80Y-ตอนที่ 73 ความตายของจักรพรรดิ
จากช่วงเวลาที่เขาปรากฏตัวในค่ายจนกระทั่งสิ้นสุดการเจรจา ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
เจ้าแมวขาวมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง อย่างตกตะลึง
“พวกเจ้าสองคนตกลงกันง่ายขนาดนี้เลยหรือไม่?”
เจ้าแมวขาวมองไปที่อีกฝ่ายด้วยความสับสน
“แน่นอน ความตั้งใจที่แท้จริงของนางไม่ใช่แค่เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณให้กับข้า ไม่อย่างนั้น นางคงจะทำมันตั้งแต่ช่วง 2-3 ปีแรกที่ข้าถูกเนรเทศไปยังตำหนักเย็นแล้ว”
“แต่นาง…”
“นางเพียงแค่นึกถึงข้าได้ตอนที่นางรู้ว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนางไม่สมบูรณ์เพราะเป็นหนี้ข้า”
“การชำระหนี้บุญคุณนี้คืนเท่านั้นจึงจะเป็นการแก้ไขปัญหานี้ของนาง ดังนั้นข้าถึงบอกว่านางไม่ได้คิดที่จะแสดงความจริงใจในการตอบแทนบุญคุณข้า”
“นางเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก แต่ข้าก็ไม่คิดจะโกรธนางเพราะข้าไม่ได้ใส่ใจ”
“หลังจากที่ปัญหาของนางได้รับการแก้ไข ข้าก็คงได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากยุคก่อนหน้านี้ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับนางก็ถือเป็นอันสิ้นสุด”
“นี่ไม่ได้เรียกสถานการณ์นี้ว่าการได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายหรอกเหรอ?”
หลินจิ่วเฟิง ได้ลูบเจ้าแมวขาวและอธิบาย
“เจ้าสงบสติอารมณ์แบบนี้ได้ยังไงกัน เจ้าค้นพบว่าอีกฝ่ายมีเจตนาซ่อนเร้นในการชำระหนี้บุญคุณ แทนที่เจ้าจะโกรธ เจ้ากลับยังคงรักษาเหตุผลในการคว้าผลประโยชน์ให้กับตัวเอง”
เจ้าแมวขาวรู้สึกประทับใจมาก
“นั่นคือเหตุผลที่เจ้าควรระวังตัวเอาไว้”
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวได้เกาไหล่ของ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความโกรธ
แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย
แต่เป็นเจ้าแมวขาวที่รู้สึกเจ็บที่เล็บของมันแทน
เจ้าแมวขาวที่โกรธเคืองได้หันศีรษะและเพิกเฉยต่อการกระทำของ หลินจิ่วเฟิง
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่รูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสาของมัน
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
อารมณ์ของหลินจิ่วเฟิงในเวลานี้ดีขึ้นมาก
อย่างที่คาดไว้ ความสุขในการเลี้ยวแมวเป็นสิ่งที่คนที่ไม่ได้เลี้ยงไม่สามารถเข้าใจได้
…
หลินจิ่วเฟิง กลับไปที่เมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้เมืองหลวงได้เริ่มมืดลงแล้ว
ไม่มีใครเดินไปมาบนท้องถนน
หลินจิ่วเฟิง ได้เดินเข้าไปในตำหนักเย็นพร้อมกับเจ้าแมวขาว
เขากำลังจะเข้าไปทันใดนั้น…
ตึง!
ตึง!
ตึง!
ในพระราชวังเสียงระฆังได้ดังขึ้นเก้าครั้งติดต่อกัน
ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง หรี่ลงเล็กน้อยขณะที่เขาหันศีรษะมองไปที่ทางพระราชวังในทันที
เมื่อ 10 กว่าปีก่อนเขาเคยได้ยินเสียงระฆังนี้
มันเป็นการประกาศการสวรรคตของจักรพรรดิหยวน
แล้วเสียงระฆังดังเก้าครั้งนี้มันแสดงถึงอะไร?
