80Y-ตอนที่ 70 กระบี่จงมา
ครื่นน!
กลิ่นอายพลังปีศาจได้ก่อตัวขึ้นและปกคลุมไปทั่วเมืองหลวงราชวงศ์
ในขณะเดียวกัน เมืองหลวงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ก็ราวกับถูกตัดขาดบนเกาะร้างแห่งนี้ ผู้คนนับล้านและขุนนางระดับสูงของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาล้วนถูกขังอยู่ภายใน
ปีศาจจำนวนมากได้หัวเราะพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้า
ปีศาจจากทุกสารทิศค่อย ๆ มารวมตัวกันและพยายามจะบุกเข้าไปในเมืองหลวง
การรวมตัวของพวกมันสร้างความหวาดกลัวไปทั่ว
เทพมนุษย์ทรงพลังมากงั้นหรือไม่?
อาณาจักรพลังเทพมนุษย์เป็นเพียงภูเขาใหญ่ในเส้นทางการบ่มเพาะพลัง นี่คือความเชื่อของผู้คนบนโลกใหม่นี้ พวกเขาหวังว่าตนเองจะไปถึงยอดเขาลูกนี้ได้
แต่ในสายตาของปีศาจเหล่านี้ เทพมนุษย์ ก็เป็นเพียงแค่กลุ่มก้อนเลือดเนื้อเพียงเท่านั้น
ปีศาจพวกนี้มีรูปร่างขนาดใหญ่ มุมปากของมันเปื้อนไปด้วยโลหิตจำนวนมาก กระทั่งมนุษย์บางคนยังกลายร่างเป็นปีศาจ
ผิวของเขาซีดเผือกราวกับคนตาย
สายตาของพวกมันทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูก
และความน่าสะพรึงกลัวนี้ก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
“นี่คือโลกใหม่งั้นหรือไม่?”
“ประเทศของมนุษย์...ข้าได้ปิดผนึกตัวเองเป็นระยะเวลาหลายพันปี ข้ารอคอยอย่างขมขื่นมานานนับพันปี ในที่สุด ข้าก็ได้เห็นประเทศของมนุษย์…”
“ข้าคือราชาปีศาจแห่งการทำลายล้าง!”
“ในยุคนี้ข้าจะต้องไปถึงอาณาจักรเต๋า!”
“นี่เป็นยุคใหม่และเป็นยุคที่ดีที่สุดอีกด้วย…”
“ผู้บ่มเพาะพลังในยุคนี้ล้วนอ่อนแอจนน่าสมเพช ได้เวลาที่พวกเราจะจัดงานเลี้ยงฉลองแล้ว”
ปีศาจนับไม่ถ้วนได้ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
ปีศาจเหล่านี้อย่างน้อยก็อยู่ในขั้นเทพมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นช่วงที่ 3 หรือ ช่วงที่ 4
ไม่แปลกใจที่กำลังรบปราชญ์การต่อสู้ของ หลินเทียนหยวน และ ผู้บัญชาการเทพมนุษย์ 2 คนจะถูกกำจัดออกไป
“นี่คือเมืองหลวงของราชวงศ์ ข้าจะย้อมที่นี่ไปด้วยเลือด ข้าไม่ได้กินร่างกายและดื่มเลือดพวกมนุษย์มาหลายปีแล้ว”
“ข้าอยากกินเนื้อ!!!”
“ข้าอยากได้ผู้หญิง!”
