WS บทที่ 198 การต่อสู้ระยะประชิด
“นั่นคือเมอร์ลินไม่ใช่หรือ เอเลน่า นั่นใช่พ่อมดเมอร์ลินที่มาจากดินแดนมนต์ดำใช่หรือไม่” สีหน้าของพ่อมดเกล็นเปลี่ยนไปอย่างมากในขณะที่เขาหันไปถามเอเลน่า
เขารู้จักว่าสิ่งที่เรียกว่า 'นักเล่นแร่แปรธาตุทั้งสี่แห่งเมืองโฟลตติ้ง' มันเป็นพันธมิตรที่มีผลประโยชน์ร่วมกันซึ่งก่อตั้งโดยพ่อมดพเนจรที่แข็งแกร่งที่สุดสี่คนในเมืองโฟลตติ้ง
ยิ่งกว่านั้น นักเล่นแร่แปรธาตุเหล่านี้มีพลังอย่างแท้จริงเนื่องจากพวกเขามีทักษะเฉพาะตัว ในฐานะนักเวทย์ระดับสาม พวกเขามีความโดดเด่นพอ ๆ กับนักเวทย์ในระดับเดียวกันจากองค์กรนักเวทย์
ดังนั้น พ่อมดเกล็นจึงกลัวการมาถึงของพวกเขามาก
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพ่อมดเดอมาร์โก้จะหายไปจากกลุ่มและถูกแทนที่ด้วยนักเวทย์หนุ่มที่ไม่คุ้นหน้า หลายคนไม่รู้จักชายหนุ่มคนนั้น
ทางด้านเอเลน่าจ้องไปที่นักเวทย์หนุ่มที่คลุมด้วยเสื้อคลุมสีดำโดยไม่กระพริบตา เธอคุ้นเคยกับใบหน้านั้นมากเกินไป
“ใช่ นั่นพ่อมดเมอร์ลิน!” เอเลน่าพูดด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
หลังจากได้ยินคำยืนยันของเอเลน่า สีหน้าของพ่อมดเกล็นก็มืดลง เขาตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ฉันไม่นึกเลยว่าเมอร์ลินจะมาที่โบราณสถานพร้อมกับชายชราสามคนนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาปฏิเสธข้อเสนอของพวกเรา แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกชายชราจะมาด้วยตัวเองหรือมาตามคำชวนของเมอร์ลิน ฉันก็อยากจะรู้ว่าพวกเขาจะไปได้ไกลซักแค่ไหน”
“เกล็น นักเล่นแร่แปรธาตุทั้งสี่มักจะปรากฏตัวพร้อมกัน ทำไมครั้งนี้ถึงมีแค่สามคนล่ะ?”
เอเลน่าสังเกตว่านักเวทย์ทรงพลังหายไปจากกลุ่มของพ่อมดแซมเมียร์ นักเล่นแร่แปรธาตุทั้งสี่แห่งเมืองโฟลตติ้งประกอบด้วยนักเวทย์ทรงพลังสี่คน ได้แก่ พ่อมดแซมเมียร์ พ่อมดเบรน พ่อมดรีเซนและพ่อมดเดอมาร์โก้
แต่ตอนนี้เมอร์ลินกลับมาแทนที่เดอมาร์โก้
เกล็นยิ้มออกมา “บางทีผู้เฒ่าคนนั้นอาจไม่มาหรือเขาอาจจะตามทีหลัง ไม่ว่ายังไงก็ตาม มันเป็นสถานการณ์ที่ลำบากที่จะรับมือสี่คนนี้ในโบราณสถาน!”
