ตอนที่แล้วบทที่ 31 ถ้าข้าไม่ลงนรก แล้วใครจะลง?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 หลินเสี่ยว

บทที่ 32 ‘ฆาตกร’ ผู้ถูกทอดทิ้ง (บทแถมฟรี)


บทที่ 32 ‘ฆาตกร’ ผู้ถูกทอดทิ้ง (บทแถมฟรี)

ด้วยการประกาศของเมือง X เพื่อรักษาระเบียบของสังคมไม่ให้ถูกรบกวน เย่ปินและจางหลานได้เดินไปบน ‘เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ’ บนเส้นทางนี้ โลกและสังคมได้ต่อต้านและทอดทิ้งพวกเขา โยนพวกเขาจากความรุ่งโรจน์ที่เคยเป็น เปลี่ยนจากตำรวจที่คนนับหมื่นสนับสนุน มาเป็น ‘ฆาตกร’ ที่คนนับหมื่นไล่ล่า…

“พี่…” เย่เหอนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มองดูแถบข้อความที่น่ารังเกียจล่วงละเมิดเย่ปินกับจางหลานอย่างเหลือทน ด้วยความเศร้าใจ

เช่นเดียวกับเย่เหอ เฉินฮุ่ยกับคนอื่นๆก็นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มองดูการละเมิดที่น่ารังเกียจบนหน้าจอ ในใจของคนทั้ง 4 เต็มไปด้วยความเศร้าและความโกรธ

“สังคมแบบนี้? รอดแล้วจริงๆหรือ?” เหล่าสวีถอนหายใจ และรู้สึกเศร้ามาก วีรบุรุษสองคนที่สละตนเพื่อรักษาระเบียบของสังคม ได้กลายเป็น ‘ฆาตกร’ ผู้ถูกโลกทอดทิ้ง

“แม้ตอนที่เป็นตำรวจ ฉันก็ไม่เคยคิดว่าจะมีสิ่งที่เรียกว่าฮีโร่อยู่บนโลกนี้ แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจดีแล้วว่า ฮีโร่ที่แท้จริงนั้น มักเป็นคนที่โลกมองไม่เห็น” จ้าวเจิ้งกระซิบ เขามีชีวิตอยู่มาเกือบครึ่งชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดว่าโลกนี้จะมีฮีโร่จริงๆ แต่จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่า ฮีโร่ที่แท้จริงนั้น มักเป็นผู้ที่โลกมองไม่เห็น พวกเขาแบกรับในสิ่งที่โลกไม่ยอมรับ รับผิดชอบและปกป้องโลกอย่างเงียบๆ โดยโลกไม่ล่วงรู้

“ฮีโร่งั้นเหรอ? พวกเขาทั้งคู่ เป็นแค่คนโง่สองคน คนโง่สองคนเท่านั้น!” เฉินฮุ่ยกัดฟันพูด ด้วยดวงตาที่เปียกชื้น

หนิงหวาจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ในใจก็คิดถึงแม่ที่ตายไปแล้ว ‘บางทีฮีโร่ในโลกนี้ อาจดูเหมือนคนที่โง่ที่สุด’ เช่นเดียวกับเย่ปินและจางหลาน แม่ของเขาที่ยอมเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้อง ‘อนาคต’ ของเขา ก็เป็นฮีโร่ของหนิงหวาเช่นกัน อย่างไรก็ตามในสายตาของโลก การกระทำของแม่เขานั้น นับว่า ‘งี่เง่า’ อย่างยิ่ง

ในสถานีตำรวจ เลี่ยวมู่หยางมองไปยังประกาศจับของทั้งสองคนบนโต๊ะ และตกอยู่ในห้วงความคิด

หลังจากผ่านไปนาน เลี่ยวมู่หยางก็ถอนหายใจ แล้วหยิบปากกาขึ้นมา เซ็นชื่อลงในประกาศจับทั้งสองฉบับ “ฟ้าถล่ม มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้คน เฮ้อ…” หลังจากเซ็นชื่อเสร็จ เลี่ยวมู่หยางก็วางปากกาที่ ‘หนักมาก’ ลงบนโต๊ะ แล้วมองดูประกาศจับทั้งสองใบ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอกและจมลงสู่ความคิดอีกครั้ง

