ตอนที่ 10 สู้เคียงบ่าเคียงไหล่
ไม่นานหลังจากที่เซียวจิ่งถิงเข้าป่ามา แมงมุมขนาดครึ่งตัวคนก็ตกลงมาใกล้ๆ ตัว
ฉีมู่อานรีบสร้างไฟและเผาแมงมุมให้เป็นเถ้าถ่านทันที
“แมงมุมตัวนี้มีพิษ ท่านพี่โปรดระวังด้วย ถ้าถูกมันกัดจะเป็นอัมพาตเอาได้” ฉีมู่อานกล่าวเตือน
เซียวจิ่งถิงพยักหน้าและพูดแบบกล้าๆ กลัว “อะ…อืม ข้ารู้แล้ว” ป่าแห่งนี้มีอันตรายอยู่ทุกหนแห่ง แม้จะมีสมบัติมากมายซ่อนอยู่ แต่น้อยคนนักที่จะกล้าเข้ามาสำรวจ
เซียวจิ่งถิงตามฉีมู่อานอยู่นานมาก แต่ก็ไม่เห็นอะไรน่าสนใจจนกระทั่งเจอกับ... “องุ่น”
“อะไรนะ?” ฉีมู่อานหันไปถามเพราะเมื่อกี้ได้ยินไม่ชัด
เซียวจิ่งถิงชี้ไปที่เถาองุ่นใกล้ๆ “ข้าอยากนำเถาองุ่นกลับไปปลูกที่ไร่”
มีองุ่นสองพวงห้อยอยู่บนเถาองุ่นตรงหน้าฉีมู่อานพอดี ฉีมู่อานอยากจะเอ่ยเตือนว่าองุ่นป่านี้มีรสเปรี้ยว ต่อให้ปลูกไปก็ไม่มีใครอยากกิน แต่พอเห็นท่าทางร่าเริงของสามีแล้ว เขาก็ไม่คิดจะเทน้ำเย็นใส่
*เทน้ำเย็น หมายถึง ทำให้หมดกำลังใจ
เซียวจิ่งถิงจำได้ว่าสถานะของผลไม้ในโลกนี้มีความพิเศษมาก ถ้าสามารถปลูกองุ่นอร่อยๆ ได้ เงินก็จะไหลเข้ามาหาเอง
เซียวจิ่งถิงนำเถาองุ่นใส่ตะกร้าและแอบย้ายบางส่วนเข้าไปในมิติลับของเขา
ฉีมู่อานไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นเพราะกำลังยืนเฝ้าอยู่ด้านข้าง...
“หนีเร็ว! หมูป่าเขี้ยวทะลวงมานั่นแล้ว!”
จู่ๆ หมูป่าตัวหนึ่งที่มีขนาดเกือบ 2 เมตรก็พุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มทั้งสอง เซียวจิ่งถิงมองอสูรร้ายที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ต้องแอบกลืนน้ำลาย นี่ยังถือว่าเป็นหมูป่าได้อีกเหรอ? ขนาดตัวตั้ง 2 เมตร เขี้ยวยาวโง้งส่องแสงแวววาววับราวกับโลหะ แล้วก็ยังมี… เกราะคล้ายกระดองเต่านั่นอีก?
ฉีมู่อานเริ่มใช้ไฟโจมตีใส่เจ้าอสูรยักษ์ แต่หมูป่าเขี้ยวทะลวงนั้นรวดเร็วมากและทำให้โจมตีทั้งหมดพลาดเป้า
หมูป่าเขี้ยวทะลวงกู่ร้องสองครั้งก่อนจะรีบพุ่งใส่ฉีมู่อาน
เซียวจิ่งถิงรีบเสกเถาวัลย์ใส่ยอดต้นไม้ คว้าเอวของฉีมู่อาน และรีบยกตัวขึ้นไปด้านบนทันที
สมองฉีมู่อานว่างเปล่าไปชั่วขณะเมื่อถูกเซียวจิ่งถิงกอดจากด้านข้าง...
‘ตู้ม! ตู้ม!’ หมูป่าเขี้ยวทะลวงชนต้นไม้อย่างบ้าคลั่ง และนั่นทำให้ฉีมู่อานได้สติอีกครั้ง
“หมูตัวนี้จำเจ้าได้ด้วยเหรอ?” เซียวจิ่งถิงคิดว่าสถานการณ์มันดูแปลกๆ
“ครั้งหนึ่งข้าเคยล่ากระต่ายซึ่ง… ดูเหมือนจะเป็นเหยื่อที่มันโปรดปรานมาก” ฉีมู่อานเล่าให้ฟัง หมูป่าเขี้ยวทะลวงนั้นยังมีพลังเทียบเท่าได้กับผู้ฝึกปราณระดับสามแถมกระดองของมันยังหนามากและสามารถต้านทานการโจมตีด้วยไฟได้ด้วย
“…” หมูป่ากินกระต่ายด้วยเหรอ? โลกนี้ช่างยากจะหยั่งถึงเหลือเกิน!
“มันปีนต้นไม้ได้ไหม?” เซียวจิ่งถิงถาม
“ไม่ได้” ฉีมู่อ่านส่ายหน้า
"ก็ยังดี" เซียวจิ่งถิงถอนหายใจโล่งอก
‘ตู้ม’ เซียวจิ่งถิงรู้สึกว่าต้นไม้ใหญ่กำลังสั่นไปมาอีกครั้ง
หากปล่อยไว้แบบนี้ ในไม่ช้าต้นไม้ก็คงหัก เซียวจิ่งถิงจึงควบคุมเถาวัลย์และโดดไปที่ไม้ต้นอื่นพร้อมกับฉีมู่อาน
“ถ้าสามารถฆ่าเจ้ายักษ์นี้ได้ อาหารมื้อหน้าคงจะอร่อยมาก” เซียวจิ่งถิงพูดด้วยสายตาเปล่งประกาย ความแข็งแกร่งของหมูป่านั้นไม่ถือว่าต่ำเลย ส่วนพลังวิญญาณที่อุดมอยู่ในเนื้อก็ไม่ใช่น้อยๆ การกินสัตว์อสูรแบบนี้จะช่วยเรื่องการฝึกยุทธ์ได้อย่างก้าวกระโดด
ทว่าฉีมู่อานกลับไม่คิดเช่นนั้น ตามปกติแล้วชายหนุ่มคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหมูป่าเขี้ยวทะลวง... แต่วันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่ตามลำพัง
“ควิ้ก ควี้กกกกกก…” หมูป่าคำรามใส่ไม่หยุด
“ข้าจะจับมันไว้ ส่วนเจ้าก็เล็งไปที่ตาของมันละกัน” เซียวจิ่งถิงกล่าว
ขอกำลังใจด้วยนะครับ มาอ่านกันที่ mynovel.co และ www.thai-novel.com
“ตกลง” ฉีมู่อานพยักหน้า
เซียวจิ่งถิงรวบรวมพลังวิญญาณและเสกเถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อส่งออกไปพันรอบขาของหมูป่าเขี้ยวทะลวง มันคำรามอย่างโกรธเคืองและอาละวาดจนเถาวัลย์แทบจะฉีกขาดออกจากกัน
เซียวจิ่งถิงต้องสร้างเถาวัลย์อย่างต่อเนื่องเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของมันเอาไว้ ฉีมู่อานใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์และโจมตีที่ตาของมันเรื่อยๆ หมูป่าโกรธจนหลุดเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง ฉีมู่อานไม่รอช้าและรีบโยนลูกไฟเข้าปากมันทันที
หมูป่าเขี้ยวทะลวงเริ่มอาละวาดหนัก จู่ๆ ร่างกายของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นอีก
“มันกำลังเข้าสู่อาการคลั่ง!” ฉีมู่อานตกใจมาก
หมูป่าเขี้ยวทะลวงโกรธจัดจนดวงตากลายเป็นสีเลือด ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าและดูกระหายเลือดสุดๆ เซียวจิ่งถิงต้องรวบรวมพลังวิญญาณมหาศาลเพื่อหยุดมันเอาไว้
ตู้ม!!! หมูป่าเขี้ยวทะลวงกระแทกใส่ต้นไม้ที่ทั้งสองยืนอยู่อีกครั้ง
ต้นไม้ในป่าอาจมีอยู่มากมาย แต่จะมีสักกี่ต้นกันที่สามารถทนต่อแรงกระแทกของมันได้ หมูป่ากรีดร้องเสียงดังเมื่อเห็นว่าเหยื่อทั้งสองย้ายต้นไม้หนีไปอีกครั้ง
เซียวจิ่งถิงคว้ากิ่งไม้เอาไว้ ก่อนจะทำให้มันยาวขึ้นและแทงลงไปที่หลังของอสูรร้ายอย่างไร้ความปราณี แม้แต่ฉีมู่อานเองก็เผลอตกใจจนหยุดมือไปด้วย
“เร่งมือเข้าสิ!” เซียวจิ่งถิงร้องบอก
ฉีมู่อานขว้างลูกไฟออกไปอีกครั้ง ทั้งสองคนทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดหมูป่าก็คำรามต่อไม่ออกและนิ่งค้างไป
ตุบ!
พอเห็นหมูป่าเขี้ยวทะลวงล้มลงกับพื้น ฉีมู่อานก็ถอนหายใจโล่งอก ครั้งนี้เขาแอบคิดว่าสามีจะเป็นตัวถ่วงซะอีก ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกช่วย เรื่องที่ลูกชายบอกไว้จึงแล่นกลับเข้ามาให้คิดอีกครั้ง
“มันกำลังหดเล็กลงนะ?” เซียวจิ่งถิงมองไปที่ศพหมูป่าด้วยความสงสัย
“พอตายแล้วอาการบ้าคลั่งก็ต้องหมดลงเป็นธรรมดา มันก็เลยตัวหดเหลือเท่าเดิมน่ะ” ฉีมู่อานกล่าว