หัวใจของ หลินจิ่วเฟิง รู้สึกสั่นเทา
แม้ว่าเขาจะเป็นคนมีเหตุผลและสามารถสงบสติอารมณ์ได้ทุกสถานการณ์
แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกเป็นของตัวเอง
หลินเทียนหยวน เด็กหนุ่มที่เขาเฝ้าดูการเติบโตมาตั้งแต่เด็ก ตายแล้วงั้นหรือไม่?
เจ้าแมวขาวมองด้วยความตกใจ
มันได้กระโดดออกจากร่างของ หลินจิ่วเฟิง และพูดออกมา“เจ้าควรจะไปดู”
ร่างกายของ หลินจิ่วเฟิง ได้หายไปในทันที
…
พระราชวังต้องห้าม ตำหนักจักรพรรดินี…
ในเวลานี้ทุกคนต่างร้องสะอื้นและร่ำไห้
ในขั้นต้น ขณะที่ทั่วทั้งเมืองหลวงของราชวงศ์ทั้งหมดได้ส่งเสียงเชียร์ให้กับ หลินจิ่วเฟิง หลังจากที่จัดการปีศาจ
ไม่มีใครคาดคิดว่า เมื่อหลินเทียนหยวน กลับมายังเมืองหลวง เขาจะเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
และกลับมาในสภาพที่ดูอ่อนแอจนพูดไม่ออก
ขันทีได้มาพบเขาและกำลังจะนำเขาส่งไปหาหมอหลวงเพื่อทำการรักษา
แต่หลินเทียนหยวน ได้ปฏิเสธ
เขาได้ให้อีกฝ่ายพาเขาไปที่ตำหนักจัจกรพรรดินี
ต่อมาเขาก็เรียกเจ้าหน้าที่ในราชสำนักและองค์รัชทายาทเข้ามา
ในตอนท้ายของชีวิต เขาได้ขอให้จักรพรรดินีเข้ามาใกล้และกล่าวกระซิบที่ข้างหูของนาง
“อย่าได้บอกองค์รัชทายาทเกี่ยวกับท่านลุง…”
“ปล่อยให้เขารับรู้ถึงแรงกดดัน เพื่อที่เขาจะได้เติบโตขึ้นด้วยตัวเอง”
“นี่เป็นไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้าจงปกป้องมันไว้ให้ดี ข้าได้เขียนจดหมายหนึ่งฉบับถึงท่านลุงเอาไว้แล้ว หลังจากที่ข้าตาย ท่านลุงย่อมมาหาข้าอย่างแน่นอน ดังนั้นได้โปรดส่งมอบจดหมายนี้ให้กับท่านลุงโดยเร็ว”
หลินเทียนหยวน ได้ใช้ช่วงเวลาแห่งชีวิตที่เหลือทั้งหมดส่งต่อคำพูดสุดท้ายนี้ก่อนที่จะจากไป
ในชีวิตนี้ของเขา เขาเกลียดการแต่งงานแบบคลุมถุงชนมากที่สุด
เขาได้แต่งงานกับภรรยาที่เขาไม่เคยรัก
ครั้งหนึ่งเขาต้องการยกเลิกตำแหน่งจัจกรพรรดินีให้นางกลายเป็นเพียงแค่นางสนม
แต่ตอนนี้เขากลับเลือกที่จะเสียชีวิตบนเตียงของจักรพรรดินี
เขาเลือกที่จะจากไปพร้อมกับการที่มีนางอยู่เคียงข้าง
หลินเทียนหยวน เป็นบุคคชที่ซับซ้อนมาก
ในท้ายที่สุดเขาอาจจะเริ่มตกหลุมรักจักรพรรดินีคนนี้
ดังนั้นเขาจึงทิ้งไพ่ตายใบสุดท้ายไว้ให้กับนาง
เขาไม่ได้ส่งต่อให้กับองค์รัชทายาทเพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นเหมือนกับเขาที่อวดดีในสมัยนั้น
เขาไม่ต้องการให้คนรุ่นหลังคิดว่าตนเองมีไพ่ตายที่ทรงพลัง-จนกระทั่งเกิดความหยิ่งผยองขึ้น
…
เมื่อ หลินจิ่วเฟิง มาถึง ทุกคนต่างก็ร้องไห้ไม่หยุด
โดยเฉพาะหัวหน้าคณะรัฐมนตรี…
นับจากรุ่นก่อนจนถึงปัจจุบันนี้ เขาได้รับใช้ราชสำนักและองค์จักรพรรดิมาถึง 4 ชั่วอายุคน
จักรพรรดิองค์ที่สามสวรรคตแล้ว แต่เขากลับยังอยู่ที่นี่
