ตอนที่ 59 ริช มอริค ผู้นำกิลด์กะโหลกแดง
ตอนที่ 59 ริช มอริค ผู้นำกิลด์กะโหลกแดง
เสียงเปิดหนังสืออย่างแผ่วเบาในห้องพยาบาล แสงแดดจากหน้าต่างใกล้ ๆ สาดสองเข้ามา สร้างบรรยากาศผ่อนคลายที่น้อยนักจะมีให้กับกาย
ชายหนุ่มบรรจงอ่านชื่อหัวข้อของหน้าที่เปิดไว้ “ศิลปะการต่อสู้ รูปแบบศาสตราวุธ ทุบ ขั้น 3” ภายในเนื้อหาหน้านี้มีเพียงศิลปะการต่อสู้ ทุบ ขั้น 3 เท่านั้น กายคิดว่าขั้น 4 และลำดับอื่นอยู่ในหน้าถัดไป แต่มันไม่รีบร้อนอ่านดู
“อ่านเพื่อเรียนรู้ ศิลปะการต่อสู้ รูปแบบศาสตราวุธ ทุบ ขั้น 3”
ข้อความของระบบเกมเด้งเตือนขึ้นมาเหมือนเช่นก่อนหน้า กายลงมืออ่านทันที ในครั้งนี้มันตั้งใจจดจำเนื้อหาและวิเคราะห์มากกว่าปกติ
ศิลปะการต่อสู้ ทุบ ขั้น 3 ในหนังสือบันทึกช่างโลหะ ยังคงเกี่ยวกับศาสตร์การตีเหล็ก จากคำอธิบายที่ผู้เขียนหนังสือบันทึกช่างโลหะบอกเล่าไว้ การทุบและตีไม่ต่างกันพวกมันมีสิ่งที่เชื่อมโยงกันโดยตรงนั้นคือแรง แรงที่กระทำกับบางสิ่ง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์บางอย่าง
การตีอาจจะใช้แรงเบากว่าการทุบ ตีเพื่อให้เปลี่ยนรูปร่าง แต่การทุบคือการบีบอัดจนทำให้แตก ดังนั้นผู้เขียนจึงบอกสรุปสั้น ๆ ว่าต้องทำสามสิ่งให้คล่องนั้นก็คือ การเปลี่ยนรูปร่าง การบีบอัดและสุดท้ายการทำลาย
อ่านมาถึงตรงนี้กายก็เริ่มเข้าในมากขึ้น ขั้นหนึ่งถึงฝึกด้วยการสร้างมีด ก็เพื่อให้มันฝึกการเปลี่ยนรูปร่างอย่างง่าย ๆ ของมีดทำครัว ขั้นสองที่ผ่านมากายทำอยู่หลายอย่างทั้งการสร้างดาบขึ้นมาและบีบอัดทำลายสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในเนื้อเหล็ก
“ขั้นสามคงต้องอาศัยการสร้างอาวุธจำนวนมากขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วในการฝึกฝน” กายพึมพำคนเดียว
ตอนนี้มันพอจะรู้หนทางในอนาคตแล้ว การสร้างอาวุธ แต่ทุกสิ่งมีราคาต้องจ่าย เขาต้องอาศัยวัตถุดิบจำนวนมากแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะอย่างไรซะชายหนุ่มก็เตรียมจะเปิดโรงตีเหล็กและขายอาวุธที่ตัวเองสร้างขึ้นอยู่แล้ว แต่แน่นอนว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในวิธีการฝึกฝน กายยังไม่ลืมอีกสิ่งหนึ่งนั้นคือการต่อสู้ การต่อสู้ช่วยยกระดับค่าประสบการณ์ได้รวดเร็วไม่แพ้กัน
แต่เราต้องมีอาวุธก่อน
กายเปิดไปด้านหลังของหนังสือบันทึกช่างโลหะค่อย ๆ ค้นหาพิมพ์เขียวอาวุธประเภทค้อน มันไม่เชื่อว่าผู้เขียนหนังสือจะไม่คิดออกแบบค้อนไว้สักด้ามสองด้าม จนในที่สุดกายก็เจอกับแบบพิมพ์เขียวกว่า 10 แผ่น
ทั้งหมดคือค้อนที่รูปแบบต่างกันออกไป