ประกาศจับตำรวจดีเด่นของสถานีตำรวจ ทำให้มาตราฐานในใจของประชาชนทรุดลงทันที เย่ปินและจางหลานได้กลายเป็นปีศาจในใจของทุกคนในเมือง X ไปแล้ว ทุกคนต้องการให้จัดการกับคนทั้งคู่อย่างรวดเร็ว

เป็นเพราะการปรากฏขึ้นของ ‘ฆาตกร’ ทำให้ความคิดเรื่อง ‘ผีร้าย’ สลายไปจากใจของผู้คนในเมือง X ทุกครั้งที่ผู้คนในเมือง X นึกถึงการติดเชื้อเรื่อง ‘ไสยศาสตร์’ ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ต้องหัวเราะเยาะตัวเอง

“บัดซบ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าโลกนี้เรื่องผีมันแค่ผายลม ล้วนแต่เป็นของปลอมทั้งหมด! ‘ผีร้าย’ ฆ่าคนอะไรกัน ไร้สาระจริงๆ”

“ใครบอกว่าไม่มี! เรื่อง ‘ผีร้าย’ ฆ่าคน ฉันยังเสียเงินไปมากเพื่อซื้อยันต์ป้องกันผีจากหมอผีเหล่านั้นมาด้วย!”

“สำหรับฉันมันไม่เป็นไร แค่ใช้เงิน 2-3 ร้อยหยวน ซื้อกระดาษยันต์ผายลมไร้ประโยชน์พวกนี้” ชายร่างอ้วนหยิบกระดาษยันต์ออกมาจากกระเป๋า ปาลงพื้นแล้วเหยียบซ้ำ “น่ารำคาญจริงๆ ทำให้ข้าต้องเสียเงินไปตั้งหลายร้อยหยวน!”

“ไอ้คนที่ชื่อเย่ปิน! มันเป็นฆาตกรโรคจิต ต่อหน้าดูเหมือนตำรวจดี แต่ลับหลังกลับเป็นฆาตกร! ตัวจริง!”

“ถ้าไม่เป็นเพราะไอ้เย่ปิน ต่อให้ใช้มีดพันเล่มมาบังคับ ฉันก็ไม่ยอมซื้อไอ้กระดาษยันต์ผีสางพวกนี้! น่าหงุดหงิดมาก ถ้าฉันพบมัน ฉันจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ”

“อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการทำคดีของตำรวจยังค่อนข้างช้า นานแล้วก็ยังจับเจ้าคนร้ายคนนี้ไม่ได้”

“ตอนนี้สถานีตำรวจก็ยุ่งอยู่เหมือนกัน ได้ยินมาว่า เบื้องบนได้ส่งคนพิเศษมาทำคดีนี้โดยเฉพาะ และยังบอกว่าจะจับไอ้ฆาตกรโรคจิตเย่ปินให้ได้ภายในหนึ่งเดือน”

เนื่องจากเย่ปินกลายเป็น ‘ฆาตกร’ เลี่ยวมู่หยางจึงถูกลงโทษ สำหรับเรื่องนี้เลี่ยวมู่หยางไม่ได้แก้ต่างแต่อย่างไร และยอมรับการลงโทษโดยดุษณี

นอกจากนี้ สำหรับคดีครั้งนี้รัฐบาลกลางได้ส่งบุคคลพิเศษซึ่งได้ชื่อว่าเป็น ‘เปาชิงเทียน (เปาบุ้นจิ้น)’ กับ ‘ตี้เหรินเจี๋ย’ ในเวอร์ชั่นสมัยใหม่มาไขคดี หลังจากบุคคลพิเศษผู้นี้มาถึงเมือง X ได้มีการแจ้งสื่อมวลชนให้ทราบ และมีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับพลเรือน ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก และกล่าวคำแถลงการอย่างไร้ความปราณีว่า เย่ปินกับจางหลานจะถูกจับกุมและนำตัวขึ้นศาลภายในเวลาไม่เกินสองเดือน

สำหรับเย่ปินกับจางหลาน ***ขโมยผลงานมาจากเว็บ ThaiNovel***เนื่องจากพวกเขาเป็นที่ต้องการตัว ดังนั้นพวกเขาจึงซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านร้างเขตชานเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านเฮยสุ่ยนัก