และตัวเขายังคงต้องช่วยเหลือองค์รัชทายาท ที่จะเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ในไม่ช้านี้ด้วย
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ร่างของ หลินเทียนหยวน ในตำหนักจักรพรรดินี
มีความเศร้าปรากฏขึ้นในใจของเขา แต่มันก็ไม่ถึงขนาดตอนที่เขารู้สึกถึงการจากไปของจักรพรรดิหยวน
“ข้าบอกให้เจ้าพักผ่อนมิใช่หรือ?”หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ศพของหลินเทียนหยวนและถอนหายใจออกมา
เมื่อเดือนที่แล้ว หลินเทียนหยวน ยืนกรานที่จะจัดการงานราชกิจ
ในช่วงเดือนนั้นเองเป็นเขาที่เผาผลาญพลังชีวิตที่เหลือของตนเองไป
สำหรับ หลินจิ่วเฟิง คนรับใช้ที่วิ่งไปรอบ ๆ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาเลย
พวกเขาไม่สามารถค้นพบ หลินจิ่วเฟิง และ หลินจิ่วเฟิง ก็ไม่ต้องการให้ใครค้นพบเขา
หลังจากแสดงความเคารพต่อ หลินเทียนหยวน แล้ว หลินจิ่วเฟิง ก็มาพบจักรพรรดินี
ตอนนี้ทั่วราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้นที่รู้ที่มาที่ไปของ หลินจิ่วเฟิง
ดังนั้น หลินจิ่วเฟิง จึงได้ส่งเสียงให้นางไปรอเขาที่ห้องโถงด้านข้างโดยไม่เตือนให้คนอื่น
“เสด็จลุง!”ในห้องโถงด้านข้าง จักรพรรดินีคำนับด้วยน้ำตา
“ก่อนหน้าที่จักรพรรดิหมิงจะจากไป เขาได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้หรือไม่?”หลินจิ่วเฟิงได้กล่าวถาม
“เขาได้ให้หม่อมฉันส่งต่อจดหมายฉบับนี้ให้กับเสด็จลุง”
จักรพรรดินีได้หยิบจดหมายออกมาและยื่นให้กับหลินจิ่วเฟิง
หลินจิ่วเฟิง ได้เปิดมันในทันที
มีถ้อยคำที่จริงใจในจดหมาย อีกทั้งยังขอให้ หลินจิ่วเฟิง ช่วยดูแลองค์จักรพรรดินีและองค์รัชทายาท
เด็กกำพร้าและหญิงม่าย
ในโลกนี้ การปกครองราชวงศ์ขนาดใหญ่ย่อมสร้างปัญหามากมายให้กับพวกเขาอย่างแน่นอน
นี่คือเหตุผลที่จักรพรรดิหมิงขอให้ หลินจิ่วเฟิง ช่วยเหลือพวกเขา
“หากมีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต ให้มาที่ตำหนักเย็นและมองหาข้า สอนสั่งองค์รัชทายาทให้ดี อย่าให้เขารู้สึกถึงการเป็นภาระมากเกินไป ข้าจะคอยสนับสนุนพวกเจ้าทั้งคู่จากข้างหลัง”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับอย่างเคร่งขรึม
“ขอบพระทัยเสด็จลุง”จักรพรรดินีได้ตอบกลับอย่างซาบซึ้ง
นางได้คุกเข่าจนกระทั่งร่างของ หลินจิ่วเฟิง ได้หายไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้ นางได้หยุดการกระทำของนางและไปจัดการพิธีศพของ หลินเทียนหยวน ต่อ
…
ตำหนักเย็น
หลังจากที่ หลินจิ่วเฟิง กลับมาที่นี่ การแสดงออกของเขาค่อนข้างดูมืดมน
เขามองไปที่ต้นซากุระที่ร่วงโรย
จากนั้นเขาก็ปลูกต้นซากุระอีกต้นหนึ่งไว้ข้าง ๆ
หลังจากนั้น หลินจิ่วเฟิง ก็กลับไปยังพระราชวังใต้ดินโดยตรงและเปิดผนึกทางเข้าถ้ำปีศาจใต้โลงศพทองแดง
“เหตุใดถึงเป็นเจ้า?”
