80Y-ตอนที่ 66 วิธีแสดงความกตัญญู?
หลินเทียนหยวน มาหา หลินจิ่วเฟิง ก็เพราะว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากที่มาจากยุคก่อนทยอยกันปรากฏตัวขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาค่อย ๆ หลุดออกจากการผนึกตัวเอง และ จะปรากฏตัวสู่โลกหล้าอีกครั้ง
คนเหล่านี้คือผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งจากยุคก่อน แม้ว่าพวกเขาจะอ่อนแอลงอย่างมากหลังจากเวลาผ่านไปเพราะถูกผนึกมาเป็นระยะเวลานาน แต่ผู้บ่มเพาะพลังในโลกใหม่นี้ก็เพิ่งปรับตัวเข้ากับพลังงานทางโลกที่เพิ่งได้รับการฟื้นฟู
มันคงจะเกินจริงไปหน่อยหากพวกเขาจะสามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นได้
ดังนั้นพวกเขาจะต้องทำทุกอย่างที่ทำได้ในการจัดการคนเหล่านี้
โดยเฉพาะการไม่ปล่อยให้คนเหล่านี้ออกมาเร็วเกินไป หากสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้หลุดออก พวกเขาจะทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ พอถึงเวลานั้น โลกหล้าที่สงบสุขก็จะหายไปในทันที
ดังนั้น หลินจิ่วเฟิง จึงไม่ลังเลที่จะถ่ายทอดรูปแบบอาคมผนึกที่เขาพัฒนาให้กับ หลินเทียนหยวน
“ด้วยพลังของรูปแบบอาคมผนึกนี้ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งใด อย่างน้อยในตอนนี้ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาเหล่านั้นจะหลุดออกมาจากการผนึกตัวเอง”
น้ำเสียงของ หลินจิ่วเฟิง ค่อนข้างเงียบสงบ แต่ความมั่นใจของเขาสูงเฉียดฟ้า
นั่นก็เพราะเขาได้รับความรู้ความเข้าใจมาจากหนักสือสารานุกรมรูปแบบอาคม
“ขอบคุณท่านลุง”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับอย่างมีความสุข
“เจ้ายังคงต้องใส่ใจเกี่ยวกับการเตรียมกองกำลังของเจ้าเองด้วย ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาในปัจจุบัน มีเทพมนุษย์ ปรากฏตัวขึ้นบ้างหรือไม่?”หลินจิ่วเฟิงได้กล่าวถาม
เขาเพียงคนเดียวไม่สามารถสนับสนุนราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาได้
ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องไปจากที่นี่
“ท่านลุง ข้าได้หล่อเลี้ยงเทพมนุษย์ขึ้นมาแล้ว 2 คน นอกจากนี้ข้ายังได้จัดตั้งสำนักบ่มเพาะพลัง และ ได้ออกกฏหมายเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์…”
“สำนักบ่มเพาะพลังนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ เด็กที่มาจากครอบครัวธรรมดาสามารถเรียนรู้และฝึกฝนในเส้นทางการบ่มเพาะพลังได้ เมื่อเด็กเหล่านี้เติบโตขึ้น ความแข็งแกร่งของพวกเขาช่วยเหลือราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาได้อย่างแน่นอน”หลินเทียนหยวน ได้แบ่งปันผลลัพธ์ที่เขาได้รับในช่วงเวลานี้
หลังจากเหตุการณ์ล้มล้างจักรพรรดินีที่ไร้สาระในตอนนั้น หลินเทียนหยวน ก็รู้ว่าตนเองควรทำอะไร
เขาต้องหล่อเลี้ยงรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์เพื่อมาทำงานรับใช้ราชวงศ์
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ หลินเทียนหยวน
