำอาวุธในแคว้นกาน แต่ยังรวมถึงอาณาจักรฮั่นด้วย
นั่นเป็นเพราะพวกเจ้าจะบอกลาความจนและกลายเป็นช่างทำอาวุธที่ร่ำรวยมากที่สุดในอาณาจักร ในเวลาน้อยกว่าสามปีพวกเจ้าทุกคนจะสามารถซื้อบ้านหลังใหญ่พร้อมมีบริวารรับใช้อย่างแน่นอน”
ทันทีที่เอี้ยนลี่เฉียงพูดจบ ทุกคนในห้องอาหารก็ส่งเสียงตะโกนดังลั่นด้วยความตื่นเต้น คนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นทั้งช่างทำอาวุธหรือทหารที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของเอี้ยนลี่เฉียง
“ท่านแม่ทัพใหญ่บอกเรามาว่าเราต้องทำอะไร! อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปทุกคนจะอยู่ภายใต้คำสั่งของท่านอยู่แล้ว! ใช่ไหมทุกคน…?!”
เฉียนซูชำเลืองมองอย่างมีความหมายไปที่หนึ่งในหัวหน้าช่างคนคนนั้นรีบส่งเสียงเห็นด้วยออกมาอย่างรุนแรงเป็นคนแรก หลังจากนั้นทุกคนในห้องก็ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นยินดี
"ถูกต้อง…!"
ผู้คนมากมายคำราม “จากนี้ไป เราจะติดตามท่านแม่ทัพใหญ่และเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน…!”
"พูดได้ดี! เราจะเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน!”
เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวต่อที่บันไดหิน
“มีใครเคยสงสัยบ้างไหมว่าความมั่งคั่งจะมาได้อย่างไร? ต้องทำอย่างไรพวกเราถึงจะมีเงินทองใช้จ่ายไม่รู้จบ เงินพวกนี้จะมาจากไหนตกมาจากท้องฟ้าหรือไม่?
คำตอบคือไม่ แหล่งที่มาของความมั่งคั่งมีสองแหล่ง การสร้างและการหมุนเวียน เราพึ่งพามือของเราเพื่อสร้างความมั่งคั่งด้วยแรงงานและปัญญา เราเปลี่ยนรูปลักษณ์ของสิ่งต่างๆบนหรือใต้พื้นดิน
เราเปลี่ยนแร่เหล็กให้เป็นเหล็ก เหล็กเป็นใบมีด เราเปลี่ยนท่อนซุงและหินเป็นวัสดุที่ใช้สร้างบ้านได้ และเราเปลี่ยนสิ่งของเหล่านั้นให้เป็นความมั่งคั่ง
นี่คือความมั่งคั่ง เราสร้างความมั่งคั่งได้โดยใช้แรงงานเท่านั้น หากไม่มีแรงงานแล้ว หินก็ยังคงเป็นหิน ท่อนซุงยังคงเป็นท่อนซุง และสิ่งที่ฝังอยู่ใต้ดินก็ยังคงอยู่ที่นั่น
ที่นี่คือที่ที่เหล่าช่างทำอาวุธที่มีความสามารถและมีทักษะมากที่สุดมารวมตัวกัน หากเราสร้างความมั่งคั่งได้มากที่สุด เหตุใดเราจึงต้องทนทุกข์ในความยากจน!”
เมื่อช่างทำอาวุธที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของเอี้ยนลี่เฉียง ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกาย ก่อนหน้านี้ช่างทำอาวุธหลายคนไม่เคยคิดหรือเข้าใจเรื่องนี้จนกระทั่งเอี้ยนลี่เฉียงพูดมันออกมา
แน่นอนว่าคำพูดของเอี้ยนลี่เฉียงนั้นสมเหตุสมผล ในชีวิตก่อนหน้านี้คนที่คิดทฤษฎีนี้คือคาร์ล มาร์กซ์
ขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงพูด เขาก็เป็นเหมือนนักบุญของเหล่าทหารที่ดิ้นรนอยู่ในย่านโรงตีเหล็ก
“แหล่งความมั่งคั่งล้วนมาจากแรงงาน เป็นแรงงานที่สร้างความมั่งคั่ง ทรัพย์สมบัติทั้งหมดใช้สอยและหมุนเวียนผ่านธุรกิจได้ ของใช้ต่างๆที่เราสร้างสรรค์ขึ้นจะถูกขายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่สามารถซื้อได้ และที่สำคัญที่สุดผลงานของเราเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนคนอื่น!”
ดวงตาของเอี้ยนลี่เฉียงเป็นประกายขณะที่เขามองไปรอบๆโรงอาหารอันเงียบสงบ
“เมื่อก่อน สินค้าที่เราผลิตที่นี่ทั้งหมดจะถูกส่งไปยังสำนักงานผู้ว่าการทหาร ดังนั้นเราจึงไม่สามารถทำธุรกิจจากพวกเขาได้
ตอนนี้เมื่อทุกคนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า เจ้าจงเชื่อฟังคำสั่งของข้า - สินค้าจากแผนกช่างอาวุธของเราจะไม่ถูกส่งมอบให้กับสำนักงานผู้ว่าการทหารอีกต่อไป
ข้าจะนำทุกคนที่อยู่ที่นี่สร้างธุรกิจของเราเอง เราจะผลิตและจำหน่าย สินค้าที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือของเราให้กลายเป็นเงินสดๆ เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีนี่จะเป็นจำนวนเงินที่พวกเจ้าไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อน!
“เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น พวกเจ้าหลายคนอาจกำลังคิดว่า 'ย่านช่างทำอาวุธนี้เป็นของเจ้าแล้ว ดังนั้นกำไรจะขึ้นอยู่กับเจ้าในการแบ่งปัน เราไม่สามารถทำอะไรได้ถ้าเจ้าไม่ให้เรา'
ง่ายมาก ข้าเป็นคนพูด ข้าไม่สัญญาปากเปล่าแน่นอนเมื่อข้าบอกว่าข้าต้องการให้ทุกคนร่ำรวยกับข้าเจ้าจะได้รับความมั่นใจแน่นอน
หลังจากนี้ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะได้รับหุ้นของแผนกช่างอาวุธเมื่อมันสร้างกำไรทุกคนก็จะได้รับการแบ่งปันอย่างเท่าเทียม…”
แม้แต่เฉียนซูก็ตกใจเมื่อได้ยินว่าเอี้ยนลี่เฉียง จะให้ทุกคนมีส่วนถือหุ้นในแผนกช่างอาวุธ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?