ปีศาจในถ้ำปีศาจต่างคาดหวังให้พวกเดียวกันมาเปิดผนึกเพื่อที่พวกมันจะได้มีโอกาสหลบหนี แต่เมื่อพวกมันพบว่าเป็น หลินจิ่วเฟิง พวกเขาต่างก็ตกใจและไม่เชื่อในสายตาตัวเอง
ปีศาจที่มาล้อมเมืองหลวงราชวงศ์ได้หายไป แต่ หลินจิ่วเฟิง กลับมีชีวิตอยู่?
อีกฝ่ายเป็นคนแบบไหนกัน? เป็นเทพอมตะหรือไม่?
ใบหน้าของ หลินจิ่วเฟิง ได้มืดลง
นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเข้ามาที่ถ้ำปีศาจ และ เขารู้สึกโกรธเคืองเช่นนี้ กระบี่สังหารปีศาจในมือได้ชี้ไปที่ปีศาจเหล่านี้“พวกเจ้าเป็นคนเรียกปีศาจข้างนอกให้มาล้อมเมืองหลวงใช่หรือไม่?”
ปีศาจเหล่านี้รู้สึกตกใจและโกรธเคืองกับการกระทำของ หลินจิ่วเฟิง
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”เทพปีศาจนภา รู้สึกโกรธจัด ตอนนี้มันอารมณ์ไม่ดี
แผนการทั้งหมดที่มันวางเอาไว้พังไม่เป็นท่า
“ข้าก็จะฆ่าเจ้าไง!”
อารมณ์ของ หลินจิ่วเฟิง ได้กลายเป็นเย็นชา
เขาไม่ต้องการพูดเรื่องไร้สาระ
เขาได้ยกกระบี่สังหารปีศาจขึ้นและพุ่งไปข้างหน้า
กระบี่สังหารปีศาจควบคู่ไปกับความแข็งแกร่งของ หลินจิ่วเฟิง ที่มี่ถ้ำสวรรค์ระดับเทพ ทำให้เขาสามารถฆ่าเทพปีศาจนภาได้อย่างง่ายดาย
ใช่แล้ว…
หนึ่งในผู้ก่อตั้งถ้ำปีศาจ เทพปีศาจนภา ที่มีฐานการบ่มเพาะพลังอันลึกล้ำในยุคก่อนหน้านี้ ได้เสียชีวิตลงภายใต้คมกระบี่สังหารปีศาจ
ปีศาจตัวอื่น ๆ รู้สึกตัวสั่นเมื่อเห็นฉากนี้
หลังจากฆ่า เทพปีศาจนภา เสร็จ หลินจิ่วเฟิง ก็ได้ระบายความโกรธในใจออกไปก่อนที่เขาจะออกจากถ้ำปีศาจ
“ยืนยันการเข้าใช้”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ
[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับหนังสือวิเคราะห์ถ้ำสวรรค์หนึ่งเล่ม!]
หลินจิ่วเฟิง ได้หนังสือเล่มนึงมา เขาตระหนักได้ว่ามันเป็นหนังสือวิเคราะห์การบ่มเพาะพลังในอาณาจักรถ้ำสวรรค์
“ไม่เลว มันเหมาะกับข้าในตอนนี้มาก”หลินจิ่วเฟิง ได้ปิดผนึกถ้ำปีศาจและจากไป