ตอนที่ 4 ความสงสัย
การพูดคุยระหว่างภรรยาและลูกๆ ยังคงทิ่มแทงหัวใจของเซียวจิ่งถิงไปเรื่อยๆ
จู่ๆ ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนก็ผุดขึ้นตรงหน้าอก พอรู้ว่ามันคืออะไร เขาจึงรีบเอื้อมมือไปที่กระเป๋าหน้าอกและนำจี้หยกออกมา
จี้หยกสีฟ้าซีดทำให้หัวใจของเซียวจิ่งถิงเต็มไปด้วยความความหวังและความสุข ในชีวิตก่อน เซียวจิ่งถิงมีสมบัติตกทอดประจำตระกูลอยู่ชิ้นหนึ่ง หรือก็คือจี้หยกที่ถืออยู่ในมือตอนนี้นี่แหละ
ในโลกที่เซียวจิ่งถิงจากมานั้น งานวรรณกรรมที่เกี่ยวกับวันสิ้นโลกเป็นที่นิยมอย่างมากมาก เช่นเดียวกับทฤษฎีสิ่งที่เรียกว่าจักรวาลคู่ขนาน
เซียวจิ่งถิงเคยลองยืนยันความเกี่ยวข้องทางสายเลือดด้วยการนำมรดกชิ้นนี้มาทดสอบด้วยการหยดเลือดของตัวเองลงไป วินาทีที่เลือดสัมผัสกับจี้หยก ประตูสู่จักรวาลอื่นก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ตอนนั้นจี้หยกได้เปิดพื้นที่ว่างขนาดประมาณหนึ่งตารางเมตรซึ่งดูไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ในชีวิตนี้ มิติที่ว่านั่นมีทั้งพื้นที่มากมาย สระน้ำบาดาล รวมไปถึงเมล็ดพรรณพืชต่างๆ อีกด้วย
เซียวจิ่งถิง ทบทวนความทรงจำอีกครั้งและตระหนักว่าเสี่ยวคนก่อนไม่มีจี้หยก ซึ่งทำให้เขาเชื่อว่าจี้นี่คือตัวต้นเหตุของทุกอย่าง
ทันใดนั้นเซียวจิ่งถิงก็รู้สึกวิงเวียนอย่างหนัก ตามมาด้วยอาการคลื่นไส้และความอยากอาหารที่ไม่สามารถควบคุมได้ สุดท้ายยังมีเลือดกระอักออกมาอย่างรุนแรง เซียวจิ่งถิงตระหนักว่านี่คือผลจากการเสพติดผงแห่งความสุขซึ่งคล้ายกับอาการติดยาที่เรียนมาจากชีวิตที่แล้ว
เซียวจิ่งถิงตัวสั่นอย่างรุนแรงและได้แต่สาปแช่งเซียวคนก่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เสพของอะไรไม่เข้าเรื่อง
ในตอนนั้นเซียวจิ่งถิงเกิดสงสัยขึ้นมาว่านี่อาจเป็นการลงโทจากการที่เขาเข้ามาแย่งชิงร่างกายของคนอื่น แต่ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยานได้ก็ต้องเห็นสิ ว่าเขาทำตัวเป็นพลเมืองดีและเคารพกฎหมายเสมอมา ทำไมจู่ๆ ถึงต้องมาติดอยู่ในร่างของคนติดยาและตายอย่างทุกข์ทรมานจากความผิดพลาดแบบนี้ล่ะ?
แต่ถึงยังไงซะ เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ แม้จะลำบากและต้องเข้ามาอยู่ในร่างของคนขี้แพ้ แต่มันอาจจะไม่แย่อย่างที่เห็น เซียวจิ่งถิงพยายามปลอบใจตัวเอง
ตอนนี้สิ่งเดียวที่เซียวจิ่งถิงต้องทำก็คือกัดฟันอดทน และรอจนกว่าอาการเพ้อยาจะบรรเทาลง
เซียวจิ่งถิงเปิดประตูออกมาเจอกับฉีมู่อาน เซียวเสี่ยวตง และเซียวเสี่ยวฟ่านที่กำลังทานอาหารอยู่ตรงโต๊ะกลางห้อง ส่วนอาหารก็ไม่ได้มีอะไรมากเลยนอกจากชามซุปผักป่า การปรากฏตัวของเซียวจิ่งถิงทำให้เซียวเสี่ยวตงตื่นตัวทันที ราวกับเป็นเม่นตัวน้อยที่กำลังขู่นักล่า สายตาระแวดระวังนั่นทำให้เซียวจิ่งถิงยิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม
ฉีมู่อานหันตัวออกจากโต๊ะและดึงเด็กทั้งสองไว้ข้างหลังด้วยสีหน้าหงุดหงิด ในขณะที่เซียวเสี่ยวฟ่านนั้นแอบมองมาทางเซียวจิ่งถิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พอเห็นว่าการปรากฏตัวของตัวเองทำให้มื้ออาหารครื้นเครงกลับกลายเป็นสถานการณ์ตึงเครียด เซียวจิ่งถิงจึงเดินออกจากประตูโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ฉีมู่อานรู้สึกไม่สบายใจเลยที่เห็นเซียวจิ่งถิงเงียบแบบนี้