“หลินเสี่ยว” เย่ปินมองตำรวจที่กำลังแถลงข่าวด้วยสีหน้าที่ค่อยๆทรุดลง

“หลินเสี่ยวคนนี้ไม่ธรรมดา ในเมือง A และเมือง H เขาได้ไขคดีใหญ่จนได้ชื่อว่าเป็น เปาชิงเทียนกับตี้เหรินเจี๋ยในเวอร์ชั่นสมัยใหม่ หากตกเป็นเป้าหมายของเขา เราจะมีปัญหามาก” ทั้งเย่ปินกับจางหลานรู้จักตำรวจในข่าวดี เขาเป็นที่รู้จักกันดีในวงการตำรวจ แม้ว่าเขาจะมีอายุเพียงสามสิบต้นๆ แต่สถานะของเขานั้นอยู่สูงมากจนไกลเกินเอื้อม

ในวงการตำรวจ หลินเสี่ยวมีผู้ชื่นชมเป็นจำนวนมาก และแม้แต่เย่ปินกับจางหลานก็ต่างนับถือหลินเสี่ยว

“ไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม เราไม่สามารถถูกจับได้ มิฉะนั้นทุกอย่างที่ทำไปจะสูญเปล่า” แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับบุคคลพิเศษของวงการตำรวจ แต่เย่ปินก็ไม่มีความกลัวอยู่เลย

“ติดต่อเฉียนฉิงได้หรือยัง?” จางหลานหยุดพูดถึงหลินเสี่ยว แต่หันมาให้ความสนใจกับลู่เฉียนฉิงแทน เนื่องจากลู่เฉียนฉิงออกไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ทุกคนในทีมของเย่ปินก็ยังไม่มีใครติดต่อลู่เฉียงฉิงได้เลย

เย่ปินส่ายหน้าและกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “ฉันพยายามติดต่อเฉียนฉิงอยู่ทุกวัน แต่เขาปิดมือถือตลอดเลย”

“หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา” จางหลานขมวดคิ้ว ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี

“หวังว่าคงไม่เกิดอะไรขึ้น” เย่ปินถอนหายใจและก้มศีรษะลง ลู่เฉียนฉิงเป็นคนที่เขาไปเชิญตัวมาด้วยตัวเอง หากเกิดอุบัติเหตุบางอย่างกับลู่เฉียนฉิง เย่ปินคงต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อเห็นการท่าทางของเย่ปิน จางหลานก็รู้ตัวว่าได้พูดบางอย่างผิดไป เขาจึงก้าวเข้าไปตบไหล่เย่ปินเบาๆ “ไม่ต้องห่วง เด็กคนนั้นฉลาดมาก ฉันค่อนข้างแน่ใจได้ว่า จะไม่เกิดเหตุผิดพลาด”

เย่ปินเงยหน้าขึ้นมองจางหลานแล้วพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

ในช่วงเวลาที่อยู่ระหว่างการซ่อนตัว ทั้งคู่ก็ยังไม่หยุดสืบสวนคดี พวกเขาไปที่หมู่บ้านเฮยสุ่ยหลายครั้ง เพื่อตรวจสอบและสำรวจสถานีปลายทางของรถเมล์ ‘สาย 18’ ด้วยเหตุผลบางอย่าง นอกเหนือจากครั้งนั้นแล้ว พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้พบรถเมล์ผีคันนั้นอีกเลย

แม้ว่ารถเมล์ผีจะไม่ปรากฏตัว แต่ก็ยังมีคดีการเสียชีวิตเกิดขึ้นในเมือง X เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีรถบรรทุกขนาดใหญ่พลิกคว่ำไปทับรถคันเล็ก ในรถมีเด็กผู้หญิงรอดชีวิตเพียงคนเดียวเท่านั้น

คดีนี้ทางตำรวจจัดให้เป็นอุบัติเหตุทางการจราจรครั้งใหญ่ แต่หลังจากการสืบสวนของทีมเฉินฮุ่ย พบว่าคดีนี้เกิดขึ้นบนถนนไม่ไกลจากรถเมล์ ‘สาย 18’ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่า มันเป็นคดีที่มีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออกกับรถเมล์ ‘สาย 18’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด