ตอนที่ 9 เผชิญหน้ากับคนรักเก่า
ฉีมู่อานเดินนำหน้าโดยมีเซียวจิ่งถิงเดินตามอยู่ข้างหลัง
ระหว่างทางนั้นหลายคนเห็นฉีมู่อานและเซียวจิ่งถิงเดินอยู่ด้วยกัน พวกเขาต่างก็ทำหน้าแปลกใจไปตามๆ กัน
“พี่จิ่งถิง พี่จะไปไหนกันเหรอ?” เสียงที่อ่อนโอนและนุ่มนวลดังขึ้น
เซียวจิ่งถิงมองตามเสียงและเห็นผู้ที่กำลังพูดด้วย ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเด็กผู้ชายหลายคนในโลกนี้ถูกเลี้ยงมาแบบเด็กผู้หญิง แต่เซียวจิ่งถิงก็ยังรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้
เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้พูด ความทรงจำของเซียวคนก่อนก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามา ตอนที่เซียวจิ่งถิงอยู่ในตระกูลเซียวนั้น นอกจากฉีมู่อานแล้ว เขายังมีภรรยาอีกหลายคน ตอนถูกส่งมาที่นี่ พวกนางต่างไม่คิดจะติดตามและมาลำบากด้วยกัน สุดท้ายก็เลยต้องแยกกันไปตามทางของตัวเอง
เซียวจิ่งถิงเป็นผู้ชายที่ลุ่มหลงในเรื่องตัณหา หลังจากมาอยู่หมู่บ้านถู่ชิวได้ไม่นานก็พยายามคบชู้กับสมาชิกของหมู่บ้าน คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจนัก เว้นก็แต่ชิวไป๋
เซียวจิ่งถิงรู้สึกพึงพอใจในตัวชิวไป๋ ส่วนชิวไป๋เองก็ใช้มารยาได้เก่งกาจมาก เซียวจิ่งถิงโดนปอกลอกและสูญเงินไปเยอะ แต่สุดท้ายชิวไป๋กลับเล่นตัวและไม่ยอมให้เห็นแม้แต่ขาอ่อนด้วยซ้ำ
“กำลังจะเข้าป่า” เซียวจิ่งถิงตอบเสียงแผ่ว
“เข้าป่าเหรอพี่จิ่งถิง? มันอันตรายมากเลยนะ จะไปที่นั่นทำไมกัน?” ชิวไป๋ทำหน้าตกใจ ขณะมองฉีมู่อานด้วยสายตาตำหนิ
"ข้าไม่มีเงินเหลือแล้ว ถ้าไม่เข้าป่าก็คงต้องอดตาย ดังนั้นขอลองเสี่ยงโชคในป่าดีกว่า” เซียวจิ่งถิงกล่าว
ฉีมู่อานมองไปที่เซียวจิ่งถิงด้วยความประหลาดใจ ปกติคนๆ นี้จะอ่อนไหวเรื่องชื่อเสียงของตัวเองมากที่สุด อีกทั้งยังชอบอวดเบ่งใส่คนอื่น แต่ครั้งนี้เขากลับยอมบอกตรงๆ ว่าไม่มีเงิน
ชิวไป๋ยิ้มอย่างไม่เต็มใจนัก “พี่จิ่งถิง หยุดล้อเล่นได้แล้ว พี่เพิ่งจำนำที่นาไปเองไม่ใช่เหรอ? นั่นเงินไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ”
“ใช้หมดแล้ว” เซียวจิ่งถิงรู้สึกไม่อยากพูดเรื่องผงแห่งความสุข ดังนั้นเขาจึงตอบบ่ายเบี่ยง
ชิวไป๋เอามือป้องปากและแสดงสีหน้าประหลาดใจ “พี่จิ่งถิง! ช่วงนี้โชคไม่เข้าข้างพี่เลยนะ แต่ยังไงพี่ก็เกิดมาโชคดี แค่พนันนิดหน่อยคงได้ทองกลับมาพันเหลียง”
“ไม่ล่ะ ข้าเลิกพนันแล้ว” เซียวจิ่งถิงพูดอย่างเฉยเมย
เซียวจิ่งถิงในชีวิตก่อนนั้นถือว่าเป็นวัยรุ่นตัวอย่าง เขาไม่เล่นการพนัน ไม่เสพยาเสพติดหรือสื่อลามกอนาจาร ทว่าเจ้าของร่างคนนี้กลับเล่นพนัน เล่นชู้และเสพยา... ทำไมเขาถึงต้องมาอยู่ในร่างของขยะสังคมแบบนี้ด้วยนะ?