ก่อนหน้านี้ เกล็นเต็มไปด้วยความมั่นใจเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ เขายังมีความมั่นใจที่จะสู้กับนักเวทย์ระดับสามธรรมดาได้ อย่างไรก็ตาม พ่อมดแซมเมียร์และคนอื่น ๆ พวกเขาต่างจากนักเวทย์ทั่วไป แม้ว่าจะเป็นพ่อมดพเนจรแต่พวกเขามีทักษะเฉพาะตัวและความสามารถของพวกเขาเทียบได้กับนักเวทย์จากองค์กร
ดังนั้น พ่อมดเกล็นจึงแสดงสีหน้ามืดมนเนื่องจากพ่อมดแซมเมียร์และกลุ่มของเขามาถึงและขัดขวางแผนการของเขา
บรรยากาศแห่งความตกใจได้จางหายไปและถูกแทนที่ด้วยความตึงเครียด
แม้ว่าความโหดร้ายของ 'นักเล่นแร่แปรธาตุทั้งสี่แห่งเมืองโฟลตติ้ง' จะเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่พ่อมดพเนจรแต่พวกนักเวทย์กลุ่มใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าโบราณสถาน พวกเขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่ออยู่เป็นกลุ่มใหญ่ พวกมองดูโบราณสถานลึกลับและไม่กลัวพ่อมดแซมเมียร์และคนอื่นๆ มากนัก
พ่อมดแซมเมียร์ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ดูเหมือนพวกเราจะไม่ได้ไปไหนมาไหนมาสักพักแล้ว บางคนคงจะลืมพวกเราไปแล้ว!”
“ฮิฮิ แซมเมียร์ ข้าคิดว่าถึงเวลาต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!”
พ่อมดเบรนหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม หลังจากนั้น ความผันผวนของพลังธาตุที่รุนแรงก็ปรากฏขึ้นจากร่างกายของเขา
"ฆ่าพวกมันซะ!"
พ่อมดแซมเมียร์กล่าวอย่างแผ่วเบา เมื่อเขาเห็นนักเวทย์ที่อยู่รายรอบซึ่งยังไม่คิดจะถอยกลับ
*บูม!*
ทันใดนั้น เปลวเพลิงอันรุนแรงก็ปะทุขึ้นและโฮมุนครุสของพวกเขาพุ่งเข้าใส่กลุ่มนักเวทย์เยี่ยงสัตว์ป่า โฮมุนครุสของพวกเขาวิ่งเข้าไปในฝูงชนและเริ่มสังหารหมู่อย่างบ้าคลั่ง พวกมันทรงพลังอย่างยิ่งแถมยังต้านทานการโจมตีด้วยคาถาระดับสามธรรมดา ๆ ได้! นอกจากนี้ นักเวทย์ส่วนใหญ่เป็นระดับเริ่มต้นหรือโชคดีพอที่จะเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถทำอะไรโฮมุนครุสได้ บางคนเริ่มวิ่งหนีเอาชีวิตรอด บางคนที่หนีไม่ทันต้องประสบพบเจอความโหดร้ายก่อนที่จะเสียชีวิตไป
“พวกโฮมุนครุส มันน่าเหลือเชื่อมาก!”
เมอร์ลินไม่ได้เข้าร่วมการโจมตี เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยขณะสังเกตพ่อมดแซมเมียร์และคนอื่นๆ เมื่อเขาต่อสู้กับโฮมุนครุสของพ่อมดแซมเมียร์ เขาไม่ได้สังเกตว่าพวกมันแข็งแกร่งแค่ไหน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาครอบครองพลังปีศาจแพนดอร่า ดัชนีเยือกแข็ง โฮมุนครุสเหล่านี้ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเมอร์ลินได้เลย
อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ เมอร์ลินสามารถเห็นความน่าสะพรึงกลัวของโฮมุนครุสเหล่านี้เมื่ออยู่ต่อหน้านักเวทย์ระดับหนึ่ง พวกมันแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด พวกนักเวทย์กลุ่มนั้น ถ้าหากไม่หนีก็จะถูกพวกโฮมุนครุสสังหารหมู่ในพริบตา
ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น พ่อมดแซมเมียร์และคนอื่นๆ ก็เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ แม้ว่าจะมีนักเวทย์จำนวนมากอยู่รอบ ๆ แต่พวกเขาไม่มีทางที่จะต่อสู้กับพ่อมดแซมเมียร์และกลุ่มของเขาได้
“ฮ่าฮ่า ที่รักของข้า ฆ่าพวกมันให้มากเท่าที่ต้องการ!”