แม้คู่สามีภรรยาจะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ฉีมู่อานก็คอยตามข่าวว่าสามีตัวเองทำอะไรไปบ้างในแต่ละวัน เพราะยังไงซะ หัวหน้าครอบครัวก็คือหัวหน้าครอบครัวอยู่ดี แม้จะรู้เรื่องความเหลวแหลกและการเสพติดผงแห่งความสุขของเซียวจิ่งถิง แต่ฉีมู่อานก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากมานั่งกลุ้มใจทั้งวัน
ฉีมู่อานล่วงรู้บางอย่างมาจากชาวบ้านที่ลูกชายทำงานในโรงรับจำนำว่าเซียวจิ่งถิงนำที่ดินระดับสูงห้าหมู่ ระดับกลางหกหมู่ และระดับต่ำสี่หมู่ไปจำนำหมดแล้ว เหลืออยู่ก็แค่ที่ดินราคาต่ำเพียงห้าหมู่เท่านั้น
พอทราบเรื่องนี้ ฉีมู่อานก็โกรธมากจนแทบอยากตบหน้าอีกฝ่าย เพราะพื้นที่การเกษตรคือตัวช่วยสุดท้ายในการหาเงิน แม้จะไม่ได้เพาะปลูกอะไรเลย แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถนำที่นาไปให้คนอื่นเช่าได้
เป็นอีกครั้งที่ฉีมู่อานรู้สึกท้อแท้กับโชคชะตาและเสียดายที่ตนไม่ได้อยู่ในกลุ่มพฤกษาที่เก่งกาจเรื่องการดูแลพืชพรรณ คนอย่างเขาคงได้แต่ใช้ชีวิตด้วยการทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายไปวันๆ
“เขาไปแล้วนะป่ะป๊า ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะไปเงียบๆ” เซียวเสี่ยวตงพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เวลาเซียวจิ่งถิงทำตัวผิดปกตินั้นถือเป็นลางที่ไม่ดีเลย
ฉีมู่อานกัดปากพลางคิดเรื่องที่เซียวจิ่งถิงถูกขับไล่ออกมาที่ชนบท นั่นแสดงว่าเขาถูกตระกูลทอดทิ้งไปแล้ว แต่เจ้าเด็กเอาแต่ใจนี่ก็ไม่เคยยอมรับความจริงและยังกล้าใช้ชีวิตเหมือนเดิมโดยหวังว่าตระกูลจะเห็นใจเข้าสักวันและมารับตัวกลับไป
อยากให้เรื่องนี้อยู่ต่อ สนับสนุนได้ที่ mynovel.co และ www.thai-novel.com
“ช่วงนี้เขาติดยา เป็นไปได้ไหมว่าจะออกไปข้างนอกเพื่อซื้อผงแห่งความสุขเพิ่ม? พ่อของหวังเสี่ยวเล่อเองก็ติดยา สุดท้ายเขาก็ขายเสี่ยวเล่อให้กับคนอื่น...” เซียวเสี่ยวตงรู้สึกกังวลใจมาก พ่อของหวังเสี่ยวเล่อที่พูดถึงนั้นเคยเป็นลูกจ้างที่คอยช่วยงานในตระกูลเซียว ย้อนกลับไปตอนที่พวกเขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ เซียวเสี่ยวตงและหวังเสี่ยวเล่อนั้นเคยเป็นเพื่อนรักกัน
พฤติกรรมอันแปลกประหลาดของพ่อทำให้เด็กน้อยรู้สึกสงสัยมากขึ้นทุกที เซียวเสี่ยวตงกลัวว่าผู้เป็นพ่ออาจจะวางแผนที่จะขายเซียวเสี่ยวฟ่านก่อนเป็นอันดับแรก
ฉีมู่อานสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่สีหน้าดูสิ้นหวังมากกว่าเดิม ที่จริงแล้วเขาเองก็มีความคิดไม่ต่างจากบุตรคนโตเท่าไหร่
เขาเคยคิดที่จะออกจากที่นี่พร้อมลูกทั้งสองโดยไม่ให้เซียวจิ่งถิงรู้ แต่สามียังมีสัญญาผูกมัดนั่นอยู่ในครอบครอง ต่อให้ฉีมู่อานหลบหนีออกไปได้ เขาก็คงเลี้ยงดูลูกๆ ทั้งสองไม่ไหว แถมยังต้องคอยระวังไม่ให้ถูกจับในฐานะ ‘ทาสหลบหนี’ อีก
เซียวเสี่ยวฟ่านมองไปที่พี่ชายและฉีมู่อานด้วยสายตาสับสน “ป่ะป๊า พี่ใหญ่ พ่อออกไปกินเหล้าอีกแล้วเหรอ?”
ฉีมู่อานมองดูลูกคนเล็กและถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะพูดกับทั้งสอง “ทานกันต่อเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันทีหลัง”
เซียวเสี่ยวฟ่านทานซุปเพียงเล็กน้อยเพราะอิ่มมาแล้ว ส่วนฉีมู่อานและเซียวเสี่ยวตงนั้นทานอาหารที่เหลือจนหมดแม้มันจะเป็นแค่ผักป่าที่ไม่อร่อยก็ตาม