"ไปกันเถอะ! ไปเร็วจะได้กลับบ้านเร็ว” เซียวจิ่งถิงเร่งเร้าฉีมู่อาน
ฉีมู่อานพยักหน้าให้ “เข้าใจแล้ว”
ฉีมู่อานคิดว่าถ้าชิวไป๋ปรากฏตัวขึ้น เซียวจิ่งถิงคงล้มเลิกความคิดที่จะล่าสัตว์ในป่า แต่คราวนี้จิตใจของอีกฝ่ายกลับดูแน่วแน่มาก ชิวไป๋มองทั้งคู่เดินจากไปด้วยสายตาเหยียดหยาม
“น้องเล็ก เป็นอย่างไรบ้าง?” ชิวหลี่ผู้พี่เดินเข้ามาหา
ชิวไป๋ส่ายหน้าและกล่าวแบบเซ็งๆ “เจ้านั่นหมดตัวแล้ว เป็นแกะดำของตระกูลจริงๆ เลย ไม่น่าแปลกใจที่ถูกขับไล่ออกมา ตอนมาถึงใหม่ๆ ยังมีเงินตั้งหลายร้อยเหรียญกับทุ่งนาอีกมากมาย สุดท้ายก็…” เดิมทีเขาต้องการใช้ประโยชน์จากเซียวจิ่งถิงที่ละนิด ไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะจบลงเร็วแบบนี้
“คนปัญญาอ่อนนั่นใช้เงินสิ้นเปลืองจริงๆ แต่เจ้าเองก็เหมือนกันนะ ตอนแรกข้าบอกให้ไปใกล้ชิดกว่านี้ แต่เจ้าก็ดื้อดึงไม่เลิก แล้วผลออกมาเป็นไง? สุดท้ายเราก็ไม่ได้อะไรสักอย่าง” ชิวหลี่แสดงความไม่พอใจ
ขอกำลังใจสักนิด ช่วยสนับสนุนกันหน่อย ที่ mynovel.co และ www.thai-novel.com ได้เลยครับ
ชิวไป๋ก้มหน้าและแอบคิดในใจว่าก่อนหน้านี้ได้แกล้งมีเรื่องทะเลาะกับเซียวจิ่งถิงเล็กน้อย ขั้นต่อมาก็คือทิ้งไว้แบบนั้นสัก 2-3 วัน ไม่นึกเลยว่าช่วงเวลาแค่นี้อีกฝ่ายจะใช้เงินจนหมด
“พี่ใหญ่ พี่คิดว่าเขากำลังโกหกหรือเปล่า? เงินขนาดนั้นจะใช้หมดภายในวันสองวันได้จริงเหรอ?” ชิวไป๋คิดว่าเซียวจิ่งถิงแค่ยังโกรธไม่หาย ก็เลยพูดออกมาแบบนั้น
“คงจะเป็นเรื่องจริง สหายบางคนของข้าบอกมาว่าเซียวจิ่งถิงไปเที่ยวซ่องและบ่อนในเมืองแถมยังเสพผงแห่งความสุขด้วย ของพวกนี้แพงๆ ทั้งนั้น เจ้านั่นคงหมดตัวจริงๆ แล้ว” ชิวหลี่กล่าว
ดวงตาของชิวไป๋สั่นไหวด้วยความรังเกียจ เมื่อเซียวจิ่งถิงมาถึงหมู่บ้านถู่ชิวเป็นครั้งแรก ชื่อเสียงของเขานั้นดีมาก หน้าตาก็ดี ร่างกายก็แข็งแรง เป็นเจ้าของที่ดิน 20 หมู่ แถมยังมีบ้านที่ค่อนข้างใหญ่โต ช่างน่าเสียดายนัก เพราะไม่นานผู้คนก็ค้นพบว่าเซียวจิ่งถิงเป็นคนขี้เกียจและเชื่อถือไม่ได้
เดิมทีชิวไป๋ต้องการแต่งกับเซียวจิ่งถิงและกลายมาเป็นเป็นภรรยาหลัก แต่หลังจากได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่าย เขาก็ปัดเป่าความคิดนี้ทิ้งทันที
เซียวจิ่งถิงเดินตามฉีมู่อานด้วยความท้อใจ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นแม้จะผ่อนคลายลงเล็กน้อยแต่ก็ยังเต็มไปด้วยความยากลำบาก พอชิวไป๋เข้ามาถามไถ่เมื่อกี้นี้ ใบหน้าของภรรยาก็ดูบึ้งตึงกว่าเก่า
“ป่าแห่งนี้อันตรายมาก เราควรจะอยู่แค่ตรงชายป่าก็พอแล้ว” ฉีมู่อานกล่าวเตือน
เซียวจิ่งถิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ข้ารู้แล้ว”