พ่อมดเบรนส่งโฮมุนครุสสองตัวของเขาออกไป พวกเขาพุ่งเข้าและออกจากฝูงชนเหมือนสายลม พวกเขาได้ฆ่าพ่อมดพเนจรจำนวนมากภายในระยะเวลาอันสั้น
การสังหารหมู่ด้านเดียวดังกล่าวได้เกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่ว่าพ่อมดแซมเมียร์และคนอื่นๆ ไม่ได้ใช้คาถาของพวกเขาเลย พวกเขาเป็นทั้งหมดเป็นนักเวทย์ระดับสาม ดังนั้นพวกเขาสามารถใช้คาถาระดับสามต่อสู้ได้ หากพวกเขาร่ายเวทมนตร์ พ่อมดพเนจรเหล่านี้จะไม่รอดเลยสักคน
“ให้ตายเถอะ พวกเฒ่าพวกนี้แข็งแกร่งเกินไป ดูเหมือนว่าเราต้องล่าถอยไปก่อนแล้วรอโอกาสที่จะเข้าไปในโบราณอีกครั้ง!”
พ่อมดเกล็นที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนมองมาที่พ่อมดแซมเมียร์และคนอื่นๆ ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก เขารู้ว่าเขาจะไม่มีโอกาสชนะกลุ่มของพ่อมดแซมเมียร์ หากเขายังอยู่ต่อคงจะมีความตายเท่านั้นที่เขาจะได้รับกลับไป
ในขณะนั้นเอง เมอร์ลินก็เงยหน้าขึ้น ดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง แวบเดียว เขาเห็นพ่อมดเกล็นและเอเลน่า
“เอเลน่าก็มาด้วย!”
หลังจากที่เขามั่นใจว่าเอเลน่าและคนอื่นๆ ได้ถอยห่างจากฝูงชนอย่างเงียบๆ แล้ว เขาก็พยักหน้าอย่างละเอียดอ่อน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มันเป็นความโง่เขลาอย่างยิ่งที่ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอันทรงพลังของพ่อมดแซมเมียร์และคนอื่นๆ
*หวู่ม!*
ทันใดนั้น ใบมีดลมก็พุ่งเข้าใส่เมอร์ลินแต่ก็ได้รับการป้องกันด้วยคาถาโล่ปฐพีได้อย่างทันท่วงที
ในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็นเมอร์ลินและคิดว่าเขาเป็นนักเวทย์ที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาสี่คน ดังนั้น นักเวทย์ส่วนใหญ่จึงจ้องมองไปที่เมอร์ลิน
“ฮี่ฮี่ บาสโลว์ นักเวทย์หนุ่มนั้นอ่อนแอที่สุด เจ้าไปฆ่าเขาก่อนเพื่อระบายความโกรธของเราซะ!” ชายชราฮอดจ์ดอนกล่าวอย่างอารมณ์เสีย
บาสโลว์มองฮอดจ์ดอนอย่างโกรธจัดแต่เขาเองก็จ้องเมอร์ลินอย่างใกล้ชิดเช่นกัน เขาค่อนข้างหัวเสียที่ถูกโฮมุนครุนของพ่อมดเบรนเล่นงาน แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
อย่างไรก็ตาม พ่อมดเบรนเป็นนักเวทย์ระดับสามและบาสโลว์ก็ด้อยกว่าเขามาก ดังนั้น เมื่อรู้สึกว่าออร่าที่อ่อนแอของเมอร์ลินและนอกจากรูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ของเขาแล้ว บาสโลว์ก็สนใจสิ่งที่ชายชราฮอดจ์ดอนพูดเป็นอย่างมาก
“ข้ารู้ว่าข้าด้อยกว่าชายชราเหล่านี้!แต่พวกเจ้าคิดว่าจะสามารถเข้าไปในโบราณสถานได้อย่างง่ายดายงั้นเหรอ? หรือไปเอาความมั่นใจเหล่านั้นมาจากนักเวทย์หนุ่มผู้ไม่มีหัวนอนปลายเท้างั้นเหรอ?”