เขาอดไม่ได้ที่จะพึงพอใจ“ในที่สุดเจ้าก็โตเต็มตัวแล้ว”
หลินเทียนหยวน ยิ้มด้วยความละอายหลังจากนั้นเขาก็ออกไปจากที่นี่โดยตรง
หลังจากได้รับรูปแบบอาคมผนึกเขาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องรบกวน หลินจิ่วเฟิง อีกต่อไป
เมื่อ หลินเทียนหยวนกลับไป เขาได้ดึงรูปแบบอาคมผนึกออกมาจากความทรงจำของเขาและส่งต่อออกไป
“ให้กำลังรบปราชญ์การต่อสู้เคลื่อนไหว หากมีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น ให้รีบใช้สิ่งนี้เพื่อปิดผนึกในทันที อย่าได้กลัวที่จะสิ้นเปลืองทรัพยากร เพราะ ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาของเรามทรัพยากรมากมาย…”
“ข้อกำหนดเดียวของข้าคือ ความปลอดภัยของทุกคนจะต้องได้รับการรับประกัน”หลินเทียนหยวน ได้กล่าวออกมา
จากนั้นก็มีคนเดินไปรายงานกำลังรบปราชญ์การต่อสู้
ทันใดนั้น ปราชญ์การต่อสู้ จากทุกสารทิศก็ได้ออกจากเมืองหลวงราชวงศ์จำนวนมาก
พวกเขาได้นำรูปแบบอาคมผนึกที่ หลินเทียนหยวน ส่งต่อให้พวกเขา ไปยังสถานที่ที่มีความผิดปกติเพื่อที่จะผนึกสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้น
ในช่วงระยะเวลาอันสั้น
หลังจากที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ทะลวงผ่านเข้าสู่ขั้นเทพมนุษย์ หลินเทียนหยวน ก็ได้ก่อตั้งกำลังรบปราชญ์การต่อสู้
จำนวนปราชญ์การต่อสู้ภายใต้การควบคุมของเขามีมากกว่า 3,000 คน
นอกจากปราชญ์การต่อสู้ 3,000 คนก็ยังมีเทพมนุษย์อีก 2 คน…
แม้จะไม่ต้องพึ่งพา หลินจิ่วเฟิง ด้วยกำลังรบเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะบดขยี้ทุกสิ่งในโลกหล้าและปกป้องราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
อีกอย่างเนื่องเพราะ หลินเทียนหยวน ในตอนนั้นได้ไปมองหาเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักทีละคน ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักดีมากขึ้น ดังนั้นอีกฝ่ายจึงให้การสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่
เขาได้รับการสนับสนุนทั้งหมดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในที่สุด หลินเทียนหยวน ก็สามารถเปรียบเทียบกับพ่อของเขา-จักรพรรดิหยวน-จักรพรรดิผู้ที่ริเริ่มการปฏิรูปโลกอย่างแท้จริง
…
หลังจากที่ หลินเทียนหยวน ออกไปพร้อมกับ รูปแบบอาคมผนึก วันเวลาของ หลินจิ่วเฟิง ก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ไม่มีใครมารบกวนเขาขณะที่เขาลงชื่อเข้าใช้สถานที่ตามปกติ
มีบางอย่างได้เปลี่ยนไปในกิจวัตรประจำวันของเขา อย่างไรก็ตาม ทุกวันเขาจะไปกำจัดปีศาจในถ้ำปีศาจเพื่อแลกเปลี่ยนกับของรางวัล ทำให้เขาได้รับสิ่งของใหม่ ๆ ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น สมบัติ,โอสถ,หรือ หนังสือความรู้ต่าง ๆ
หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้เรื่องมากเลย
เขาได้เอาทุกอย่างที่เขาได้รับมาใช้ทั้งหมดเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา
ในชั่วระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 10 กว่าวัน หลินจิ่วเฟิง ได้ไปถึงจุดสูงสุดของด่านกายาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นช่วงพลังที่ 3 ของขั้นเทพมนุษย์
เขาอยู่ไม่ไกลจากช่วงที่ 4 ‘ด่านจุติใหม่’
‘ข้าได้ลงชื่อเข้าใช้สถานที่อย่างเงียบ ๆ และบ่มเพาะพลังในแต่ละวัน’หลินจิ่วเฟิงได้คำนวณในใจ
‘หากดำเนินกิจวัตรประจำวันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ พัฒนาการในขั้นต่อไปก็อยู่ไม่ไกลแล้ว’
10 วันมานี้เขาได้ปราบปรามปีศาจที่ตื่นขึ้นมาหมดแล้ว
ตัวอื่น ๆ ยังคงหลับใหลอยู่ภายในถ้ำปีศาจ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลินจิ่วเฟิง ก็หลับตาลง
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ออกจากร่างกายและสร้างเป็นร่างที่สอง
มันเป็นร่างพลังที่สามารถใช้พลังทุกอย่างของ หลินจิ่วเฟิง ได้
“เข้าไปในถ้ำปีศาจและปลุกปีศาจตัวอื่น ๆ”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวกับจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขา
เขามองดูปีศาจนับสิบตัวที่อยู่ข้างหน้าเขา
ขุมพลังชั้นนำเหล่านี้จากยุคก่อนได้พ่ายแพ้ให้กับ หลินจิ่วเฟิง ทั้งหมด
พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะยืนหยัดในการต่อสู้ได้
ในทุกการต่อสู้ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงตอนนี้พวกเขาถูก หลินจิ่วเฟิง เพียงแค่สะบัดนิ้วเท่านั้น
พลังปราณแท้จริงโบราณภายในร่างกายได้ทำหน้าที่แทนเขา มันได้ลงทันฑ์ปีศาจเหล่านี้และเอาชนะพวกมันได้ในทันที
เมื่อรู้ว่าพวกมันไม่มีความหวังที่จะเอาชนะ พวกมันจึงได้ตัดสินใจที่จะเชื่อฟังทุกคำสั่งของ หลินจิ่วเฟิง วันนี้พวกมันได้พา จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของ หลินจิ่วเฟิง เข้าไปยังส่วนลึกของถ้ำปีศาจและพยายามปลุกเทพปีศาจที่หลับใหล
เทพปีศาจเหล่าีน้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังในอดีต มันแข็งแกร่งกว่าปีศาจทุกตัวที่ หลินจิ่วเฟิง เคยสู้มา
การต่อสู้ได้กินเวลาประมาณ 300 กระบวนท่า จากนั้นเขาก็ลงชื่อเข้าใช้สถานที่และออกจากสถานที่แห่งนี้หลังจากได้รับสิ่งที่น่าพึงพอใจ
เขาได้ก้าวหน้าและล่าถอยตามวัตถุประสงค์
ส่วนนี้ได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ปราบปรามปีศาจ ลงชื่อเข้าใช้หลังจากมอบความพ่ายแพ้ให้อีกฝ่าย รับรางวัลทุก ๆ ชัยชนะของเขา ทุกรางวัลล้วนเป็นประโยชน์กับเขาไม่มากก็น้อย
สิ่งนี้ทำให้การบ่มเพาะพลังของเขาก้าวกระโดดอย่างมาก
ความยากในการบ่มเพาะพลังขั้นเทพมนุษย์ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอีกต่อไป
เขาได้ทำแบบนี้จนกระทั่ง 3 เดือนผ่านไป
ภายในสามเดือนนี้เขาได้กำไรมหาศาล
เขาได้เอาชนะเทพปีศาจทีละคน
เทพปีศาจที่อยู่ในสภาพที่อ่อนแอไม่สามารถเอาชนะ หลินจิ่วเฟิง ได้
…
3 เดือนต่อมา ท่านหญิงหง ได้กลับสู่ราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่
สิ่งแรกที่นางทำก็คือตรวจสอบเข็มทิศ
นี่คือสมบัติสูงสุดของนิกายเต๋าสวรรค์