ปีศาจเหล่านี้ได้มองไปที่เมืองหลวงราชวงศ์
สายตาของพวกมันได้แปรเปลี่ยนเป็นความกระหายอันบ้าคลั่ง
“พวกเราต้องปล่อยเทพปีศาจในถ้ำปีศาจออกมาพวกเขาคือผู้ปกครองที่แท้จริงของโลกนี้”
“การปล่อยเทพปีศาจเหล่านั้นจะช่วยให้เราปกครองโลกนี้ได้แล้วพวกเราก็จะสร้างอาณาจักรปีศาจขึ้น”
นอกจากนี้ยังมีปีศาจที่ภักดีและซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง
พวกมันต้องการลอบเข้าไปในเมืองหลวงและค้นหาถ้ำปีศาจและปลดผนึกเพื่อปล่อยปีศาจและเทพปีศาจข้างในออกมา
ดังนั้นพวกมันจึงวิ่งผล่านไปทั่วเมืองหลวง
พลังปีศาจได้โอบล้อมเมืองหลวงจนทำให้บรรยากาศได้มืดมน
คนธรรมดาทั่วไปล้วนสั่นสะท้านพวกเขาเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ในบ้านและไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน
ถนนหนทางล้วนว่างเปล่า
แม้แต่ขุนนางของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาก็เฝ้ามองดูด้วยความสิ้นหวัง
หัวหน้าคณะรัฐมนตรีไม่ได้ส่งกองกำลังของพระราชวังออกไป เพราะในท้ายที่สุดการส่งพวกเขาออกไปก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการส่งไปตาย
พวกเขาเชื่อมั่นในตัว หลินเทียนหยวน และ การดำรงอยู่ของตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่เบื้องหลังของเขา
ทุกคนล้วนสวดอ้อนวอนและขอให้ใครสักคนก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือเมืองหลวงของราชวงศ์ให้รอดพ้นจากวิกฤติในครั้งนี้
ตุบ ตุบ!
เสียงฝีเท้าได้ดังก้องกังวานไปตามท้องถนน
ถนนวิหคเพลิงที่แออัดกลับว่างเปล่าในวันนี้
การปรากฏตัวของบุคคลผู้นี้ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วนในเมืองหลวงราชวงศ์
ความหวังค่อย ๆ ผุดขึ้นในใจของพวกเขา
หลินจิ่วเฟิง ได้เดินไปบนถนนอย่างผ่อนคลาย
กลิ่นอายปีศาจกำลังพลุ่งพล่านและพยายามจะพุ่งเข้ามาหาเขา แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ยังเดินอย่างเด็ดเดี่ยวไปที่หน้าประตูหลัก
ประตูหลักของเมืองหลวงไม่มีใครคุม
เผชิญหน้ากับพลังอันยิ่งใหญ่ ไม่มีมนุษย์คนใดที่คิดหวังจะป้องกันสถานที่แห่งนี้เอาไว้ มันคงจะเป็นปาฏิหาริย์จริง ๆ หากมีใครออกมาที่นี่และพยายามควบคุมประตูเอาไว้
หลินจิ่วเฟิง ได้มาถึงประตูหลัก
เขาได้ดึงเก้าอี้แล้วนั่งลงอย่างเงียบ ๆ
เขากำลังรอให้ปีศาจมาหา เพราะอีกสามประตูได้ปิดแน่นหนา
“มนุษย์ ข้าจะกินเนื้อและดื่มเลือดของเจ้า!”
มีปีศาจบางตัวต้องการที่จะกิน หลินจิ่วเฟิง
ฟุ่บ!
หลินจิ่วเฟิง ได้สบัดนิ้วออกไป
ปราณกระบี่ได้ปรากฏออกมาและสังหารปีศาจตัวนี้ในทันที
ชั่วเวลาต่อมา ปีศาจทุกตัวก็จับจ้องมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง
การที่สามารถฆ่าปีศาจได้อย่างง่ายดาย แสดงว่ามนุษย์ผู้นี้ไม่ธรรมดา
“มนุษย์ แทนที่จะหลบหนี เจ้ากลับมาขวางทางพวกเราอยู่ที่นี่ เป็นเพียงแค่ตั๊กแตนตัวน้อยคิดจะหยุดรถม้างั้นหรือไม่?”ปีศาจบางตัวได้เย้ยหยันออกมา
หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับอย่างสงบ“เดี๋ยวก็รู้ว่าข้าเป็นตั้กแตกตัวน้อยที่พยายามจะหยุดรถม้าจริงหรือไม่”
“เจ้าคิดว่าตัวเจ้าเพียงคนเดียวจะหยุดพวกเราทั้งหมดได้?”