มีแค่สองที่เหมาะกับระดับนักรบฝึกหัด ขั้น 3 หนึ่งคือ ค้อนหลอมอัคคี และค้อนสั่นสะเทือน
กายคิดหนักตอนนี้ตนอยู่เพียงขั้นสองเท่านั้น พออ่านรายละเอียดมันตัดค้อนหลอมอัคคีออกจากตัวเลือกทันที
ค้อนหลอมอัคคีสามารถบรรจุจิตวิญญาณลงไปได้ ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธที่มีระดับสูงพอสมควร แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ นอกจากต้องใช้พละกำลังที่มากแล้ว ยังต้องใช้พลังจิตในการควบคุมมากกว่าปกติ ไม่อย่างนั้นผู้ใช้อาจจะถูกเผาซะเองจากความร้อนของตัวค้อน
ซึ่งนักรบฝึกหัดขั้น 3 นั้นถือว่าเป็นระดับต่ำสุดในการใช้ค้อนหลอมอัคคี
ส่วนค้อนสั่นสะเทือน มันก็มีความสามารถเช่นกัน นั้นคือการสั่นสะเทือน แต่มันจะแสดงผลเฉพาะตอนทุบกับบางสิ่งเท่านั้น ซึ่งผู้ใช้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ดังนั้นกายคิดว่ามันสามารถใช้ได้แม้จะเป็นเพียงนักรบฝึกหัดขั้นสองเท่านั้น แน่นอนว่าที่ทำให้มันมั่นใจนั้นก็คือ ในส่วนคำอธิบายบอกไว้ว่าสิ่งนี้ระดับการใช้งานไม่ตายตัว แต่ระดับต่ำกว่าต้องแบกรับน้ำหนักของตัวค้อนที่มากเกินกำลังพอสมควร ทำให้การใช้งานอาจจะยากขึ้นไปอีก แต่สิ่งนี้อาจจะส่งผลกับกายไม่มากนัก
พละกำลังและความอึดของเราสูงกว่าคนระดับเดียวกัน เพราะการทำงานในโรงตีเหล็ก ในที่สุดความอดทนต่อความทรมานทางร่างกายของมันก็มีประโยชน์มากขึ้น
กายยิ้มออกมาอย่างขมขื่นเมื่อนึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้น
ชายหนุ่มศึกษาพิมพ์เขียวอย่างเงียบงั้นทั้งวันจนกระทั่งตะวันตกดินสลับดวงจันทร์สาดส่องแสงขึ้นยามมืดมิด ก็หมดเวลาสำหรับเล่นเกมแล้ว
“ล็อกเอ้า”
...........
ปิ๊ป!
เสียงแจ้งเตือนของเครื่องแคปซูลดังขึ้น กายลืมตาลุกออกจากอย่างช้า ๆ มันบิดตัวไปมาด้วยความเมื่อยล้า การเล่นเกม แค่ 3 ชั่วโมงในโลกจริงนั้นยาวนาน 3 วันในโลกราชัน และช่วงที่ผ่านมาสามวันมันมีแต่สถานการณ์เป็นตาย กดดันจิตใจอย่างน่ากลัว ถ้าเป็นโลกความจริง มันเชื่อว่าตัวเองคงสติแตกไปแล้ว
หลังจากบอกลาเจ้ซาเรีย กายก็ออกจากร้านเกมเสมือนจริงหมายเลข 8 เดินทางกลับบ้านในทันที โดยที่ไม่ได้แวะกินอะไร ตอนนี้มากกว่าความหิว คือความง่วงนอน
“ถนน โครัน บ้านเลขที่ 12” กายบอกกับคนขับรถแท็กซี่ เนื่องจากในเวลานี้รถบัสราคาถูกที่กายนิยมขึ้นยังไม่ได้วิ่งในเวลานี้
ในตอนแรกชายหนุ่มคิดจะเดินกลับ แต่ความง่วงเข้าครอบงำมันจึงเลือกขึ้นรถแท็กซี่แทน
บ้านของกายอยู่ไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาทีก็มาถึงบ้านตนเอง กายจ่ายเงินเพียง 150 บิท
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงไม่กล้าใช้เงินขนาดนี้..
