ตอนที่ 5 สมุนไพรวิเศษของฉีมู่อาน
หลังจากส่งเด็กๆ ออกไปเล่นข้างนอกแล้ว ฉีมู่อานก็หยิบกล่องใส่สมุนไพรสีแดงเพลิงห้าใบออกมา – นี่คือสมุนไพรเล่ยหยาน
สมุนไพรชนิดนี้ไม่ใช่ของหายากและเป็นส่วนผสมทั่วไปในการทำแอโฟรดีน แม้จะมีคุณสมบัติเป็นพิษเล็กน้อย แต่มันไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ส่วนใหญ่ สำหรับฉีมู่อานนั้นเขาเคยพิสูจน์มากับตัวว่ามันมีประโยชน์อย่างน่าเหลือเชื่อ
*แอโฟรดิน เป็นยาสำหรับเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
เมื่อตอนที่ฉีมู่อานยังเป็นเด็กน้อย เพราะความหิวสุดขีด เขาเลยกินสมุนไพรเล่ยหยานเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ นั่นทำให้ร่างกายรู้สึกเหมือนถูกเปลวไฟแผดเผาไปทั่ว ฉีมู่อานพยายามที่จะควบคุมความทรมานนั่น เขาจึงใช้กำลังภายในเข้าช่วย หลังจากที่ความเจ็บปวดสงบลงแล้วฉีมู่อานก็ประหลาดใจมากเพราะรู้สึกได้ว่าพลังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ในโลกใบนี้ คนส่วนใหญ่พึ่งพาสมุนไพรวิเศษเพื่อพัฒนากำลังภายในของตัวเอง ปรมาจารย์พฤกษาวิญญาณหลายคนมีความเชี่ยวชาญในการเร่งการเจริญเติบโตของพืชวิญญาณซึ่งทำให้ผู้คนมีพลังมากขึ้น เมื่อเทียบกับจอมยุทธ์กลุ่มอัคคีแล้ว ปรมาจารย์พฤกษาวิญญาณจากกลุ่มพฤกษาจะได้รับประโยชน์จากกินสมุนไพรมากกว่า นี่เป็นผลให้พวกเขาฝึกฝนได้ก้าวหน้ามากกว่าปรมาจารย์พฤกษาวิญญาณจากกลุ่มอื่นๆ
ฉีมู่อานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะจ้องมองสมุนไพรในกล่อง บรรดาสมาชิกตระกูลเซียวต่างสันนิษฐานกันไปเองว่าสาเหตุที่ทำให้ฉีมู่อานไปถึงขั้นพลังวิญญาณระดับสามได้นั้นเป็นเพราะความช่วยเหลือจากเซียวจิ่งถิง มีเพียงฉีมู่อานเท่านั้นที่รู้ว่าสมุนไพรเล่ยหยานคือตัวช่วยสำคัญสำหรับการฝึกฝน
เขาค่อยๆ หลับตาลง อันที่จริงสมุนไพรเล่ยหยานเริ่มจะส่งผลน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว และเมื่อผลของมันหยุดลง การฝึกฝนของฉีมู่อานก็จะจบลงอย่างสมบูรณ์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ฉีมู่อานถือว่าโชคดีมาก เพราะเหล่าผู้ฝึกตนจากกลุ่มอัคคีส่วนใหญ่นั้น ปกติจะหยุดอยู่แค่พลังวิญญาณระดับสองไปชั่วชีวิต
ฉีมู่อานสูดหายใจเข้าลึกๆ และกลืนสมุนไพรทั้งหมดในครั้งเดียว ชั่วอึดใจถัดมา ความเจ็บปวดอันแสนคุ้นเคยก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง เพราะชินกับเรื่องนี้ดี ฉีมู่อานจึงปรับตัวได้เร็วและเริ่มตั้งสมาธิฝึกฝนโดยดึงเอาพลังออกมาจากสมุนไพร
สองชั่วโมงต่อมา ชายหนุ่มยังคงฝึกซ้อมจนถึงค่ำ การฝึกฝนในช่วงบ่ายช่วยให้กำลังภายในดีขึ้นเล็กน้อย ตามความเป็นจริงแล้ว นี่คือวิธีและขั้นตอนที่ยากเย็นแสนเข็ญและเจ็บปวดมาก หลายคนฝึกได้แค่ครึ่งทางก็ต้องยอมแพ้ไปตามๆ กัน
ฉีมู่อานลืมตาขึ้นและได้ยินเสียงจากห้องข้างๆ แบบนี้แสดงว่าเด็กสองคนคงกลับมากันแล้ว จู่ๆ ความคิดเรื่องเซียวจิ่งถิงก็ทำให้เขารู้สึกขมขื่นขึ้นมาทันที
เพราะฉีมู่อานต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะมาถึงขั้นพลังวิญญาณระดับสาม ในขณะที่เหล่าเด็กๆ จากตระกูลเซียวใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานและไม่เคยใส่ใจกับการฝึกมากนัก
ขอกำลังใจด้วยนะขอรับ มาอ่านกันที่ mynovel.co และ www.thai-novel.com
หากฉีมู่อานได้สลับร่างกับเซียวจิ่งถิง เขาคงจะมีความสุขไปกับการซึมซับสมุนไพรแสนมีค่าตั้งแต่อายุยังน้อยและสามารถแบมือขอพืชวิญญาณทั้งหมดที่ตัวเองต้องการได้ แบบนี้จะไม่ให้เก่งขึ้นได้อย่างไร…?
ชายหนุ่มส่ายหน้าพร้อมบอกกับตัวเองว่าควรหยุดคิดถึงเพ้อฝันแบบนี้ได้แล้ว
…
เซียวจิ่งถิงล้มตัวลงนอนด้วยความหดหู่
พอรู้ว่าตัวเองสามารถใช้กำลังภายในทำไร่ทำนาได้ เขาก็แทบอดใจรอไม่ไหว
แต่โชคไม่ดีเลยที่เขาไม่รู้ว่าที่นาของตัวเองอยู่ตรงไหน หาแล้วหาอีกก็หาไม่เจอ
เรื่องหนึ่งที่เขากับเซียวคนก่อนเหมือนกันมากก็คือชอบหลงทางนี่แหละ! เซียวจิ่งถิงรู้สึกผิดหวังเพราะในโลกนี้คงไม่มีแผนที่ไป่ตู้ให้เขาใช้หรอก
ชายหนุ่มหลับตาพลางนึกถึงตอนที่ออกไปข้างนอก รอบๆ เต็มไปด้วยสายตาดูหมิ่นเหยียดหยาม เมื่อเดินผ่านบ้านเรือน ชาวบ้านบางคนยังถึงกับพาลูกหลานกลับเข้าข้างในและปิดประตูเสียงดัง ในสายตาของคนอื่นนั้นเซียวจิ่งถิงคงเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากบุคคลไม่พึงประสงค์
ฉีมู่อานตื่นขึ้นก่อนที่แสงยามเช้าจะสาดส่องลงมา
เซียวจิ่งถิงรู้ว่าภรรยาหนุ่มของตนกำลังเตรียมตัวออกไปทำงานชั่วคราวที่ไหนสักแห่ง ความทรงจำจากเซียวคนก่อนแล่นเข้ามาย้ำเตือนว่าสามีสารเลวคนนี้ได้ผลาญแท่งเงินสามเหลียงที่ฉีมู่อานอุตส่าห์อดออมไว้จนหมดไม่มีเหลือ
ในเวลาต่อมา เซียวจิ่งถิงก็ได้ยินอีกเสียงจากห้องข้างๆ นี่น่าจะเป็นเซียวเสี่ยวตงที่เพิ่งตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้า
แม้ฉีมู่อานจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มอัคคี แต่เซียวเสี่ยวตงนั้นอยู่ในกลุ่มพฤกษา อย่างไรก็ตาม กำลังภายในของเด็กชายนั้นยังอ่อนแออยู่มากเนื่องจากอายุยังน้อย เซียวเสี่ยวตงเป็นคนปลูกผักสวนครัวไว้หน้าลานบ้านพร้อมกับเลือกเมล็ดพันธุ์ทั้งหมดด้วยตัวเอง
เพราะกลัวว่าพ่อจะมาขโมยผักจากสวน เด็กชายผู้ฉลาดเฉลียวจึงจงใจปลูกผักทุกชนิดที่เซียวจิ่งถิงชอบน้อยที่สุด
หลังจากที่ผักแปลงก่อนถูกเก็บไปหมดแล้ว เซียวเสี่ยวตงจึงตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ต้องปลูกผักชุดใหม่แทน
เซียวจิ่งถิงเปิดหน้าต่างและเห็นเซียวเสี่ยวตงที่กำลังหลับตาอยู่หน้าแปลงผัก เขารู้ว่าลูกชายคงกำลังพยายามร่ายมนตร์เพื่อเร่งการเติบโตของพืช เซียวจิ่งถิงยิ่งประหลาดใจเมื่อเห็นว่าขณะที่ลูกชายร่ายคำออกมาเรื่อยๆ นั้น แสงระยิบระยับก็เริ่มโปรยปรายลงมาที่แปลงผักราวกับเม็ดฝน
เซียวเสี่ยวตงยังคงท่องมนตร์ต่อไป แต่ดูแล้วมันยังห่างไกลจากคำว่า ‘ผลสำเร็จ’ อยู่มาก
เมื่อเห็นภาพนี้ ความคิดของเซียวจิ่งถิงก็ย้อนกลับไปในวันที่พ่อแม่พาเขาออกสำรวจพื้นที่เพาะปลูกแห่งหนึ่ง พอพ่อแม่ร่ายมนตร์ไปสองสามประโยค พืชผลก็แตกหน่อออกมาทันทีและเติบโตสูงขึ้นอีก 10 เซนติเมตร เห็นได้ชัดว่าเซียวเสี่ยวตงไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นเพราะเขายังเด็กมาก
เมื่อเห็นเด็กชายพยายามอย่างหนัก เซียวจิ่งถิงจึงอยากจะลองดูเหมือนกัน เขาเริ่มร่ายมนตร์บ้างและเล็งไปที่แปลงผักของเซียวเสี่ยวตง
ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็เห็นประกายสีเขียวดั่งสายฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าสู่แปลงผัก เมล็ดพันธุ์ทั้งหมดที่อยู่ในสวนของเซียวเสี่ยวตงเริ่มแตกหน่อทันที
เซียวจิ่งถิงรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่ร่างใหม่ของเขาค่อนข้างทรงพลัง อย่างน้อยๆ ก็ทรงพลังมากกว่าลูกชายตัวเอง
เซียวเสี่ยวตงตกตะลึงทันทีที่เห็นผักเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาก็เหลือบไปเห็นเสี่ยวจิ่งถิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง แต่ก่อนที่เซียวจิ่งถิงจะได้ยิ้มเยาะใส่ลูกชาย เด็กน้อยก็รีบวิ่งกลับห้องและล็อคประตูอีกครั้ง