บาสโลว์ตะโกนและดึงดูดความสนใจของเมอร์ลิน เมื่อเห็นว่าบาสโลว์ดึงความสนใจของเมอร์ลิน ชายชราฮอดจ์ดอนถึงตะโกนด้วยความโกรธจัดทันที
“บาสโลว์ ไอ้คนโง่ ช่างโง่เง่าเสียนี่กระไร! หากเราโจมตีเขาอย่างลับ ๆ เราอาจฆ่า นักเวทย์หนุ่มคนนี้ได้อย่างง่ายดาย ท้ายที่สุด เขามาพร้อมกับชายชราสามคน การฆ่าเขาสามารถทำลายความมั่นใจของพวกเขาได้ในทางใดทางหนึ่ง! แต่ตอนนี้เจ้าได้ทำลายแผนการไปทั้งหมดแล้ว!”
ชายชราฮอดจ์ดอนไม่เคยเข้าใจการกระทำของบาสโลว์
ในตอนแรกเขาตั้งใจการโจมตีแบบลับๆ ถ้าเขาไม่สามารถฆ่านักเวทย์หนุ่มคนนั้นได้ เขาจะถอยกลับทันที การกระทำของบาสโลว์ทำให้เรื่องมันยุ่งยาก
อันที่จริง นอกจากฮอดจ์ดอนก็ยังมีนักเวทย์คนอื่นที่ต้องการฆ่าเมอร์ลินเพื่อลดขวัญกำลังใจของพวกแซมเมียร์
อย่างไรก็ตาม แผนการทั้งหมดของเขาถูกทำลายโดยเสียงตะโกนของบาสโลว์ ชายชราฮอดจ์ดอนถึงกับพูดไม่ออกจริงๆ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงเปิดการโจมตีใส่เมอร์ลินทันที
“หืม? ทำไมเวทย์มนตร์ทั้งหมดมุ่งไปยังพ่อมดเมอร์ลิน?”
พ่อมดแซมเมียร์และคนอื่นๆ ก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างในทันใด พวกเขาเห็นนักเวทย์หลายคนกำลังร่ายเวทย์มุ่งตรงไปยังเมอร์ลิน
อย่างไรก็ตาม พ่อมดแซมเมียร์ก็ไม่แสดงความกังวลเลยสักนิด เขาหยุดการโจมตีของเขาและจ้องมองบาสโลว์และฮอดจ์ดอนที่เริ่มการโจมตีใส่เมอร์ลินด้วยสายตาที่สมเพชพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“บาสโลว์และฮอดจ์ดอนถือว่าทรงพลังในหมู่พ่อมดพเนจร น่าเสียดายที่พวกเขาจะต้องตายที่นี่…”
พ่อมดแซมเมียร์พึมพำด้วยเสียงต่ำ ความจริงที่ว่าเมอร์ลินได้ฆ่าพ่อมดเดอมร์โก้ด้วยพลังปีศาจแพนโดร่ายังคงเป็นความลับ
ณ ที่แห่งนี้ มีเพียงพ่อมดแซมเมียร์ พ่อมดเบรนและพ่อมดรีเซนเท่านั้นที่ทราบเรื่องนี้
พวกเขารู้ว่าเมอร์ลินน่ากลัวเพียงใด เมอร์ลินเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา หากบาสโลว์กับฮอดจ์ดอนคิดจะยุ่งกับเมอร์ลิน คงจะมีความตายรออยู่เท่านั้น
ด้วยท่าทางแปลก ๆ ของพ่อมดแซมเมียร์ ทำให้ทางฮอดจ์ดอนก็เกิดความสงสัยผุขึ้นมาในใจ อย่างไรก็ตาม เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงร่ายคาถาไปยังเมอร์ลินต่อไป
ชายชราฮอดจ์ดอนและบาสโลว์ได้วางแผนเส้นทางหลบหนีของพวกเขาแล้ว เมื่อพวกเขาฆ่าเมอร์ลินสำเร็จ พวกเขาจะวิ่งหนีไปด้วยความเร็วสูงสุดทันที เพื่อไม่ให้พ่อมดแซมเมียร์และคนอื่นๆ ไล่ตามพวกเขา
*บูม!*
คาถาทั่วท้องฟ้าได้ระเบิดตรงจุดที่เมอร์ลินยืนอยู่อย่างบ้าคลั่งราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ ในชั่วพริบตา ร่างของเมอร์ลินก็หายไปจากสายตา…