กายมองรถแท็กซี่วิ่งออกไปตามถนนที่มีแต่ฝุ่นควัน ภายใต้หน้ากากกันฝุ่นก็ปรากฏรอยยิ้มมุมปาก ตอนนี้การใช้ชีวิตของตัวเองเริ่มเปลี่ยนไปมากขึ้น
มันไปในทางที่ดี
ชายหนุ่มหันตัวกลับเข้าบ้าน เปิดประตูเข้าไป ก่อนที่จะตรงไปที่เครื่องฟอกอากาศพร้อมกับบ่นไปด้วยว่าวันนี้ค่าฝุ่นสูงกว่าปกติจนตัวเองรู้สึกแสบจมูก
หลังจากเปิดเครื่องอากาศรอบตัวของกายก็สะอาดมากขึ้น มันถอดหน้ากากออกสูดอากาศอย่างเต็มแรงพลางถอนหายใจ เพราะคิดว่าถ้าโลกนี้มีอากาศที่ดีแบบโลกราชันก็คงดีไม่น้อย
กายส่ายหัวยิ้มแห้ง ๆ เพราะไม่มีทางที่โลกนี้จะเป็นเหมือนกับโลกราชัน ยกเว้นมันจะขึ้นไปอยู่บนโอเอซิส พอคิดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งทำให้สายตาของกายมุ่งมั่นขึ้นไปอีก
หลังจากพับเรื่องขึ้นไปบนโอเอซิสไว้ในใจ มันก็เดินไปล้างหน้าล้างตัวก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอย่างสบายอารมณ์
...
23 เมษายน ปีที่ 70
แสงของดวงอาทิตย์ที่ให้พลังงานกับทุกสิ่งในโลกสาดส่องลงผ่านม่านฝุ่นอย่างยากลำบากกระทบเข้ากับใบหน้าของกายที่นอนหลับอยู่บนเตียงนุ่ม มันบิดตัวไปมาพลางอ้าปากหาว ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างกระตือรือร้น
หวังว่าจะมีข่าวของพวกโจรผู้เล่นพวกนั้น..
กายหยิบมือถือเครื่องเก่าของตัวเองออกมาก่อนจะเปิดไปที่เว็บไซต์ของช่อง VWG
“ถ้าต้องการทราบข้อมูลเกมก่อนใครก็ต้อง VWG นี่แหละ” กายพูดอย่างมั่นใจ นิ้วมือเลื่อนหน้าเว็บอย่างรวดเร็ว และก็เป็นอย่างที่มันคิด หัวข้อที่แทบจะเรียกว่าร้อนแรงจนปรอทแตกคือ เรื่องการโจมตีของผู้เล่นที่สังหาร NPC นับร้อยคนที่ป่าเคนารีส
รายการข่าวสดยังคงไม่ออกอากาศ แต่มีเป็นบทความและเว็บบอดที่น่าสนใจ กายนั่งอ่านก็เจอกับชื่อของกิลด์ผู้ที่เป็นคนกระทำการโจมตีนักเรียนสถาบันศาสตร์นักรบในครั้งนี้
กิลด์กะโหลกแดง..
กายขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึมก้มหน้าอ่านต่อไป
“กิลด์กะโหลกแดง” เป็นกิลด์มืออาชีพระดับต้น ๆ ของเกมระดับโลกจำนวนมาก คนพวกนี้คือมืออาชีพ นักเล่นเกมอาชีพ แน่นอนว่าชื่อเสียงของคนพวกนี้ก็ไม่ธรรมดา แต่ส่วนใหญ่จะไปในทางเสื่อมเสียซะมากกว่า
พวกมันทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะ..
สมาชิกในกิลด์มากกว่า 600 คนจากการคาดการกิลด์กะโหลกแดงได้ย้ายผู้เล่นทั้งกิลด์มาเล่นที่เกมราชันสงครามออนไลน์ทั้งหมด
หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้ กายไม่แปลกใจที่คนพวกนี้จะสามารถหาซื้อหน้าไม้กึ่งอัตโนมัติ หรือ มีบางคนที่สามารถหา ศิลปะการต่อสู้และพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยรูปแบบของเกมในโลกราชัน การมีคนจำนวนมากนั้นก็ทำให้ได้เปรียบในการรวบรวมทรัพยากร แน่นอนว่าต้องแลกมาด้วยจำนวนค่าใช้จ่ายที่มหาศาล
“ชายคนนี้มัน!”
กายอ่านจนมาถึงการเปิดเผยชื่อของหัวหน้ากิลด์กะโหลกแดง มันเคยเจอชายในรูป ชายคนนี้คือผู้ที่ใช้หน้าไม้ยิงกายจนเกือบตาย
ใบหน้าดุดัน คิ้วหน้าเข้ม สายตาเต็มไปด้วยความลึกลับ โดยรวมคือชายหนุ่มวัย 30 ผู้มีมาดเข้มขรึม จะต่างก็แค่ไม่มีรอยสักรูปกะโหลกสีแดงและรอยยิ้มสยองที่ใบหน้าก็เท่านั้น
ไม่ผิดอย่างแน่นอน…มันนี่เอง!
กายกัดฟันแน่น แม้จะเป็นแค่ภายในเกมที่เขาเกือบโดนฆ่า แต่สำหรับชายหนุ่มแล้ว มันก็ไม่ต่างจากโดนฆ่าในชีวิตจริงแม้แต่น้อย เพราะถ้าเขาตายทั้งหมดที่ทำมาก็จะหายไป
ในใจมันรู้สึกอนากจะตามแก้แค้นชายคนนี้มาก ถ้ามีโอกาส...
“ริช มอริค” กายจดจำชื่อของชายคนนี้ไว้อย่างขึ้นใจ แม้มันจะรู้ว่าในโลกราชันชายคนนี้อาจจะไม่ได้ใช้ชื่อนี้ก็ตาม ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมหน้าตาของชายคนนี้และในเกมถึงได้เหมือนกัน ซึ่งต่างจากตนที่หน้าตาไม่เหมือนกับหน้าจริง กายคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับความต่างของรุ่น “ลิงก์” ที่ทั้งสองใส่อยู่
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดของกายเท่านั้น ส่วนจะจริงแค่ไหนมันก็ไม่รู้
หลังนั่งโกรธอยู่สักพักกายก็พับเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน มันเปิดไปที่ความคิดเห็นซึ่งคนส่วนใหญ่ต่างก็มีความเห็นต่างกันไป แต่เกินกว่าครึ่ง พวกเขาสาปส่งให้คนในกิลด์กะโหลกแดงไปตายซะ!
ส่วนเหตุผลนั้นก็เหมือนที่กายเคยบอก พวกกิลด์กะโหลกแดงได้ทำให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ โดยเฉพาะผู้เล่นในนครดาราฟ้าต้องพบกับความยากลำบากอย่าง อาจจะโดนไล่ล่าเหมารวมไปด้วย
แน่นอนว่ายังมีสมาชิกจากกิลด์กะโหลกแดงมาตอบกลับไปอย่างดุเดือด ส่วนใหญ่แล้วต่างบอกจะล่าคนที่ด่ากิลด์กะโหลกแดง ในโลกราชัน นั้นยิ่งทำให้เหมือนกับสาดน้ำมันลงไปในกองไฟ คอมเมนต์ยิ่งโหมกระหน่ำมากกว่าเดิม ผ่านมาแค่ 2 ชั่วโมงก็มียอดวิวคนอื่นบทความมากกว่าสิบล้านและคอมเมนต์มากกว่าสองแสนคอมเมนต์เข้าไปแล้ว
ผ่านไปไม่นานก็มีกลุ่มผู้เล่นตั้งกองกำลัง “ผู้เก็บกวาดหัวกะโหลก” ขึ้นมา ซึ่งจุดประสงค์คือการตามฆ่าสมาชิกกิลด์กะโหลกแดง ทำให้มีผู้เล่นที่โมโหกิลด์กะโหลกแดงหลายคนเข้าร่วมอย่างคับคลั่ง
ดูเหมือนจะคนฉวยโอกาสจูงจมูกผู้เล่นเพื่อทำลายกิลด์กะโหลกแดง กายวิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่ยาก ซึ่งหลายคนก็คงจะคิดแบบเดียวกับกาย แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะมันน่าสนุกจะตายไป
มันวางมือถือลงและยิ้ม...ดูเหมือนจะไม่ใช่เราที่หมายหัวพวกกิลด์กะโหลกแดง แต่ทางนั้นก็ไม่ได้กลัวผู้เล่นพวกนี้ สมกับเป็นพวกบ้าดีเดือด หลังจากนี้อาจจะมีสงครามระหว่างผู้เล่นเกิดขึ้น นั้นจะยิ่งทำให้คาดเดาอนาคตของโลกราชันยากมากขึ้น
“แต่ตัวเรากลับรู้สึกตื่นเต้น...สงคราม” ใบหน้าของชายหนุ่มฉาบด้วยรอยยิ้ม
ที่ใดมีสงคราม...ที่นั่นมีลูกค้าของพ่อค้าอาวุธ