“มนุษย์ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่เลว…”
“ทำไมเจ้าไม่มาเข้าร่วมลัทธิปีศาจของข้าและรับใช้ข้าเล่า?”
ปีศาจตัวนึงได้หัวเราะออกมา
หลินิจ่วเฟิง มองไปที่อีกฝ่ายอย่างไร้ความรู้สึกก่อนที่จะสบัดนิ้วออกไป
ฟุ่บ!
ปราณแท้จริงโบราณได้ถูกปลดปล่อยออกมากลายเป็นลำแสงแห่งการสังหาร
บูม!
เขาได้สังหารปีศาจที่พูดด้วยท่าทีเย่อหยิ่งในทันที
คราวนี้ปีศาจทุกตัวมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความตกใจ
มันง่ายขนาดนี้เลยหรือไม่?
“พวกเจ้าทั้งหมดมาจากยุคที่แล้ว ดังนั้นตัวตนของพวกเจ้าควรจะถูกกลบฝังไปตั้งแต่ยุคที่แล้ว พวกเจ้าไม่ควรจะปรากฏตัวขึ้นบนยุคสมัยของผู้อื่น”
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ปีศาจเหล่านี้
เขาอดไม่ได้ที่จะสั่นศีรษะอย่างไม่พอใจ
“มนุษย์! รนหาที่ตาย!”ปีศาจอีกตัวได้ส่งเสียงคำรามออกมาแล้วโจมตี
มันขี้เกียจเกินไปที่จะพูดเรื่องไร้สาระ
“เจ้าเคยเห็นดวงอาทิตย์ยามเช้าของเมืองหลวงราชวงศ์หรือไม่?”
เผชิญหน้ากับปีศาจที่โจมตีเข้ามา หลินจิ่วเฟิง ไม่ลังเลที่จะชักกระบี่สังหารปีศาจ
ทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด!
นี่เป็นทักษะกระบี่แรกที่ หลินจิ่วเฟิง ฝึกฝน
ในแง่ของความเข้าใจในทักษะนั้นเขาได้บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว
หลินจิ่วเฟิง ได้ชักกระบี่ขึ้นมาและฟันออกไป
ภาพมายาอันน่าสะพรึงกลัวได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา
มันห้อมล้อมไปรอบด้วยจักรวาลและดวงดาว
ปีศาจที่เผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ขมวดคิ้วแน่น
บูม!
พลังกระบี่อันรุ่งโรจน์ได้ตัดผ่านความมืดมิด
แสงระยิบระยับทำให้พวกมันได้สัมผัสกับแสงอาทิตย์ยามเช้า
ปราณกระบี่ได้เคลื่อนตัวออกไป
ก่อนที่จะผ่าร่างของปีศาจตัวนี้
และปีศาจทุกตัวที่อยู่ในพื้นที่ก็รู้สึกพูดไม่ออกร่างกายของพวกมันได้ถูกแช่แข็ง
ลมกรรโชกได้ปรากฏขึ้นอย่างรุนแรง
เสื้อผ้าและผิวหนังของปีศาจเหล่านี้ได้สลายหายไปตามลม
ชั่วเวลาต่อมามันก็กลายเป็นฝุ่นละอองกระจัดกระจายไปในอากาศ
ปีศาจตัวอื่น ๆ ที่สัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่เบื้องหลังการโจมตีของ หลินจิ่วเฟิง แววตาของพวกมันได้เปลี่ยนไป
พวกมันล้วนหวาดกลัว!
นี่มันน่ากลัวเกินไป!
พวกมันมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง
พวกมันไม่เข้าใจว่าการดำรงอยู่ของตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ปรากฏขึ้นได้อย่างไรในตอนต้นของยุคสมัยใหม่
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่พวกมัน
เขาได้ชักกระบี่ออกมาแล้วพูดอย่างใจเย็น“มันจะดีกว่าหากพวกเจ้าเข้ามาโจมตีทั้งหมดพร้อมกัน ขืนพวกเจ้าเข้ามาทีละคนก็มีแต่จะตายกับตาย”
หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่พวกปีศาจพวกนี้อย่างใจเย็น
เขาพูดแบบนี้เพราะการฆ่าพวกมันทีละตัวเป็นเรื่องยากลำบากเกินไปสำหรับเขา
หากพวกมันทั้งหมดโจมตีพร้อมกันเขาจะสามารถสังหารพวกมันได้ในทันที
เพราะที่เมืองหลวงราชวงศ์แห่งนี้มีปีศาจนับหมื่นมาที่นี่
ในเวลานี้พวกมันได้มองหน้ากัน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกเกินความจริงจนเกินไป
พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นปีศาจที่ทรงพลังจากยุคก่อน แต่แล้วพวกมันกลับถูกคุกคามโดยบุรุษหนุ่มจากยุคนี้?
ถูกต้อง…
สำหรับพวกมัน หลินจิ่วเฟิง ในวัย 50 ปี เป็นบุรุษหนุ่มรุ่นเยาว์จริง ๆ
“โจมตีเขาพร้อมกัน!”ทันใดนั้นก็มีปีศาจตัวนึงคำรามออกมา
มันรู้สึกโกรธจัดและโมโหเพราะคิดว่า หลินจิ่วเฟิง เย่อหยิ่งจนเกินไป
ในชั่วพริบตา ปีศาจเหล่านี้ก็ปลดปล่อยการโจมตีออกมาพร้อมกัน ทักษะทุกประเภทได้ซ้อนทับจนเกิดภาพสวยงามตระการตา และ น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
เป้าหมายของพวกมันไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หลินจิ่วเฟิง
แต่ทว่า หลินจิ่วเฟิง กลับไม่ได้เคลื่อนไหว
อันที่จริงเขาไม่ได้แกะฝักกระบี่ออกมาด้วยซ้ำ
เขาได้ยืนตัวตรงและยืนตั้งตระหง่านที่หน้าประตูหลัก
ดวงตาของเขาค่อนข้างนิ่งสงบและมองดูปีศาจนับพันโจมตีเข้ามา
ในขณะนี้ เหล่าผู้คนในเมืองหลวงต่างก็ตั้งความหวังไว้ที่ หลินจิ่วเฟิง
เจ้าแมวขาวก็เฝ้ามองอย่างเป็นกังวลบนกำแพงตำหนักเย็น
มันแยกเขี้ยวอย่างต่อเนื่อง และ กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลินจิ่วเฟิง
หลินเทียนหยวน มองดูด้วยใบหน้าซีด
เขารู้สึกเหนื่อยแต่ไม่กล้านอนหลับ
เขาต้องรอให้เรื่องนี้จบลงเสียก่อน
เปรี้ยง!
กลิ่นอายพลังปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวได้ถาโถมลงมา
การรวมตัวของพวกมันแม้แต่เจ้าแมวขาว-สิ่งมีชีวิตในขั้นเทพมนุษย์ ก็ยังตัวสั่นไปด้วยความกลัว มันส่งเสียงร้องออกมาและพุ่งออกไป
ความเร็วของมันรวดเร็วมากจนเห็นเป็นเพียงแค่แสงสีขาวที่วูบผ่าน ท่ามกลางความมืดมิด
มันต้องการจะไปต่อสู้เคียงข้าง หลินจิ่วเฟิง
แต่ในขณะที่มันกำลังวิ่งออกไป เสียงที่คมชัดก็สั่นสะเทือนไปทั่วเมืองหลวงราชวงศ์…
“กระบี่จงมา!”
แกร๊ก!
แกร๊ก!
แกร๊ก!
ทันทีที่เสียงเหล่านี้หายไป กระบี่กระดูกในลานที่พักของตำหนักเย็นก็ส่องสว่างระยิบระยับพร้อมกัน พวกมันได้ลอยขึ้นไปบนฟ้าในทันที
บูม!
ทันทีที่กระบี่กระดูกกว่า 365 เล่มทะยานขึ้นไปบนอากาศเขาก็ใช้ทักษะกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
ทักษะกระบี่กระดูกมรณะ!