มันสามารถทำนายได้ว่ารูปแบบอาคมผนึกซากปรักหักพังโบราณจากยุคก่อนอันใดที่ใกล้จะพังทลาย
“น่าแปลก…”ท่านหญิงหง มองไปที่เข็มทิศด้วยสีหน้าคิ้วขมวด
นางจำได้อย่างชัดเจนว่าใกล้กับราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา มีสิ่งมีชีวิตมากกว่า 100 ชีวิตกำลังจะหลุดออกมาจากผนึกของพวกเขา
ย้อนกลับไปในตอนนั้น นางวางแผนที่จะจัดการกับสถานที่อื่น ๆ ก่อนจากนั้นค่อยเดินทางไปที่ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาเพื่อแก้ไขปัญหาในคราวเดียว
นางไม่ได้คาดหวังเลยว่าปัญหาเหล่านี้ในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาจะหายไปภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน
‘ทำไมสัญญาณเหล่านี้จึงหายไป?’ ท่านหญิงหง มองไปที่เข็มทิศด้วยความสับสน
‘หรือว่าเป็นเทพมนุษย์จากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาที่เคลื่อนไหว?’ ท่านหญิงหง พึมพัมออกมา
‘แต่มันไม่ควรจะง่ายดายขนาดนั้น…’
‘การปราบปรามสถานที่หนึ่งหรือสองแห่งไม่น่าจะใช่ปัญหา แต่การปราบปรามสถานที่กว่า 100 แห่ง...เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขารู้จักรูปแบบอาคมผนึกที่ทรงพลัง?’ ท่านหญิงหง ได้พึมพัมกับตัวเอง
‘แต่นี่ก็เป็นเรื่องดีเช่นเดียวกัน’
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนฝีปากของนางจากนั้นนางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
‘ข้าควรใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาแห่งความมั่นคงเหล่านี้ เพื่อชำระหนี้กับผู้มีพระคุณของข้า จากนั้นข้าจะได้ฟื้นฟูจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้สำเร็จ เมื่อข้าทำสิ่งนี้สำเร็จแล้ว ข้าก็จะสามารถฟันฝ่าไปยังขั้นพลังต่อไปได้…”
‘เมื่อจิตวิญญาณสักดิ์สิทธิ์ของข้าสมบูรณ์ ข้าจะแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นจากนั้นข้าก็จะสามารถปราบปรามคนเหล่านั้นจากยุคก่อนได้ เพื่อซื้อเวลาให้กับผู้คนในยุคสมัยใหม่นี้ได้มีเวลาที่เพียงพอสำหรับการปรับตัวเข้ากับโลกใหม่ และ หวังว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเหมือนกับเหล่าคนพวกนั้นจากยุคก่อน ๆ โดยเร็วที่สุด’
ความมุ่งมั่นได้ปรากฏขึ้นในสายตาของท่านหญิงหง
นี่คือเจตจำนงค์และความตั้งใจของนิกายเต๋าสวรรค์
ความสมดุล!
เนื่องจาก ท่านหญิงหง ได้สืบทอดเจตจำนงค์ของนิกายเต๋าสวรรค์มา นางจึงทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
‘แต่ข้าจะชำระหนี้บุญคุณครั้งนั้นได้อย่างไร?’
นางได้ครุ่นคิดอยู่ครู่นึง
ท้ายที่สุด นางก็คิดไม่ออกเลยว่าจะตอบแทนเขาอย่างไร
‘ข้าควรจะลองปรึกษาคนอื่น’ท่านหญิงหง ได้พับกระเรียนกระดาษขึ้นมา
คราวนี้ นางได้พับนกกระเรียนกระดาษมากกว่าครั้งที่แล้ว โดยนางได้เขียนข้อสงสัยทั้งหมดไว้ในนกกระเรียนกระดาษ
‘นกกระเรียนกระดาษ 30 ตัว ย่อมต้องมี 30 คำตอบที่แตกต่าง…’
‘ข้าหวังว่าคำตอบเหล่านั้นจะช่วยให้ข้าคิดหาวิธีตอบแทนเขาได้’
ท่านหญิงหงตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบจากผู้รับนกกระเรียนกระดาษเหล่านี้